สำนักงานประกันสังคมแจ้งผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ออกจากงานหรือเปลี่ยนงาน อย่าลืมยื่นเรื่องขอรับสิทธิบุตรคนเดิม รับ 800 บาทต่อเดือนต่อบุตร จนถึง 6 ปี เช็ควิธียื่นที่นี่
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำอีกครั้งว่าสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน แจ้งผู้ประกันตนมาตรา33 ที่ได้รับสิทธิ เงินสงเคราะห์บุตร เดือนละ 800 บาท อยู่แล้ว
ซึ่งลูกมีอายุไม่เกิน 6 ปี แต่มีเหตุต้องออกจากงานหรือเปลี่ยนงานแล้วกลับมาทำงานใหม่ หรือออกจากงานแล้วสมัครเป็นผู้ประกันตน มาตรา 39
สามารถยื่นขอใช้ “สิทธิบุตรคนเดิม” กับประกันสังคมได้ เพื่อรับเงินสงเคราะห์บุตรอย่างต่อเนื่อง
ขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน มีขั้นตอนและเอกสาร
1.หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน ดาวน์โหลดได้ที่ //www.sso.go.th/.../caa997342d75380697d9b2517759591...
2.บัตรประชาชนตัวจริงและสำเนาบัตรพร้อมรับรองสำเนาถูกต้อง
3.สมุดบัญชีธนาคารที่จะใช้รับเงินสงเคราะห์บุตรพร้อมสำเนา (ในกรณีต้องการเปลี่ยนธนาคาร)
4.ยื่นเอกสารดังกล่าวได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ สำนักงานประกันสังคมจังหวัด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วนประกันสังคม โทร.1506 (ตลอด 24 ชั่วโมง)
เงื่อนไขการรับเงินสงเคราะห์บุตร
1.ผู้ประกันตนมาตรา 39 ที่เคยเป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ต้องส่งเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน (ก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน) และออกจากงานไม่เกิน 6 เดือน (นับแต่วันที่ลาออกจากงาน)
2.ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ยกเว้นบุตรบุญธรรม หรือบุตรซึ่งยกให้เป็นบุตรบุญธรรมของบุคคลอื่น
3.สิทธิที่ท่านจะได้รับเงินสงเคราะห์บุตรเหมาจ่ายเดือนละ 800 บาทต่อบุตรหนึ่งคน อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน เว้นแต่ผู้ประกันตนเป็นผู้ทุพพลภาพหรือถึงแก่ความตายในขณะที่บุตรมีอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ จะมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนต่อจนอายุ 6 ปีบริบูรณ์
สำนักงานประกันสังคม แจ้งข่าวถึงผู้ประกันตน มาตรา 33 และ มาตรา 39 ยื่นรับเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 รีบเช็กเงื่อนไข สาระสำคัญและสิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตน
สำนักงานประกันสังคม ประกาศแจ้งข่าว สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 และ มาตรา 39 ที่มีบุตรอายุแรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์ ยื่นรับเงินสงเคราะห์บุตร สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ประกันตนรับเงินเดือนละ 800 บาทต่อบุตร 1 คน คราวละไม่เกิน 3 คน หรือ 2,400 บาท
มาตรา 33 คือ ให้ลูกจ้างซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่าสิบห้าปีบริบูรณ์และไม่เกินหกสิบปีบริบูรณ์เป็นผู้ประกันตนลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนอยู่แล้วตามวรรคหนึ่ง เมื่อมีอายุครบหกสิบปีบริบูรณ์และยังเป็นลูกจ้างของนายจ้างอยู่ภายใต้บังคับแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ถือว่าลูกจ้างนั้นเป็นผู้ประกันตนต่อไป เป็นกฎหมายตามพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ.2533
กรณีผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีบุตรอายุไม่เกิน 6 ปีบริบูรณ์ และอยู่ระหว่างได้รับสิทธิประโยชน์กรณีสงเคราะห์บุตรจำนวน 800 บาท/เดือน จากสำนักงานประกันสังคม แต่ได้ออกจากงาน ต่อมาได้กลับเข้าทำงานใหม่ หรือเปลี่ยนสถานะจากผู้ประกันตนมาตรา 33 เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 ทำให้ในช่วงของเดือนถัดไปไม่ได้รับเงินสงเคราะห์บุตร
ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 จะได้รับความคุ้มครองใน 7 กรณี จากกองทุนประกันสังคม เมื่อจ่ายเงินสมทบครบ 3 เตือนภายในระยะเวลา 15 เตือนก่อนเตือนที่รับบริการทางการแพทย์ และเลือกโรงพยาบาลแล้วผู้ประกันตนจะได้รับ “บัตรรับรองสิทธิการรักษา” ซึ่งบัตรจะมีชื่อของผู้ประกันตน และชื่อสถานพยาบาลที่เลือกไว้แต่ไม่มีภาพถ่ายติดจึงต้องใช้ควบคู่กับบัตรประจำตัวประชาชนการเข้ารับการรักษาไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ป่วยนอก ( คือ ป่วยแบบไม่พบแพทย์ฯ ตรวจรักษาจัดยาให้แล้วกับบ้าน )
- ผู้ป่วยใน ที่ต้องนอนรักษา ค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นทั้งหมดในโรงพยาบาลตามบัตรรับรองสิทธิฯ ผู้ประกันตนไม่ต้องจ่ายค่ารักษา (ยกเว้นขออยู่ห้องพิเศษหรือขอแพทย์พิเศษเอง )
สถานพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกถือเป็น สถานพยาบาลหลัก (MAINCONTRACTOR) ซึ่งสถานพยาบาลหลักนั้นอาจมี สถานพยาบาลเครือข่าย (SUBCONTRACTOR) เช่นโรงพยาบาลเล็ก ๆ หรือคลินิกเพื่ออำนวยความสะตวกให้แก่ผู้ประกันตน โดยผู้ประกันตนสามารถเข้าไปรักษาพยาบาลได้โดยไม่สียค่าใช้จ่าย
เงินสงเคราะห์บุตร
เงินสงเคราะห์บุตร คือ สิทธิประโยชน์จากกองทุนหนึ่งในสำนักงานประกันสังคมเพื่อเป็นทุนใช้จ่ายให้ผู้ประกันตนซึ่งจะได้รับประโยชน์ทดแทนจากเงินที่ให้ผู้ประกันตนส่งให้ในรูปแบบเงินสมทบ ไม่ว่าจะส่งจากนายจ้าง ลูกจ้าง หรือรัฐบาลตามกฎหมาย
สำหรับเงื่อนไขรับสิทธิยื่นรับเงินสงเคราะห์บุตรเดือนละ 800 บาท
- เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39
- จ่ายเงินสมทบมาแล้วไม่น้อยกว่า 12 เดือน ภายในระยะเวลา 36 เดือนก่อนเดือนที่มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทน
- เป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (ยกเว้นบุตรบุญธรรม)
- อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีบริบูรณ์จำนวนคราวละไม่เกิน 3 คน
- ผู้ประกันตนพ่อหรือแม่ สามารถเลือกใช้สิทธิได้ 1 สิทธิ
หลักฐานที่ต้องใช้ในการยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตร
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกองทุนประกันสังคม (สปส. 2-01)
- กรณีผู้ประกันตนเคยยื่นใช้สิทธิแล้วและประสงค์จะใช้สิทธิสำหรับบุตรคนเดิม ให้ใช้หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ
- กรณีผู้ประกันตนหญิงใช้สิทธิ
- สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วย) จำนวน 1 ชุด
- กรณีผู้ประกันตนชายใช้สิทธิ
- สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาทะเบียนหย่าพร้อมบันทึกแนบท้ายของผู้ประกันตนหรือสำเนาทะเบียนรับรองบุตร หรือสำเนาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้เป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 1 ชุด
- สำเนาสูติบัตรบุตร (กรณีคลอดบุตรแฝดให้แนบสำเนาสูติบัตรของคู่แฝดด้วยจำนวน 1 ชุด)
- กรณีเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลให้แนบสำเนาเอกสารใบเปลี่ยนชื่อ ชื่อสกุลด้วย จำนวน 1 ชุด
- กรณีผู้ประกันตนต่างชาติขอรับประโยชน์ทดแทนให้ใช้สำเนาบัตรประกันสังคมและสำเนาหนังสือเดือนทาง (passport) หรือสำเนาหนังสือเดินทางชั่วคราวหรือเอกสารรับรองบุคคลที่ทางราชการออกให้ จำนวน 1ชุด
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรกที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ฉบับ ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน ดังนี้
- ธนาคารกรุงไทย จำกัด
- ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด
- ธนาคารกรุงเทพ จำกัด
- ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด
- ธนาคารกสิกรไทย จำกัด
- ธนาคารทหารไทย จำกัด
- ธนาคารธนชาต จำกัด
- ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
- ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด
- เอกสารประกอบการยื่นคำขอฯ ที่เป็นสำเนาให้รับรองความถูกต้องของสำเนาทุกฉบับ และแสดงเอกสารที่เป็นต้นฉบับเมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่ขอตรวจสอบ กรณีเอกสารหลักฐานสำคัญต่อการพิจารณาเป็นภาษาต่างประเทศให้จัดทำคำแปลเป็นภาษาไทยและรับรองความถูกต้องให้ครบถ้วน
ขั้นตอนการขอรับประโยชน์ทดแทน
ประกันตนต้องกรอกแบบ สปส.2-01 พร้อมลงลายมือชื่อและนำมายื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา หรือยื่นขอรับทางไปรษณีย์โดยมีหลักฐานครบถ้วน (กรณีผู้ประกันตนยื่นคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีสงเคราะห์บุตรสำหรับบุตร 3 คน ในคราวเดียวกันสามารถใช้แบบคำขอฯ ชุดเดียวกันได้)
เจ้าหน้าที่ตรวจหลักฐานและพิจารณาอนุมัติ
สำนักงานประกันสังคมมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณา
พิจารณาสั่งจ่าย จ่ายเป็นรายเดือนโดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์ของผู้ขอรับประโยชน์ทดแทน
สถานที่ยื่นเรื่องขอรับเงินสงเคราะห์บุตรประกันสังคม
ยื่นได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขา ที่สะดวก (ยกเว้นสำนักงานใหญ่ในบริเวณกระทรวงสาธารณสุข)
การหมดสิทธิรับเงินกรณีสงเคราะห์บุตร
- เมื่อบุตรมอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์
- บุตรเสียชีวิต
- ยกบุตรให้เป็นบุตรบุญธรรมของคนอื่น
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
วิธีขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน ดังนี้
- หนังสือขอใช้สิทธิบุตรคนเดิมกรณีกลับเข้าเป็นผู้ประกันตน จำนวน 1 ฉบับ ดาวน์โหลดที่นี่
- บัตรประชาชนหรือบัตรอื่นที่มีรูปถ่าย
- สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากธนาคารประเภทออมทรัพย์หน้าแรก ที่มีชื่อและเลขที่บัญชีของผู้ยื่นคำขอ จำนวน 1 ชุด (ในกรณีต้องการเปลี่ยนธนาคาร)
- ยื่นที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ทั้ง 12 แห่ง สำนักงานประกันสังคมจังหวัด/สาขา/ที่สะดวก
เปิดคำถามที่หลายคนสงสัย!!
เงินสงเคราะห์บุตร คือสิทธิประโยชน์จาก พรบ.ประกันสังคม ที่เก็บจากกองทุนประกันสังคมและที่ประชาชนมีสิทธิได้รับเงินตามที่ตนส่งเงินเข้ากองทุน ส่วนเงินอุดหนุนบุตรนั้นมีไว้ช่วยเหลือครอบครัวที่มีรายได้ต่ำ ไม่เกิน 100,000 บาท/คน/ปี ซึ่งเป็นโครงการของรัฐที่มีไว้ช่วยเหลือประชาชน
หมายเหตุ : เงินสงเคราะห์บุตรนี้พ่อแม่บุญธรรมยังมีสิทธิได้รับ ซึ่งปัจจุบันหากผู้ที่มีประกันสังคมและมีเงื่อนไขตรงตามคุณสมบัติของโครงการเงินอุดหนุนบุตรก็สามารถของรับสิทธิ์ได้เช่นกัน
โดยข้อมูล ณ ปัจจุบัน เมื่อปี 2564 ผู้ประกันตนจะได้รับอยู่ที่ เดือนละ 800 บาท เนื่องจากผลกระทบโควิด-19 เดิมเงินสงเคราะห์บุตรจะอยู่ที่ 400 บาท/เดือนและ ปี2561 เคยปรับขึ้นแล้วเป็นเดือนละ 600 บาท ดังนั้นสำหรับผู้ที่เคยได้รับในช่วงปี 2561 นั้น จะมีการจ่ายเงินย้อนหลังเพิ่มให้เดือนละ 200 บาท ทั้งนี้ รายเก่าและรายใหม่ จะได้รับอยู่ที่ 800 บาท/เดือน โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564
หมายเหตุ : ทั้งนี้จะต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบอย่างต่อเนื่องจึงจะได้รับสิทธิประโยชน์
ผู้ที่ต้องการรับสิทธิ สามารถยื่นเรื่องได้ที่ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด/สาขา/ที่ท่านสะดวก สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่สายด่วน 24 ชั่วโมง โทร 1506 หรือ www.sso.go.th