เทคนิคการคิดหัวข้อเรื่องสำหรับการทำโครงงาน
เทคนิคการคิดหัวข้อเรื่อง สำหรับการทำโครงงาน ประเภทต่าง ๆ และการทำโครงงานวิทยาศาสตร์สำหรับนักเรียนทั่วไป ซึ่งเป็นแนวคิดกว้าง ๆ สำหรับให้นักเรียนเป็นกรอบความคิดเพื่อให้นักเรียนตัดสินใจในการเลือกหัวข้อในการทำโครงงาน
1. ให้สังเกตสิ่งแวดล้อมใกล้ตัวที่เป็นปัญหา
ในการสังเกตสิ่งแวดล้อมทั่วไปรอบ ๆ ตัวนักเรียนที่เป็นปัญหา เช่น สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน สิ่งแวดล้อมรอบ บ้านนักเรียนเอง สิ่งแวดล้อมทั่วไป เช่น ในโรงเรียนมีขยะ เยอะ มีเศษไม้ เศษหญ้า หรือวัสดุต่าง ๆ ที่ไม่สามารถนำกลับมาใช้ให้ประโยชน์ได้แล้ว แล้วคิดหาวิธีให้สามารถนำกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์อีกครั้ง
2. ให้สำรวจปัญหาที่เกิดจากอาชีพในท้องถิ่น
ในการประกอบอาชีพในชุมชนหรือท้องถิ่นว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างไรบ้าง เช่น ปัญหาจากแมลงศัตรูพืช วัชพืชต่าง หาวิธีในการกำจัดศัตรูพืช วัชพืชต่าง ๆ หรือนำสิ่งเหล่านั้นนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ หรือวิธีในการเพิ่มจำนวนผลผลิตของ อาชีพต่าง ๆ หาวิธีในการลดค่าใช้จ่ายการการผลิต หาวิธีในการลดเวลา จำนวนต้นทุน ฯลฯ
3. สำรวจปัญหาของอาชีพเสริม
ในการสำรวจปัญหาจากการประกอบอาชีพเสริมของตัวนักเรียนเองหรือชุมชน โดยการหาวิธีในการเพิ่มปริมาณผลผลิต คุณภาพผลของผลผลิต หรือปรับปรุงวิธีการต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เช่น การเลี้ยงปลาสวยงาม ให้คิดหาวิธีในการทำให้ปลามีสีสวย คิดหาวิธีคิดสูตรอาหาร คิดหาวิธีในการเพาะพันธุ๋ปลา เป็นต้น
4. สำรวจความเชื่อของคนในท้องถิ่น
ลองให้นักเรียนสำรวจความเชื่อต่าง ๆ ของคนในท้องถิ่น ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน ที่มีความเชื่อในเรื่องต่าง ๆ หรือที่เคยปฏิบัติสืบต่อ ๆ กันมา มาพิสูจน์หาข้อเท็จจริง ว่าที่คนในท้องถิ่นกระทำนั้นเป็นจริงหรือไม่ เช่น ความเชื่อในเรื่องฟันผุ มีสาเหตุมาจาก มีแมงกินฟันจริงหรือ ความเชื่อในการกินดินเค็ม ว่ามีสารให้ก่อประโยชน์ จริงหรือ ฯลฯ แล้วนำมาคิดหาแนวคิดในการทำโครงงาน
5. ศึกษาค้นคว้าจากหนังสือ ตำราทางวิทยาศาสตร์ หรือหนังสือพิมพ์
ในการที่จะได้หัวข้อของโครงงาน ที่ได้มามากอีกทางหนึ่งคือ การศึกษาหาความรู้จากหนังสือ หรือตำราที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ หรือหนังสือพิมพ์ ที่ได้นำเสนอเกี่ยวกับการทำโครงงาน ชึ่งเราจะนำแนวคิดต่างๆ ที่ได้มาจากหนังสือพิมพ์ นำมาดัดแปลงหรือคิดเป็นหัวข้อโครงงานได้
6. ชม ฟัง รายการวิทยุ หรือโทรทัศน์
รายการวิทยุ หรือโทรทัศน์ หลายรายการ ได้นำเสนอเกี่ยวกับการทำโครงงานของนักเรียนนักศึกษา ต่าง ๆ ที่ได้จัดทำประสบความสำเร็จได้นำมาเสนอสู่สายตาบุคคลทั่วไป เช่น รายการคนไทยวันนี้ รายการเกษตร รายการดินดำน้ำชุ่ม รายการของกระทรวงเกษตร ต่าง ๆ ดดยนำแนวคิดต่าง ๆ มาปรับปรุงเพิ่อคิดเป็นหัวข้อโครงงานได้
7. ศึกษาจาก นิทรรศการ หรือโครงงานของผู้อื่น
ในการเข้าศึกษาดูงานจาก นิทรรศการ ต่าง ๆ ตามหน่วยงานหรือสถาบันทางการศึกษา ได้จัดขึ้น เช่นตามมหาวิทยาลัย ต่าง ๆ หรือหน่วยงานของทางราชการ หรือเอกชน จะมีการนำโครงงานประเภทต่าง ๆ เข้ามาประกวด หรือแข่งขัน ซึ่งนักเรียนสามารถติดตามหรือศึกษาจากโครงงานต่าง ๆได้ แล้วนำแนวคิดที่ได้จากการศึกษา มาปรับปรุงคิดเป็นหัวข้อโครงงานของเราได้
8. นักเรียนสามารถสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้จากผู้รู้
หรือครูอาจารย์ที่ปรึกษา ในเรื่องที่เราสนใจ เพื่อหาแนวความคิดกว้าง ๆ หรือวิธีในการตัดสินใจในการเลือกคิดทำหัวข้อโครงงาน
เริ่มต้นโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างไร
เริ่มต้นโครงงานวิทยาศาสตร์อย่างไร
1. หาหัวข้อที่จะศึกษา
พยายามคิดและหาสิ่งที่เราต้องการจะศึกษา ซึ่งอาจจะมาจากงานอดิเรกหรือปัญหาอื่นๆ ที่ผู้พัฒนาต้องการหาทางแก้ไข ซึ่งอาจจะมีเพียง 1 หรือ 2 เหตุการณ์
2. ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
