หุ้น
"สิงห์เอสเตท" ฝ่าวิกฤติ เร่งปรับพอร์ตดันโต "ก้าวกระโดด"
20 ธ.ค. 2564 เวลา 8:30 น.678
"สิงห์เอสเตท" เผยปรับพอร์ตธุรกิจกระจ่ายความเสี่ยงหลังโควิด-19
ยืดเยื้อ ลั่นในปีหน้าคาดธุรกิจโรงแรมจะรายงาน "กำไรเต็มปี" อีกครั้งตั้งแต่ปี 62 หลังกลุ่มโรงแรมในสหราชอาณาจักร-สถานการณ์ท่องเที่ยวทยอยฟื้นตัว !!
สถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อส่งผลให้ “เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ” ทุกประเทศทั่วโลก ! ทว่า บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S คงนโยบายกระจายความเสี่ยงพอร์ตธุรกิจ ส่งผลให้ลดความรุนแรง สะท้อนผ่านช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เทรนด์การใช้ชีวิตและรูปแบบพฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
สร้าง “โจทย์ใหม่” และ “โอกาส” ในการต่อยอดที่แตกต่าางกันไปในแต่ละธุรกิจ ดังนั้น จึงเน้นปรับสินค้าบริการตลอดจนพอร์ตของบริษัท เพื่อฉกฉวยโอกาสเสริมให้รากฐานทางธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ผ่าน 3 Game changing deals
“หลังจากบริษัทเข้าถือกลุ่มโรงแรมสหราชอาณาจักร 100% ได้เพียง 1 ไตรมาส อัตราค่าห้องพักเฉลี่ยรายวัน (ADR) ก็ปรับตัวสูงขึ้นจากช่วงก่อนโควิดได้อย่างมีนัย ดันรายได้เติบโตเกินคาด พลิกให้ธุรกิจโรงแรมรายงานผลกำไรในเชิง EBITDA ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส ตอกย้ำว่าการลงทุนในครั้งนี้เหมาะสมทั้งในด้านทรัพย์สิน และเงื่อนเวลา”
อย่างไรก็ตาม หัวใจการเติบโตธุรกิจโรงแรมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ “การสร้าง” หรือ “ซื้อโรงแรม” หากแต่คือการปรับพอร์ตให้สมดุลอยู่เสมอ ซึ่งนิยามของการปรับพอร์ตตามแบบฉบับของ สิงห์ เอสเตท คือ การทำ “Asset rotation” หมุนเงินจากการขายโรงแรมต่อยอดลงทุน uplift ในโรงแรมที่มีศักยภาพ หรือเพิ่มกำไรโดยไม่ต้องใส่เงินลงทุนเพิ่มนั่นเอง
ในปี 2565 บริษัทเชื่อมั่นว่าธุรกิจโรงแรมจะรายงานผลกำไรเต็มปีเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2562 ด้วยแรงส่งจากกลุ่มโรงแรมสหราชอาณาจักรที่ได้รับอานิสงส์จากตลาดท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาใกล้เคียงระดับปกติ และการเปิดให้บริการเต็มปีเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี เสริมด้วยความแข็งแกร่งของอุปสงค์ในโครงการ CROSSROADS ประเทศมัลดีฟส์
และมี township ชื่อ The Marina at CROSSROADS พรั่งพร้อมด้วยร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมไปถึงศูนย์เรียนรู้สัตว์น้ำ ตลอดจนห้องประชุมสัมมนา ส่งเสริมให้ โครงการ CROSSROADS กลายเป็น Destination ที่ตอบโจทย์ลูกค้าหลายกลุ่มทั้งกลุ่มการท่องเที่ยวแบบคู่ honeymoon, ครอบครัว, budget traveler รวมไปถึงกลุ่ม Corporate ที่ต้องการจัด Corporate activities หรือแม้แต่คู่รักที่ต้องการจัดงานแต่งงาน ปี 65 จะเป็นการเปิดให้บริการเต็มปีเป็นครั้งแรกของโครงการ CROSSROADS นับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวเป็นทางการปี 62
Game changing deal ที่ 2 คือ การขาย Arm ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนบราบ เดิม สิงห์ เอสเตท ถือหุ้น 52% ออกไปในต้นปี 2564 เพื่อ “ปลดล็อก” ให้บริษัทสามารถเดินหน้าพัฒนาโครงการแนวราบซึ่งมีอุปสงค์แข็งแกร่ง เติบโตได้แม้ช่วงวิกฤติโควิด-19 ได้ด้วยตนเองเต็มสัดส่วน 100% ด้วยเป้าหมายมุ่งสู่สัดส่วนรายได้โครงการแนวราบ 75% และโครงการคอนโดมิเนียม 25%
นอกจากขยายพอร์ตโครงการแนวราบแล้ว บริษัทยังมุ่งต่อยอดธุรกิจโดยรุกเข้าสู่ Blue ocean อื่นๆ อาทิ การคิดค้น Solution เพื่อตอบโจทย์ Smaller cheque size และ high liquidity ของ Yield player investor ตลอดจนการตั้งเป้าพัฒนาโครงการรับ aging society ด้วย Spectrum การลงทุนที่ไม่ได้หยุดแค่รูปแบบการพัฒนาอาคารแบบ universal design แต่ผนวกรวมบริการจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้สูงอายุ และคนไข้พักฟื้นหลังผ่าตัด ทำให้โครงการของสิงห์ เอสเตทสามารถเอื้อมไปถึงลูกค้ากลุ่ม Skilled nursing และ Rehabilitation ซึ่งแตกต่างจากโครงการของ developers โดยทั่วไปที่ตอบโจทย์แค่เพียง independent living
Game changing deal ที่ 3 คือ การรุกเข้าสู่ “ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน” ซึ่งเป็นธุรกิจขาที่ 4 ของบริษัท โดยเริ่มจากการซื้อนิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดอ่างทองขนาดกว่า 2,000 ไร่ และเข้าถือหุ้น 30% ในโรงไฟฟ้า Co-gen 3 แห่งซึ่งตั้งอยู่ใกล้พื้นที่นิคมอ่างทอง กำลังการผลิตรวมกว่า 400 เมกะวัตต์ บริหารจัดการโดย บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM ซึ่งโรงไฟฟ้าเปิดดำเนินการแล้ว 1 โรง และอีก 2 โรง จะเริ่ม COD ปลายปี 2566
โดยความน่าสนใจของธุรกิจนี้คือการสร้างอะไรที่มากกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยนิคมอุตสาหกรรมสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตลงทุนโดยเติมการลงทุนธุรกิจที่มีฐานลูกค้าประเภทองค์กร (Corporate) เพิ่มเข้าไปในพอร์ตที่ปัจจุบันเต็มไปด้วยธุรกิจที่มีฐานลูกค้ากลุ่ม End-user หรือ consumer base เป็นหลัก ในขณะที่โรงไฟฟ้าสร้างความสม่ำเสมอของรายได้ โดยกว่า 270 เมกะวัตต์ หรือราว 70% ของกำลังผลิตทั้งหมดโรงไฟฟ้า 3 แห่ง มีสัญญารับซื้อไฟจาก EGAT เรียบร้อยแล้ว และยังเปิด potential upside จากการขายไฟฟ้าจากกำลังการผลิตไฟที่ยังเหลืออยู่ให้กับลูกค้าในนิคมอ่างทอง
สำหรับ “ธุรกิจอาคารสำนักงาน” แม้จะไม่มี Game changing deal ใหญ่ๆ แต่ก็มีพัฒนาการที่น่าสนใจ อาทิความสำเร็จของ Worko ซึ่งเป็น homegrown brand coworking space สะท้อนผ่านการ sold out dedicated space ภายในไม่กี่เดือนหลังจากเปิดให้บริการ และกลางปีหน้า S Oasis อาคารสำนักงานแห่งใหม่พร้อมเปิดให้บริการ โดยที่ผ่านมากระแสตอบรับค่อนข้างดี มีลูกค้าแสดงความสนใจเข้าเยี่ยมชมจำนวนมาก บริษัทเชื่อว่า S Oasis จะกลายเป็นแหล่งสร้างรายได้ที่สำคัญให้กับธุรกิจนี้ในอนาคต
ท้ายสุด “ฐิติมา” บอกไว้ว่า 3 Game changing deals ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤติโควิดที่ผ่านมาช่วยปลดล็อกและเปิดโอกาสให้ สิงห์ เอสเตท จัดพอร์ตได้อย่างเหมาะสม พร้อมเปิดเกมรุกต่อโดยเน้นการผนึกกำลังธุรกิจโรงแรม-อสังหาฯ-อาคารสำนักงาน-นิคมอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน