ออฟฟิศซินโดรมเป็นกลุ่มอาการที่รู้จักกันดีในคนทำงานออฟฟิศและเกี่ยวข้องกับการใช้คอมพิวเตอร์ แทปเล็ต หรือสมาร์ทโฟน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง สาเหตุสำคัญของออฟฟิศซินโดรมนั้น เกิดจากการที่ทำงานหรือท่าทางอย่างใดอย่างหนึ่งซ้ำๆหรืออยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งหรือยืนหลังค่อม ไหล่ห่อ หรือยกไหล่ ก้มคอมากเกินไป ทำให้เกิดอาการปวดเมื่อยหรือชาตามบริเวณต่างๆ อาจรวมถึงสภาพแวดล้อมและอุปกรณ์การทำงานไม่เหมาะสม
อาการของโรค
- ปวดที่ไหล่ คอ หลัง
- ปวดศีรษะ
- ปวดข้อมือ และนิ้วมือ
- ชาที่นิ้วมือ หรือ แขน
- ปวดตึงหลัง และ สะโพก
- ปวดท้องมวน
- นอนไม่หลับ
- ตาแห้ง
บริหารร่างกายป้องกันออฟฟิศซินโดรม
วิธีการรักษา
ออฟฟิศซินโดรมนั้นสามารถรักษาได้ โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากผู้ป่วยเป็นหลักในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงาน ร่วมกับการรักษากับแพทย์เฉพาะทาง โดยวิธีการรักษานั้นมีหลายวิธีประกอบไปด้วย
- การฝังเข็ม (Dry needling) โดยการใช้เข็มที่มีขนาดเล็กปักลงไปในจุดที่กล้ามเนื้อเกร็งตัว โดยให้ปลายเข็มสะกิดเส้นใยกล้ามเนื้อ เพื่อให้คลายตัวและอาการปวดจะบรรเทาลง
- การใช้เครื่องกระตุ้นด้วยสนามแม่เหล็กความแรงสูง (Peripheral TMS /PMS) กระตุ้นบริเวณที่ปวดด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เพื่อช่วยลดอาการกล้ามเนื้อตึงตัว ลดอาการปวดกล้ามเนื้อ และใช้กระตุ้นเพื่อบริหารกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อการใช้งาน
- การทำกายภาพบำบัดและการออกกำลังกาย โดยใช้อุปกรณ์ทางกายภาพบำบัดร่วมกับการออกกำลังกาย โดยมีนักกายภาพบำบัดและนักฝึกสอนออกกำลังกายดูแลเรื่องการออกกำลังกายและฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วย โดยจัดโปรแกรมให้เหมาะสมในแต่ละบุคคล
ที่ศูนย์เวชศาสตร์การกีฬาและไลฟ์สไตล์ เราเน้นการรักษาแบบองค์รวมและออกแบบโปรแกรมการรักษาให้เหมาะกับแต่ละบุคคลเพื่อผลการรักษาที่ดี พร้อมทีมแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ในการให้การรักษาและคำแนะนำเพื่อให้กลับไปทำงานได้อย่างปกติ และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ
รายละเอียดเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:ออฟฟิศซินโดรม (Office syndrome) คืออะไร?
