2.วิตามินE
- ที่มารูป: e.lnwfile.com
วิตามินอีขึ้นชื่อในเรื่องของการรรักษารอยแผลเป็น ลดจุดด่างดำ ประโยขน์ของวิตามินอีสำหรับผิวพรรณคือมีแอนตี้ออกซิแดนท์ช่วยยับยั้งการเกิดอนุมูลอิสระช่วยชะลอความแก่ ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ ช่วยลดริ้วรอยและรักษาแผลเป็น และช่วยให้ผิวชุ่มชื่น เรียบเนียน
ข้อแนะนำในการทานวิตามินอีคือ สำหรับช่วยเรื่องผิว ขนาดที่แนะนำให้รับประทานเสริม ขนาดเม็ดละ 400 I.U. วันละ 2 เม็ด เช้า-เย็น โดยรับประทานในปริมาณ 100 I.U. ก่อน แล้วจึงเพิ่มปริมาณเป็น 200 I.U. และ 400 I.U. ตามลำดับ
เนื่องจากวิตามินอีเป็นประเภทละลายในไขมัน ให้รับประทานไม่เกิน 3 เดือน หยุดพัก 1 เดือนและไม่ควรรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน ให้ทานเฉพาะเมื่อมีปัญหาเรื่องผิวพรรณหรือขาดวิตามิน
หากกินเหล็กและวิตามิน E พร้อมกัน จะเกิดภาวะที่ร่างกายไม่สามารถดูดวึมวิตามิน E ได้ วิธีแก้คือ ควรแยกกินวิตามิน E ก่อนธาตุเหล็ก 8-12 ชั่วโมง
3.กลูตาไธโอน
- ที่มารูป: glutacare.com
กลูต้าไธโอนเป็นอาหารเสริมที่ขึ้นชื่อในเรื่องของผิวขาว ประโยชน์ของกลูต้าไธโอนคือมีฤทธิ์ในการยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ส่งผลให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำ กลายเป็นสีชมพูขาว ช่วยให้ผิวกระจ่างใส มีออร่า
ข้อแนะนำในการทานกลูต้าคือ ถ้าคนหนัก 50 กิโลกรัม ถ้าจะทานกลูต้าไธโอนเพื่อให้ผิวขาวจะต้องทานวันละ 500 มิลลิกรรม หรือ 1 เม็ด คู่กับวิตามินซีวันละ 1000 มิลลิกรรม ซึ่งสาร antioxidize จะทำกลูต้าไธโอนที่อยู่ในร่างกายคงรูปร่างอยู่ในรูปที่ออกฤทธิ์ได้นานขึ้นค่ะ
สาว ๆ ที่น้ำหนักตัว 51-75 กก. ให้ทานกลูต้าไธโอน วันละ 3 เม็ด คู่กับวิตามินซี 1000 มิลลิกรรม
สาว ๆ ที่น้ำหนักตัว 76-100 กก. ก็ให้ทานกลูต้าไธโอนตอนท้องว่างวันละ 4 เม็ด คู่กับวิตามินซี 100 มิลลิกรรม
ส่วนช่วงที่ทานกลูต้าไธโอนแล้วถูกดูดซึมดีที่สุด ก็คือ ช่วงท้องว่างในก่อนนอนหรือหลังตื่นนอน หรือก่อน-หลังทานอาหารมากกว่า 30 นาทีขึ้นไปค่ะ
4.น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส
- ที่มารูป: cdn.findarthritistreatment.com
น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสขึ้นชื่อในเรื่องของการทำให้ผิวนิ่มมีน้ำมีนวล ประโยชน์ของน้ำมันอีฟนิ่งพรีมโรสคือสามารถช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำของเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้ผิวมีความชุ่มชื้น เนียนนุ่มน่าสัมผัส ช่วยในเรื่องของสิวอักเสบ ปรับระดับฮอร์โมนให้คงที่ ไม่ให้ฮอร์โมนส์แปรปวน และช่วยบรรเทาอาการของโรคเรื้อนกวางได้อีกด้วย
ข้อแนะนำในการทานอีฟนิ่งพริมโรสคือ รับประทานครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง สามารถทานได้ตลอดแต่ควรมีการพักการรับประทานด้วย
5.โคเอ็นไซม์คิวเทน
- ที่มารูป: vitaminretailer.com
โคเอ็นไซม์คิวเทนขึ้นชื่อในเรื่องของการชะลอวัย ริ้วรอย ประโยชน์ของโคเอ็นไซม์คิวเทนคือช่วยส่งเสริมพลังงานในระดับเซลล์ผิว ปกป้องเนื้อเยื่อ คอลลาเจน และอิลาสตินจากรังสี UV ทำให้ผิวแข็งแรง ชุ่มชื่น ช่วยลดเลือนริ้วรอยเหี่ยวย่นและปกป้องการเกิดรอยเหี่ยวย่นได้อีกด้วย
ข้อแนะนำในการทานโคเอ็นไซม์คิวเทนคือ สำหรับการบำรุงผิวแนะนำให้ทาน ไม่เกิน 100 มิลลิกรรมต่อวัน หากทานในขนาดที่สูงเกินไปอาจมีอาการทางด้านระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ ท้องเสีย แสบร้อนในอก และไม่สบายท้องได้
6.สารสกัดเมล็ดองุ่น ( Grape seed )
- ที่มารูป: f.ptcdn.info
เกรปซีดหรืออาหารเสริมที่สกัดจากเมล็ดองุ่น ช่วยในเรื่องของผิวสุขภาพดี ประโยชน์ของเกรปซีดได้แก่ สงเสริมให้ผิวมีสุขภาพดีขึ้น ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวดูขาวขึ้น ยังช่วยในเรื่องการลดอัตราการเกิดสิว ลดการอักเสบของผิว และสามารถป้องกันสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปในเซลผิวของเราได้อีกด้วย
ข้อแนะนำใหการทานเกรปซีดคือ ไม่เกิน 300 กรัมต่อวัน ช่วงเวลาที่ดูดซึมเกรปซีดได้คือคือช่วงเช้า โดยกินหลังอาหารทันที *วิธีรับประทานเหมือนวิตามินซี แนะนำให้ทานต่อเนื่องหก เดือน หยุดหนึ่งเดือน
และนี่ก็คือ 6 วิตามินที่ช่วยให้เราผิวใสสุขภาพดี ไม่ว่าจะพื้นเพของผิวเราจะเป็นสีไหนแต่เราก็ผิวสวยใสสุขภาพดีได้ แต่ทั้งนี้ทังนั้นไม่ใช่ว่าเราทานวิตามินแล้วจะสวยทันที ต้องใช้เวาลและบวกกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ บำรุงผิวพรรณอยู่ตลอดเวลา และที่สำคัญที่สุดเลยคือ ก่อนที่เราจะทานวิตามินควรศึกษาหาข้อมูลให้ดี อย่าหลงเชื่อโฆษณา อ่านฉลากให้ละเอียด และควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชียวชาญ