ดาวพุธ (Mercury)
ฃฃฃฃฃ ดาวพุธเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดและเป็นดาวเคราะห์ที่เล็กที่สุดในระบบสุริยะ ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 87.969 วัน ดาวพุธมักปรากฏใกล้หรืออยู่ภายใต้แสงจ้าของดวงอาทิตย์ทำให้สังเกตเห็นได้ยาก ดาวพุธไม่มีดาวบริวาร ยานอวกาศ เพียงลำเดียวที่เคยสำรวจดาวพุธในระยะใกล้คือยานมาริเนอร์10 เมื่อปีพ.ศ. 2517-2518 (ค.ศ.1974- 1975) และสามารถทำแผนที่พื้นผิวดาวพุธได้เพียง 40-45% เท่านั้น
ฃฃฃฃฃดาวพุธมีสภาพพื้นผิวขรุขระเนื่องจากการพุ่งชนของอุกกาบาตไม่มีดวงจันทร์เป็นบริวารและไม่มีแรงโน้มถ่วงมากพอที่จะสร้างชั้นบรรยากาศ ดาวพุธมีแกนกลางเป็นเหล็กขนาดใหญ่ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กความเข้มประมาณ1เปอร์เซ็นต์ของสนามแม่เหล็กโลกล้อมรอบดาวพุธไว้
ฃฃฃฃฃชื่อละตินของดาวพุธ (Mercury) มาจากคำเต็มว่า Mercurius เทพนำสารของพระเจ้า สัญลักษณ์แทนดาวพุธ คือ ☿ เป็นรูปคทาของเทพเจ้าเมอคิวรี ก่อนศตวรรษที่ 5 ดาวพุธมีสองชื่อ คือเฮอร์เม เมื่อปรากฏในเวลาหัวค่ำและอพอลโล เมื่อปรากฏในเวลาเช้ามืดเชื่อว่าพีทาโกรัส
เป็นคนแรกที่ระบุว่าทั้งสองเป็นดาวเคราะห์ดวงเดียวกัน
บรรยากาศ
ฃฃฃฃฃดาวพุธมีชั้นบรรยากาศเบาบางและมีสเถียรภาพต่ำอันเกิดจากการที่ดาวพุธมีขนาดเล็กจนไม่มีแรงดึงดูดเพียงพอในการกักเก็บอะตอมของก๊าซเอาไว้ ชั้นบรรยากาศของดาวพุธประกอบไปด้วยไฮโดรเจน, ฮีเลียม,ออกซิเจน, โซเดียม, แคลเซียม,โพแทสเซียมและน้ำ มีความดันบรรยากาศประมาณ 10-14 บาร์
ภาพถ่ายพื้นผิวบริเวณขั้วเหนือโดยใช้เรดาร์
ภูมิประเทศ
ฃฃฃฃดาวพุธมีหลุมอุกกาบาตจำนวนมากจนดูคล้ายดวงจันทร์ ภูมิลักษณ์ที่เด่นที่สุดบนดาวพุธ (เท่าที่สามารถถ่ายภาพได้) คือ แอ่งแคลอริส หลุมอุกกาบาตที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,350 กิโลเมตร ผิวดาวพุธมีผาชัน อยู่ทั่วไป ซึ่งก่อตัวขึ้นเมื่อหลายพันล้านปีที่แล้ว ขณะที่ใจกลางดาวพุธเย็นลงพร้อมกับหดตัว จนทำให้เปลือกดาวพุธย่นยับ พื้นที่ส่วนใหญ่ของดาวพุธปกคลุมด้วยที่ราบ 2 แบบที่มีอายุต่างกัน ที่ราบที่มีอายุน้อยจะมีหลุมอุกกาบาตหนาแน่นน้อยกว่า
เป็นเพราะมีลาวาไหลมากลบหลุมอุกกาบาตที่เกิดก่อนหน้า
โครงสร้างของดาวพุธ
ฃฃฃฃดาวพุธมีแก่นที่ประกอบด้วยเหล็กในสัดส่วนที่สูง (แม้เมื่อเปรียบเทียบกับโลก) เป็นโลหะประมาณ 70% ที่เหลืออีก 30% เป็นซิลิเกตความหนาแน่นเฉลี่ยมีค่า 5,430 กิโลกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งน้อยกว่าความหนาแน่นของโลกอยู่เล็กน้อย สาเหตุที่ดาวพุธมีเหล็กอยู่มากแต่มีความหนาแน่นต่ำกว่าโลก เป็นเพราะในโลกมีการอัดตัวแน่นกว่าดาวพุธ ดาวพุธมีมวลเพียง 5.5% ของมวลโลก แก่นที่เป็นเหล็กมีปริมาตรราว 42% ของดวง
(แก่นโลกมีสัดส่วนเพียง 17%) ล้อมรอบด้วยเนื้อดาวหรือแมนเทิลหนา 600 กิโลเมตร
โครงสร้างของดาวพุธ
1. เปลือก - หนา100–200 กม.