ออฟฟิศซินโดรม หรือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial pain syndrome) คือ อาการปวดจากการใช้งานของกล้ามเนื้อมัดเดิมๆซ้ำๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ตัวอย่างเช่น การนั่งทำงานต่อเนื่องกับคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้ปรับเปลี่ยนท่าทางหรืออริยาบท จนทำให้เกิดอาการปวดสะสมและกลายเป็นปวดเรื้อรังในที่สุด ซึ่งอาจพบร่วมกับอาการชาบริเวณแขน, มือ และปลายนิ้ว เนื่องอาจเกิดจากการที่เส้นประสาทส่วนปลายในแต่ละตำแหน่งถูกกดทับอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น การไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง และการดูแลสุขภาพของตนเอง จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดออฟฟิศซินโดรมได้
อาการของออฟฟิศซินโดรม
- ปวดกล้ามเนื้อบริเวณส่วนต่างๆของร่างกาย เช่น คอ, บ่า, ไหล่ สะบัก และ หลัง ส่วนใหญ่มักพบอาการปวดเป็นบริเวณกว้าง หรือบางครั้งไม่สามารถบอกตำแหน่งที่มีอาการปวดได้อย่างชัดเจน โดยผู้ป่วยบางรายอาจพบอาการปวดร้าวไปยังตำแหน่งต่างๆของร่างกายได้ อาการปวดอาจมีน้อยไปหามากซึ่งมักจะทำให้เกิดความรำคราญต่อการใช้ชีวิตประจำวัน หรือในขณะปฏิบัติงาน
- อาการทางระบบประสาทที่ถูกกดทับ เช่น อาการชาบริเวณแขนและมือ รวมถึงอาการอ่อนแรง หากมีการกดทับเส้นประสาทนานจนเกินไป
การป้องกันเพื่อลดปัญหาออฟฟิศซินโดรม
การป้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงอาการออฟฟิศซินโดรมประกอบด้วยหลายปัจจัย และทุกสาเหตุมีความสำคัญที่นำมาซึ่งอาการปวด ดังนั้นการป้องกันแต่ละวิธีจะมีส่วนช่วยให้ท่านมีความสุขกับการทำงานที่ปราศจากอาการปวด โดยการป้องกันนี้เป็นตัวอย่างที่จะแนะนำเพื่อลดการเกิดปัญหาออฟฟิศซินโดรม
- การปรับเปลี่ยนท่าทางอริยาบทเพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมในการทำงาน
- ไม่ทำงานในท่าทางอริยาบทเดิมนานเกิน 50 นาที หากมีความจำเป็นต้องทำต่อเนื่องควรหยุดพักสัก 10-15 นาที
- ปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ในการทำงานที่จำเป็นเพื่อลดการบาดเจ็บในระหว่างปฏิบัติงาน
- เตรียมร่างกายให้พร้อม เช่น การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณที่ต้องใช้งานหนัก, การยืดกล้ามเนื้อก่อน ระหว่าง และหลังจากการทำงานในแต่ละวัน
การรักษาอาการออฟฟิศซินโดรม
ปัจจุบันการรักษาอาการออฟฟิศซินโดรมมีอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีความจำเป็น เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยกลับไปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะทำการรักษาเพื่อลดอาการปวดอักเสบ หรือลดการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ เนื่องจากมักพบผู้ป่วยที่มารับการตรวจรักษาเป็นระยะปวดเรื้อรัง ดังนั้นการวางแผนการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการทำกายภาพบำบัดจึงมีความจำเป็นเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งวิธีในการรักษาคือ
การรักษาเพื่อลดอาการปวดและอาการชา ด้วยการกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็ก Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้รักษาอาการปวด โดยใช้พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่สามารถกระตุ้นทะลุผ่านเสื้อผ้าลงไปถึงเนื้อเยื่อ และกระดูก ประมาณ 10 เซนติเมตร คลื่นไฟฟ้าดังกล่าวจะกระตุ้นเส้นประสาทโดยตรง ทำให้เกิดกระบวนการ Depolarization กระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณที่ปวด