พยายามที่จะศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลต่างๆ
เกี่ยวกับหัวข้อที่คิดไว้จากวารสารวิชาการ ห้องสมุด หรืออินเทอร์เน็ต สังเกตเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง เก็บรวบข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับหัวข้อดังกล่าว ค้นหาผลลัพธ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้หรือผลลัพธ์ที่ไม่คาดคิด พูดคุยปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหรือบริษัทต่างๆ ในสาขาที่เกี่ยวกับหัวข้อที่ต้องการจะศึกษา เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตระเตรียมหรือสร้างเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้ในการศึกษา
3. จัดการ
จัดการรวบรวมทุกๆ สิ่งที่เรียนรู้มา ในขั้นนี้
ผู้พัฒนาควรวิเคราะห์และสรุปความรู้ที่ได้รับอย่างเป็นระบบ และมุ่งเน้นลงไปที่แนวความคิดที่เฉพาะเจาะจงมากขึ้น โดยพยายามเชื่อมโยงความรู้ที่ได้รับกับปัญหาที่สนใจ เพื่อจะได้กำหนดขอบเขตของงานภายใต้เวลาที่มีและตั้งสมมติฐานได้
4. จัดตารางเวลา
สร้างและกำหนดกิจกรรมต่างๆ ที่ผู้พัฒนาจะต้องทำใส่ลงในกำหนดเวลา กิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทดลองและการเก็บข้อมูลอาจจะต้องใช้เวลามาก เนื่องจากการทดลองเพียงครั้งเดียวหรือสองครั้งอาจจะไม่เพียงพอ ผู้พัฒนาควรจะวางแผนในการทำการทดลองซ้ำ
ผู้พัฒนาไม่ควรลืมที่จะจัดสรรเวลาไว้สำหรับการเขียนรายงานและแสดงผลงานด้วย
5. วางแผนการทดลอง
เมื่อผู้พัฒนามีแนวความคิดต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการศึกษาแล้ว จากนั้นให้ลองเขียนแผนการทดลอง โดยแผนการทดลองนี้ควรอธิบายถึงวิธีทำการทดลองและสิ่งที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นขั้นตอน โดยผู้พัฒนาอาจจะเลือกวิธีการอธิบานโดยแบ่งเป็นหัวข้อย่อยหรือเขียนขั้นตอนของกระบวนการทำงานออกมาเป็นขั้นตอนชัดเจน
6. ปรึกษาอาจารย์ที่ปรึกษา
การทำโครงงานที่ดี
การสื่อสารกับผู้ที่เกี่ยวข้องมีความสำคัญอย่างยิ่ง ผู้พัฒนาควรหาเวลาพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาเกี่ยวกับโครงงานที่จะทำและแผนการทดลอง
7. ทำการทดลอง
ออกแบบการทดลองด้วยความรอบคอบ ในขณะทำการทดลอง ควรจดบันทึกรายละเอียดทุกอย่างที่เกี่ยวกับการทดลอง การวัดผลและสิ่งที่สังเกตได้ อย่ามั่นใจในความจำของเรามากเกินไป เพราะอาจหลงลืมได้ การทำการทดลองควรเป็นไปอย่างรอบคอบ ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนแปลงตัวแปรควรที่จะเปลี่ยนทีละตัวแปร
และทำการทดลองควบคุมด้วยซึ่งตัวแปรทุกชนิดไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ควรมีจำนวนตัวอย่างเพียงพอที่จะทำการทดลอง ในแต่ละการทดลอง ควรมีจำนวนตัวอย่างอย่างน้อย 5 ตัวอย่าง
8. ตรวจสอบผลการทดลอง
เมื่อทำการทดลองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้พัฒนาควรจะต้องตรวจสอบผลลัพธ์ที่ได้ วิเคราะห์ดูว่าผลการทดลองเป็นไปตามที่คาดไว้หรือไม่ อย่างไร การทดลองแต่ละครั้งมีขั้นตอนการทดลองเหมือนกันหรือไม่ มีคำอธิยายอื่นๆ อีกหรือไม่ที่ผู้พัฒนายังนึกไม่ถึง
การสังเกตการณ์การทดลองแต่ละครั้งมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นหรือไม่ การทำความเข้าใจถึงข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น และวิเคราะห์ข้อผิดพลาดนั้นอาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ควรทำการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิตเพื่อสนับสนุนผลงานด้วย
9. สรุปผลการทดลอง
ผู้พัฒนาอาจจะสรุปผลการทดลองของตนโดยการระบุถึงตัวแปรที่สำคัญ การเก็บข้อมูลให้เพียงพอ และสรุปว่า การทดลองนั้นๆ ยังจำเป็นที่ต้องทดลองต่อไปอีกหรือไม่ ผู้พัฒนาควรเปิดใจกว้าง
ไม่ควรเปลี่ยนแปลงผลการทดลองเพียงเพื่อให้ตรงกับทฤษฎีที่ได้เรียนรู้มา การทำการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นที่ผลการทดลองจะต้องตรงกับสมมติฐานที่ตั้งไว้ เพราะการทดลองนี่ถือเป็นเพียงการพิสูจน์สมมติฐานเท่านั้น
- 41616 reads