2. แมนเทิล - หนา 600 กม.
3. แกน - รัศมี 1,800 กม.
การเคลื่อนที่
ฃฃฃฃฃดาวพุธเคลื่อนรอบดวงอาทิตย์เร็วที่สุด โดยใช้เวลาเพียง 87.969 วันในการโคจรรอบดวงอาทิตย์ 1 รอบ
ดาวพุธหมุนรอบตัวเองในทิศทางเดียวฃกับการเคลื่อนรอบดวงอาทิตย์ คือ จากทิศตะวันตกไป ทิศตะวันออก หมุนรอบตัวเองรอบละ 58.6461 วัน เมื่อพิจารณาจากคาบของการหมุนรอบตัวเอง และการคาบการเคลื่อนที่รอบดวงอาทิตย์ จะพบว่าระยะเวลากลางวัน ถึงกลางคืนบนดาวพุธยาวนานถึง 176 วัน ซึ่งยาวนานที่สุดในระบบสุริยะ
การศึกษาและการสำรวจ
ฃฃฃฃ ยานอวกาศที่เข้าไปเฉียดใกล้ๆ ดาวพุธและนำภาพมาต่อกันจนได้ภาพพื้นผิวดาวพุธเป็นครั้งแรกคือ ยานอวกาศมารีเนอร์ 10 ของสหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ 2517 นับว่าเป็นยานลำแรกและลำเดียวที่ส่งไปสำรวจดาวพุธ ยานมารีเนอร์ 10 เข้าใกล้ดาวพุธ 3 ครั้งด้วยกัน คือ เมื่อเดือนมีนาคม และ กันยายน พ.ศ. 2517 และเดือนมีนาคม พ.ศ.2518 ยานเข้าใกล้ดาวพุธที่สุดครั้ง แรกเมื่อวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2517 และได้ส่งภาพกลับมา 647 ภาพ ครั้งที่ 2 เมื่อ วันที่ 21 กันยายน พ.ศ.
2517 และครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2518 ขณะนั้นเครื่องมือภายในยานได้เสื่อมสภาพลง ในที่สุดก็ติดต่อกับโลกไม่ได้ตั้งแต่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2518 ยานมารีเนอร์ 10 จึงกลายเป็นขยะอวกาศที่โคจรอยู่รอบดวงอาทิตย์ โดยเข้ามาใกล้ดาวพุธครั้งคราวตามจังหวะเดิมต่อไป
ดาวพุธ เป็นดาวเคราะห์หินที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในระบบสุริยะ ใช้เวลาโคจรรอบ ดวงอาทิตย์ 88 วัน และหมุนรอบตัวเองเป็นเวลา 58.646 วัน ดาวพุธไม่มดาวีบริวาร เนื่องจากดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ เราจึงเรียกดาวพุธอีกอย่างหนึ่งว่า “เตาไฟแช่แข็ง”
ดาวศุกร์ เป็นดาวเคราะห์หิน ที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 2 ดาวศุกร์จะเป็นดาวที่ปรากฏแสงสว่างมากที่สุดในท้องฟ้า ถ้าปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าตอนหัวคํ่า เรียกว่า “ดาวประจำเมือง” และ ถ้าปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าในตอนเช้ามืด เรียกว่า “ดาวประกายพรึก” ดาวศุกร์ไม่มีดาวบริวารและ ดาวศุกร์ ได้ชื่อว่าเป็น “ดาวฝาแฝดกับโลก” ใช้เวลาหมุนรอบตัวเอง 243 วัน และโคจรรอบดวงอาทิตย์รอบละ 224.7 วัน
โลก เป็นดาวเคราะห์หินที่อยู่ห่างจากจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 3 เป็นดาวเคราะห์เพียงดวงเดียวในระบบสุริยะที่มีชีวิตอาศัยอยู่ เท่าที่ทราบในปัจจุบันมีดาวบริวาร 1 ดวง นั่นคือ “ดวงจันทร์” นั่นเอง ใช้เวลาหมุนรอบตัวเอง 24 ชั่วโมง และโคจรรอบ ดวงอาทิตย์ประมาณ 365 วัน
ดาวอังคาร เป็นดาวเคราะห์หินที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 4 ใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ประมาณ 687 วัน และหมุนรอบตัวเองในเวลา 24.623 ชั่วโมง มีดาวบริวาร 2 ดวง เราเรียกดาวอังคารอีกอย่างหนึ่งว่า “ดาวเคราะห์สีแดง” หรือ “ดาวเทพแห่งสงคราม”
ดาวพฤหัสบดี เป็นดาวเคราะห์แก๊สที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีขนาดใหญ่กว่าโลกประมาณ 11 เท่า อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 5 หมุนรอบตัว เองเป็นเวลา 9.925 ชั่วโมง เร็วกว่าดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลาประมาณ 12 ปี ดาวพฤหัสบดีเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “ดาวยักษ์” มีดาวบริวารประมาณ 79 ดวง
ดาวเสาร์ เป็นดาวเคราะห์แก็สที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 6 ดาวเสาร์มีวงแหวนขนาดใหญ่ ซึ่งประกอบด้วยก้อนหินที่มีนํ้าแข็งปะปนโคจรอยู่โดยรอบ ดาวเสาร์หมุนรอบตัวเองเป็นเวลา 10.42 ชั่วโมง มีดาวบริวาง 82 ดวง เช่น ไททัน ไมมัส รีอา ทีทิส เป็นต้น และ โคจรจรรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลาประมาณ 29 ปี
ดาวยูเรนัส หรือ ดาวมฤตยู เป็นดาวเคราะห์แก็สที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 7 โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลา 84 ปี หมุนรอบตัวเองเป็นเวลา 17.24 ชั่วโมง มีดาวบริวาร 27 ดวง มีฉายาว่า เทพเจ้าแห่งความงาม
ดาวเนปจูน หรือ ดาวเกตุ เป็นดาวเคราะห์แก๊สที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นลำดับที่ 8 โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นเวลาประมาณ 165 ปี หมุนรอบตัวเองเป็นเวลา 16.06 ชั่วโมง มีดาวบริวารประมาณ 14 ดวง มีฉายาว่า เทพเจ้าแห่งท้องทะเลโรมัน หรือ ดาวสมุทร
ดาวพลูโต เคยเป็นดาวเคราะห์หินที่อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เป็นอันดับที่ 9 แต่ในปี พ.ศ.2548
ทางสหพันธ์ดาราศาสตร์สากล(IAU) ได้มีการกำหนดนิยามของดาวเคราะห์ขึ้นมา ซึ่งนั่นส่งผลให้ดาวพลูโต ถูกลดระดับลงมากลายเป็น “ดาวเคราะห์แคระ” นั่นเอง