และช่วยกระตุ้นให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตบริเวณกล้ามเนื้อดียิ่งขึ้น โดยสามารถบำบัดได้ทั้งบริเวณ คอ บ่า ไหล่ ข้อศอก แขน มือ เอว หลัง ไหล่ ขา เข่า หรือแม้กระทั่งข้อเท้า หรือแม้แต่กล้ามเนื้อเอ็นกระดูกไขข้อ ล้วนแล้วแต่สามารถบำบัดได้ด้วยเครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ และรู้สึกผ่อนคลายในขณะที่ทำการรักษา โดยไม่สร้างความเจ็บปวดให้เกิดแก่ผู้ป่วยแต่อย่างใด เห็นผลทันทีหลังการรักษา และยังสามารถบำบัดอาการที่ปวดจากระบบเส้นประสาทและไม่ใช่เส้นประสาท เช่น กล้ามเนื้อ และกระดูก
ข้อดีของการรักษา
- ขณะทำการรักษาผู้ป่วยอาจพบอาการกระตุกของกล้ามเนื้อ แต่ไม่สร้างความเจ็บปวดให้เกิดแก่ผู้ป่วยแต่อย่างใด และสามารถทำเป็นครั้งๆ โดยไม่ต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล
- เห็นผลการบำบัดทันทีหลังการรักษา
- ใช้เวลาในการรักษาน้อยมาก ประมาณ 5 – 10 นาที ต่อ 1 จุดในการรักษา
- รักษาได้ผลทั้งในระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง
ข้อควรระวัง
เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กไฟฟ้า มีความปลอดภัยมากและผลข้างเคียงต่ำ แต่ไม่สามารถทำได้ในผู้ป่วย
- มีอาการชักมาก่อน
- มีโลหะฝังอยู่ที่บริเวณสมอง เช่น คลิปหนีบเส้นเลือดโป่งพองในสมอง เป็นต้น
- ฝังอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ต่างๆ เช่นเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ เป็นต้น
คำแนะนำหลังการรักษา
ข้อควรระวังเกี่ยวกับความแรงที่เกิดขึ้นนอกจากตะคริวแล้ว กล้ามเนื้อที่ถูกกระตุ้นให้เกิดการใช้งาน ซึ่งแต่เดิมไม่เคยได้ออกแรงหรือใช้งาน ในวันรุ่งขึ้นบางรายอาจเกิดการระบมเหมือนออกกำลังกายมากเกินไป เนื่องจากเกิดการระบมในตำแหน่งที่ทำการรักษาซึ่งไม่มีผลเสียอะไร พอได้พักผ่อนหลังจากเข้ารับการรักษาประมาณ 2-3 วันแล้วก็จะกลับมาเป็นปกติ
นอกจากการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมด้วยเครื่อง Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) แล้ว ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูยังมีหลากหลายเครื่องมือ หรือการรักษาเพื่อช่วยในการรักษาอาการปวดเรื้อรังจากโรคออฟฟิศซินโดรมให้คุณมีคุณภาพชีวิตได้ดีขึ้น อาทิ
- การรักษาเพื่อลดอาการปวดและอาการชา ด้วยการกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็ก Peripheral Magnetic Stimulation (PMS)
- การรักษาด้วยคลื่นกระแทกเพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อมีการซ่อมแซมในบริเวณที่มีการบาดเจ็บ Shock Wave Therapy ทั้งชนิด Focus และ Radial
- การรักษาเพื่อลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็นกล้ามเนื้อ และเส้นประสาท โดยการใช้ High Laser Therapy
- การยืดกล้ามเนื้อโดยนักกายภาพบำบัด ซึ่งมีประโยชน์ทั้งการรักษาและป้องกันการบาดเจ็บซ้ำได้
- การฝังเข็มโดยแพทย์ผู้เชียวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู
- การรับประทานยา
“อย่าปล่อยให้อาการออฟฟิศซินโดรมมาขัดขวางการทำงานของท่าน
อย่าปล่อยให้ท่านทำงานแล้วรู้สึกหงุดหงิดรำคราญกับอาการปวดที่มีอยู่
เพียงขอคำปรึกษาปัญหาต่างๆ กับแพทย์ผู้เชียวชาญ
และนักกายภาพบำบัด”
บทความ
TMS (Transcranial Magnetic Stimulation) คืออะไร ?
โปรแกรม "ปลดล็อกปวดเรื้อรังรักษาตรงจุด@ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู "
ปลดล็อกปวดเรื้อรังรักษาตรงจุด@ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ชั้น 9 โรงพยาบาลสุขุมวิท
โทร. 02-391-0011 ต่อ 971, 972
ติดตามรับข้อมูลข่าวสารอัพเดทจากทางโรงพยาบาล: