อาการปวดศีรษะข้างเดียวสามารถพบได้บ่อย มักมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมด้วยอาการอาจเกิดขึ้นเป็นชั่วโมง หรือนานหลายวัน เช่น โรคปวดศีรษะไมเกรน อาการปวดอาจเกิดขึ้นและหายได้เอง หรือเป็นเรื้อรัง
อาการปวดศีรษะข้างเดียวที่เป็นอันตราย
- ปวดแบบเฉียบพลันและรุนแรง โดยเฉพะอาการปวดที่ทำให้ตื่นขณะนอนหลับ
- ปวดมากจนส่งผลต่อชีวิตประจำวัน การเรียน การทำงาน
- ปวดในลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปจากการปวดศีรษะเรื้อรังที่มีอยู่เดิม
- ปวดร่วมกับอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก ความจำเสื่อมสูญเสียการมองเห็น ปวดตาอย่างรุนแรง กล้ามเนื้ออ่อนแรงชาตามร่างกาย
- ปวดร่วมกับอาการทางระบบอื่น ๆ เช่น เป็นไข้ ไอ แน่นหน้าอก
- ปวดเนื่องจากการกระแทกหรือบาดเจ็บบริเวณศีรษะ
- ผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปี และเกิดอาการปวดศีรษะอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
การดูแลตนเองเบื้องต้น
- การนอนพักในห้องที่มืด เย็น และเงียบ เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นเช่น แสง เสียง และความร้อน
- งดสูบบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และคาเฟอีน
- ใช้ยาลดไข้แก้ปวด หรือยาแก้ปวดชนิดไม่มีสเตียรอยด์ได้
- ผู้ป่วยโรคปวดศีรษะไมเกรน ควรใช้ยาแก้ปวดทันทีเมื่อเริ่มมีอาการหากอาการไม่ดีขึ้น หรือใช้ยาแก้ปวดติดต่อกันหลายวัน ควรพบแพทย์
- ผู้ป่วยโรคปวดศีรษะไมเกรนที่ปวดถี่มากกว่า 3-4 ครั้งต่อเดือนจนกระทบต่อชีวิตประจำวัน หรือใช้ยาแก้ปวดแล้วไม่ทุเลาลงควรพบแพทย์เพื่อปรับการรักษา
ข้อมูล ณ วันที่ 25 กรกฎาคม 2564
ที่มา : อ. นพ.ประกิต อนุกูลวิทยา
อาการปวดหัวเป็นเรื่องที่สร้างความไม่สบายตัว ซึ่งไม่ใช่การ “เจ็บปวดสมอง” สมอง และกระโหลกจะไม่มีปลายประสาท ดังนั้นทั้งสมอง และกระโหลกจะไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เกิดการปวดโดยตรง ปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดอาการปวดหัวมีหลายสาเหตุมากมายอาจมาจากตั้งแต่การนอนน้อยไปจนถึงภาวะถอนคาเฟอีน
สาเหตุของการปวดหัวข้างขวา
ปัจจัยจากการดำเนินชีวิต
อาการปวดหัวข้างขวาโดยทั่วๆไปมักมีสาเหตุมาจากปัจจัย เช่น :
- ความเครียด
- ความเหนื่อยล้า
- การอดอาหาร
- กล้ามเนื้อคอมีปัญหา
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยา เช่น การใช้ยาแก้ปวดที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปเป็นระยะเวลานานๆ
การติดเชื้อ และภูมิแพ้
การติดเชื้อไซนัส และภูมิแพ้ก็อาจเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวได้ อาการปวดหัวมาจากไซนัสมีการติดเชื้อ และส่งผลให้เกิดการอักเสบ นำมาซึ่งแรงดัน และอาการปวดที่ด้านหลังโหนกแก้ม และหน้าผาก
การใช้ยามากเกินไป
การใช้ยาเพื่อรักษาอาการปวดหัวมากเกินไปอาจทำให้มีอาการปวดหัวได้ ซึ่งเป็นโรคปวดหัวที่พบได้บ่อย ส่งผลกระทบต่อคนมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ การใช้ยาแก้ปวดหัวมากเกินไปมักทำให้อาการปวดหัวแย่ลงในตอนเช้าเมื่อตื่นนอน
สาเหตุมาจากระบบประสาท
อาการปวดท้ายทอยเส้นประสาทต้นคอ: เส้นประสาทท้ายทอยในกระดูกสันหลังบริเวณลำคอส่วนบน ซึ่งวิ่งยาวมายังกล้ามเนื้อถึงหนังศีรษะ การเกิดอาการระคายเคืองกับหนึ่งในเส้นประสาทนี้ส่งผลให้เกิดอาการคล้ายไฟดูด ไฟช็อต หรือคล้ายเข็มทิ่ม มักมีอาการปวดที่หัวด้านใดด้านหนึ่งเท่านั้น
หลอดเลือดแดงอักเสบเกิดจากการอักเสบ หรือหลอดเลือดแดงเสียหาย ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่ลำเลียงเลือดไปสู่ศีรษะ และสมอง แรงดันนี้เป็นสาเหตุให้เกิดอาการอื่นๆ เช่น ความบกพร่องทางการมองเห็น ปวดไหล่ หรือสะโพก ปวดกราม และน้ำหนักลด
โรคปวดเส้นประสาทใบหน้าเป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกับเส้นประสาทที่เป็นตัวรับความรู้สึกจากใบหน้าไปสู่สมอง การกระตุ้นเพียงเล็กน้อยบนใบหน้าก็อาจกระตุ้นให้เกิดอาการปวดแปลบได้
สาเหตุอื่นๆ
สาเหตุอื่นๆที่อาจมีความรุนแรงมากกว่าของอาการปวดหัวข้างเดียวอาจรวมไปถึง:
- การบาดเจ็บรุนแรง
- ผนังหลอดเลือดแดงโป่งพอง
- เนื้องอก ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งไม่เป็นอันตราย หรือแบบร้ายแรง (มะเร็ง)
ชนิดของการปวดหัว
อาการปวดหัวแบบต่างๆ แต่ละชนิดก็มีสาเหตุ และอาการที่แตกต่างกันออกไป การรู้ชนิดของอาการปวดหัวจะช่วยทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการปวดหัวได้
การปวดหัวจากความเครียด
การปวดหัวจากความเครียดเป็นชนิดที่พบได้บ่อยมากที่สุด ประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ใหญ่ มักส่งผลให้ปวดหัวทั้งสองข้าง หรือเกิดขึ้นข้างใดข้างหนึ่งก็ได้
ความรู้สึกปวดคล้ายกับ: ปวดตุบๆ หรือปวดบีบ อาจส่งผลต่อบริเวณหัวไหล่ และคอ
ปวดหัวไมเกรน
ปวดไมเกรนอาจเกิดขึ้นได้ที่ข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจเกิดขึ้นได้ทั้งสองข้าง ส่งผลให้ไวต่อเสียง และแสง คลื่นไส้ และอาเจียน ตาพร่า หรือรู้สึกเสียวแปลบ ชา
ความรู้สึกคล้ายกับ: ปวดขมับขวาตุบๆรุนแรง
ช่วงก่อน หรือระหว่างมีอาการไมเกรน บางคนอาจเห็น “แสงออร่า” ซึ่งส่วนใหญ่มักเห็นเป็นภาพ แสงออร่าอาจเป็นอาการได้ทั้งอาการด้านบวก และอาการด้านลบ อาการด้านบวกเกิดขึ้นเพราะการกระตุ้นของระบบประสาทส่วนกลาง อาการด้านบวกคือ
- มีการรบกวนทางการมองเห็น เช่น เห็นภาพบิดเบี้ยว หรือแสงวาบ
- มีปัญหาด้านการได้ยิน เช่น เสียงแว่วในหู
- มีอาการทางระบบประสาทรับความรู้สึก เช่น รู้สึกร้อนผ่าว หรือเจ็บปวด
- การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อผิดปกติ เช่น มีการกระตุก หรือการเคลื่อนไหวซ้ำๆ
อาการทางลบคือ อาการที่ให้เห็นจากการทำงานที่เสียไป ซึ่งรวมไปถึงการสูญเสียการมองเห็น การได้ยิน หรือเป็นอัมพาต
การปวดหัวแบบคลัสเตอร์
การปวดหัวแบบคลัสเตอร์มักมีอาการปวด และจะปวดข้างใดข้างหนึ่ง อาจมีอาการกระสับกระส่าย หน้าซีด หรือผิวร้อนผ่าว ตาแดง และมีน้ำมูกไหล
ความรู้สึกคล้ายกับ: ปวดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะจะมีอาการปวดตาที่ข้างใดข้างหนึ่ง และแผ่กระจายไปยังบริเวณคอ ใบหน้า ศีรษะ และหัวไหล่
อาการปวดหัวเรื้อรัง
อาการปวดหัวเรื้อรังที่เกิดขึ้นนาน 15 วัน หรือเป็นเดือน เป็นอาการปวดหัวเกิดจากความเครียด หรือปวดไมเกรนเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยโรคเพื่อหาสาเหตุ
ควรพบแพทย์เมื่อไร
น้อยรายคนปวดหัวที่อาการปวดหัวจะเป็นอาการฉุกเฉิน ควรรีบพบแพทย์ทันทีหากมีอาการปวดหัวที่ตามมาหลังการได้รับบาดเจ็บ หรือมีอาการปวดหัวร่วมกับอาการดังต่อไปนี้:
- มีไข้สูง
- คอแข็ง
- อ่อนแรง
- สูญเสียการมองเห็น
- เห็นภาพซ้อน
- มีปัญหาเรื่องการออกเสียง
- ปวดขมับข้างเดียว
- อาการปวดเพิ่มขึ้นเมื่อเคลื่อนไหวหรือไอ
คุณอาจต้องรีบพบแพทย์หากอาการปวดหัวเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน และรุนแรง ตื่นขึ้นกลางดึก หรือมีอาการแย่เพิ่มมากขึ้น
แพทย์จะสามารถวินิจฉัยอาการปวดหัวอย่างไร
นัดแพทย์หากอาการปวดหัวเปลี่ยนแปลงไปเป็นบ่อยขึ้น หรือรุนแรงมากขึ้น
เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะตรวจร่างกาย และสอบถามโรคประจำตัว และอาการที่เกิดขึ้น
คุณควรเตรียมตอบคำถามดังต่อไปนี้:
- อาการปวดหัวเริ่มขึ้นเมื่อไร?
- อาการที่เกิดขึ้นคือ อะไร?
- อาการแรกของอาการปวดหัวคือ ?
- มีอาการปวดหัวบ่อยแค่ไหน ?
- มีใครในครอบครัวมีประวัติปวดหัว ไมเกรน หรือไม่?
- เคยสังเกตมาก่อนไหมว่าอะไรมากระตุ้นอาการปวดหัวได้?
แพทย์อาจมีการตรวจเพื่อวินิจฉัยด้วยการตรวจอื่นๆ เช่น
- การตรวจเลือด เพื่อมองหาการติดเชื้อที่ไขสันหลัง หรือสมอง หาสารพิษ หรือปัญหาเส้นเลือด
- การตรวจ Cranial CT Scans เพื่อเห็นภาพตัดของสมอง ซึ่งจะช่วยวินิจฉัยการติดเชื้อ เนื้องอก เลือดออกในสมอง และสมองเสียหาย
- การสแกนเอ็มอาร์ไอศีรษะ เพื่อให้ได้เห็นภาพรายละเอียดของเส้นเลือด และสมอง รวมไปถึงความผิดปกติในสมอง และระบบประสาท เลือดออกในสมอง โรคหลอดเลือดสมอง ปัญหากับเส้นเลือด และการติดเชื้อ
วิธีบรรเทาอาการปวดศีรษะอย่างรวดเร็ว
ต่อไปนี้คือ วิธีแก้อาการปวดหัวข้างเดียวอย่างรวดเร็ว
เคล็ดลับบรรเทาอาการอย่างรวดเร็ว
- ใช้การประคบอุ่นที่บริเวณด้านหลังคอ
- อาบน้ำอุ่น
- ปรับท่วงท่าให้ดีขึ้นเพื่อบรรเทาความตึงเครียดจากศีรษะ คอ และหัวไหล่
- ออกจากห้อง และไปยังสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ โดยเฉพาะหากแสง เสียง หรือกลิ่นเป็นสาเหตุของอาการปวดหัวข้างขวา กระบอกตา
- นอนงีบกลางวัน อาจช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้
- ปล่อยผม หากการมัดผมหางม้า ถักเปีย หรือมวยผมไว้
- ดื่มน้ำให้มากเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดภาวะขาดน้ำ
การบำบัดทางกายภาพก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการบำบัดอาการปวดหัวจากความเครียด หรือการปวดหัวจากความผิดปกติของกล้ามเนื้อคอ ซึ่งการปวดจากคอมีปัญหา กล้ามเนื้อตึงที่คออาจทำให้คอแข็ง และกดเส้นประสาทจนทำให้เกิดอาการปวด นักกายภาพบำบัดอาจช่วยจัดการกับบริเวณดังกล่าวได้ และช่วยสอนวิธียืดเส้นเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อขึงตึง และสอนการออกกำลังกายที่จะช่วยบรรเทาอาการในระยะยาวได้
ประเด็นสำคัญ
อาการปวดหัวมีหลายชนิดแตกต่างกันออกไปที่อาจทำให้เกิดอาการปวดหัวข้างเดียว หรือใบหน้า หลายชนิดไม่เป็นอันตรายและสามารถหายได้เอง การปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต เช่น การปรับท่วงท่า การดื่มน้ำมากๆ หรือการพักสายตาก็อาจช่วยได้
ควรนัดแพทย์หากอาการปวดหัวเกิดขึ้นทุกวัน แพทย์เท่านั้นที่จะสามารถวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการปวดหัวได้ และสามารถตัดโรคที่รุนแรงอื่นๆออกมาได้ แพทย์จะแนะนำวิธีในการจัดการอาการปวด และวิธีป้องกันอาการปวดหัวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้