สวัสดีเพื่อน ๆ ผู้ติดตาม ninethaiphone ทุกท่านค่ะ วันนี้เรามีบทความ How To โหมดเครื่องบิน คืออะไร? มาฝากให้ได้ชมกัน โดยเราจะไปดูกันว่าโหมดเครื่องบินคืออะไร มีข้อดีอย่างไร และมีวิธีใช้งานอย่างไร พูดแล้วอย่ารอช้า เราไปติดตามรายละเอียดกันเลยค่ะ
โหมดเครื่องบิน (Airplane Mode) คือ การตั้งค่ามือถือสมาร์ตโฟนให้ปิดการใช้งานการสื่อสารแบบไร้สายทั้งหมด เพื่อให้สามารถใช้งานขณะโดยสารบนเครื่องบิน ให้สอดคล้องกับข้อบังคับของสายการบิน หรือในพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้ใช้ฟังก์ชันการสื่อสารแบบไร้สายได้
โดยการสื่อสารที่จะถูกปิดทั้งหมดขณะใช้งาน Airplane Mode ได้แก่ ข้อมูล Cellular, Wi-Fi, Bluetooth, GPS, Location Services ทำให้ไม่สามารถโทรเข้า-ออก, ส่งข้อความ และใช้งานอินเทอร์เน็ตได้
วิธีใช้งาน Airplane Mode
• เข้าไปที่เมนูการตั้งค่า (Settings) จากนั้นเข้าโหมดการเชื่อมต่อ แล้วมองหาคำว่า Airplane Mode, Flight Mode หรือโหมดการบิน แล้วแตะเปิดใช้งาน
• เข้าไปที่หน้า Quick Setting สมาร์ตโฟนบางรุ่นอาจใช้การเลื่อนหน้าจอด้านบนลง หรือบางรุ่นใช้การเลื่อนหน้าจอด้านข้างขึ้น และบางรุ่นใช้การเลื่อนหน้าจอฝั่งซ้าย-ขวา จากนั้นมองหาไอคอนรูปเครื่องบินก็จะเจอค่ะ
ข้อดีของ Airplane Mode
• ช่วยป้องกันการรบกวนจากบุคคลอื่น หากต้องการความเป็นส่วนตัวขณะอยู่ในโรงภาพยนตร์ หรือห้องประชุม, เล่นเกม, ฟังเพลงโปรดในระบบออฟไลน์ และสถานการณ์อื่น ๆ
• ช่วยเพิ่มความเร็วในการชาร์จแบตเตอรี่ เนื่องจากพวกโหมดการสื่อสารต่าง ๆ ถูกปิด ทำให้ชาร์จได้ไวขึ้น
• ช่วยยืดอายุการใช้งาน และช่วยประหยัดแบตเตอร์รี่ เนื่องจากพวกการสื่อสารแบบไร้สายใช้พลังงานแบตเตอรี่ค่อนข้างมาก
• ป้องกันการซื้อไอเทมเกมแบบไม่ตั้งใจ กรณีให้ลูกหลานใช้งานสมาร์ตโฟนก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเหมือนกัน
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับบทความทำความรู้จักกับโหมดเครื่องบินที่เราได้นำมาฝากกันในวันนี้ เอาไว้โอกาสหน้าเราจะมีบทความทริคอะไรดี ๆ มาฝากกันอีก ฝากเพื่อนๆ ติดตามชมกันด้วย และหากใครมีคำถามข้อสงสัยใดอยากให้แนะนำเพิ่มเติมก็ร่วมแสดงความคิดเห็นกันได้เลยค่ะ 😊
หลายคนอาจจะสับสนว่าโหมดเครื่องบินและโหมดห้ามรบกวนคืออะไร ? ถ้าเปิดใช้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น และโหมดไหนควรใช้ในสถานการณ์อะไรบ้าง ? ทีมงานมีคำแนะนำมาบอก มาดูกันเลย
โหมดเครื่องบิน โหมดห้ามรบกวนใน iPhone คืออะไร? ต่างกันอย่างไร?
มาทำความรู้จักโหมดเครื่องบินและโหมดห้ามรบกวนใน iPhone จะได้ใช้งานได้ถูกสถานการณ์
โหมดเครื่องบิน (Airplane Mode)
โหมดเครื่องบินมักจะถูกใช้ในตอนที่เราต้องเดินทางด้วยเครื่องบิน สายการบินจะขอให้เราปิดสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เพราะสัญญาณโทรศัพท์ของเราอาจปล่อยคลื่นสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งสามารถรบกวนการทำงานของอุปกรณ์ที่ต้องใช้ความแม่นยำสูงอย่างเครื่องบินได้
ซึ่งบางคนอาจจะไม่ทราบ แล้วกดปิดเครื่องไปเลย จริง ๆ แล้วเราสามารถใช้งานโหมดเครื่องบินแทนการปิดเครื่อง เพราะหลักการเปิดโหมดเครื่องบินคือเมื่อเราเปิดใช้งาน จะเป็นการปิดการเชื่อมต่อไร้สายทุกอย่าง ยกเว้น Bluetooth
การเปิดใช้งานโหมดเครื่องบินจะเป็นการปิดคุณสมบัติไร้สายทุกอย่างบน iPhone ดังนี้
- สัญญาณเซลลูลาร์
- สัญญาณโทรศัพท์
- Wi-Fi
- บริการตำแหน่งที่ตั้ง
- GPS
เราจะยังสามารถใช้งาน Bluetooth ได้อยู่ หมายความว่าเราสามารถใช้งานหูฟังไร้สายหรืออุปกรณ์ Bluetooth ต่าง ๆ ระหว่างไฟลท์ได้
หากสายการบินอนุญาต เราสามารถใช้ Wi-Fi และบลูทูธขณะอยู่ในโหมดเครื่องบินได้ แต่อาจจะต้องอาศัย Wi-Fi ของสายการบิน ซึ่งส่วนใหญ่ หากเราไม่ได้โดยสารอยู่ในชั้นธุรกิจหรือชั้น First Class เราจะต้องจ่ายเงินเพื่อซื้อ Wi-Fi บนเครื่องบินค่ะ
วิธีการเปิดโหมดเครื่องบินใน iPhone, iPad และ iPod Touch
วิธีที่ 1 : ไปที่เมนู Control Center > แตะปุ่มโหมดเครื่องบินเพื่อเปิด จากนั้นปุ่มจะเปลี่ยนเป็นสีส้ม
วิธีที่ 2 : ไปที่การตั้งค่า > เปิดโหมดเครื่องบิน
โหมดห้ามรบกวน (Do Not Disturb Mode)
โหมดห้ามรบกวนจะอยู่ในโหมดโฟกัส ที่แตกต่างจากโหมดเครื่องบินก็คือ โหมดโฟกัสไม่ได้ตัดการเชื่อมต่อทั้งเซลลูลาร์ Wi-Fi รวมถึงตำแหน่งที่ตั้งหรือการเชื่อมต่อไร้สายอื่น ๆ ยังคงทำงานอยู่ ฟีเจอร์นี้แค่จะไม่แสดงการแจ้งเตือนและสายโทรเข้าตามที่เราตั้งค่าเอาไว้
เราจะใช้งานโหมดห้ามรบกวน เพื่อปิดเสียงสายโทรเข้า การแจ้งเตือน “ทุกอย่าง” จากแอปต่าง ๆ ในตอนที่เราต้องการความเป็นส่วนตัว หรือกำลังโฟกัสอะไรบางอย่างอยู่ ซึ่งเราสามารถตั้งค่าโหมดห้ามรบกวนด้วยตัวเองได้ว่าจะให้แอปไหนส่งแจ้งเตือนให้เราได้บ้าง และสามารถตั้งเวลาเปิดโหมดรบกวนได้ด้วย
เมื่อเราเปิดโหมด “ห้ามรบกวน” จะมีไอคอนพระจันทร์เสี้ยวปรากฏในแถบสถานะและบนหน้าจอล็อค
หากอยากอนุญาติสายโทรเข้า และการแจ้งเตือนจากแอปบางแอป ก็สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่
การตั้งค่า > โฟกัส > เลือก “ห้ามรบกวน” ที่อยู่ในเมนูโฟกัส
ที่เมนู ผู้คน เราสามารถเลือกได้ว่าจะ “อนุญาตการแจ้งเตือน” หรือ “ปิดเสียงการแจ้งเตือน” โดยเราจะต้องเลือกผู้ติดต่อจากรายชื่อเพื่อดำเนินการด้วย
ในส่วนของ แอป ก็สามารถเลือกได้เช่นกันว่าจะอนุญาต หรือปิดเสียงการแจ้งเตือนฃ
ใน iOS 16 เราจะสามารถเลือกหน้าจอล็อก และหน้าจอโฮมเพื่อลิงก์กับโหมดห้ามรบกวนได้ด้วย
และเรายังสามารถตั้งค่าเปิดโหมดห้ามรบกวนอัตโนมัติตามวันและเวลาที่เราตั้งเอาไว้
iOS 16 ยังมีฟิลเตอร์สำหรับโหมดโฟกัสให้เลือกใช้ เป็นการคัดกรองการแจ้งเตือนจากแอปที่สำคัญและการทำงานของระบบบางอย่างที่เราเลือกตั้งค่าเองได้
วิธีการเปิดโหมดห้ามรบกวน
ไปที่เมนู Control Center > แตะปุ่มโฟกัส 1 ครั้ง จะเป็นการเปิดโหมดห้ามรบกวน แต่ถ้าเราแตะค้างจะสามารถเลือกใช้โหมดโฟกัสอื่น ๆ ได้
เมื่อทราบความแตกต่างระหว่างโหมดเครื่องบินและโหมดห้ามรบกวนใน iPhone แล้ว ก็สามารถนำไปปรับใช้กับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้เลยค่ะ