ความรู้
ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์?
เป็นคำถามโลกแตกอีกคำถามหนึ่งว่าทำไมเราต้องเรียนวิทยาศาสตร์ พี่นัทเองก็เคยสงสัย เคยถามครู ถามเพื่อน "เราเรียนวิทยาศาสตร์ไปทำไมกัน?" วันนี้พี่นัทคิดว่านอกจากพี่นัทแล้ว น้อง ๆ หลายคนก็คงอยากจะรู้เช่นเดียวกัน จึงหาข้อมูลมาเขียนให้น้อง ๆ ได้ศึกษา พร้อมแล้วเราไปดูกันเลยว่า..ทำไมต้องเรียนวิทยาศาสตร์!
อ่า.. พอพูดถึงข้อดีหรือประโยชน์ของการเรียนวิชานี้ เราก็จะนึกถึงเบื้องต้นที่เจออยู่เป็นประจำกันก่อน เรียนวิทยาศาสตร์เพื่อนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าเราไม่มีความรู้ในด้านวิทยาศาสตร์เลย เราก็จะรู้แค่ว่า ฝนตก แต่ไม่รู้ว่าตกลงมาได้ยังไง หรือรู้แค่ว่าน้ำยาล้างจานกินไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงกินไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องเรียนวิทยาศาสตร์เพื่อมาหาเหตุและผลมาอธิบายข้อข้องใจต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้ทราบถึงที่มาที่ไปของสิ่งที่อยู่รอบตัวเรานั่นเอง
วิทยาศาสตร์ช่วยในการปูพื้นฐานการเรียนต่อ แน่นอนว่าตอนมัธยมปลายน้อง ๆ ต้องเจอกับวิทยาศาสตร์ที่แตกแขนงออกไปอีกไม่ว่าจะเป็น ฟิสิกส์ เคมี หรือชีววิทยา มันคือการเจาะลึกจากข้องมูลที่เราเคยเรียนกันตอนประถมให้เจาะจงเข้าไปลึกขึ้นอีก ในแต่ละวิชาจะมีเอกลักที่ต่างกันเพื่อให้เราค้นหาตัวเองว่าชอบแบบไหน เช่น เคมีี จะเกี่ยวกับการทดลองสารทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีทำน้ำยาล้างจาน หรืออะไรต่าง ๆ นานา ชีววิทยาจะเกียวกับพืช คน และสัตว์ หรือพูดง่าย ๆ คือการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตนั้นเอง ส่วนฟิสิกส์จะเกี่ยวกับพลังงาน แรง ทั้งสิ้น เช่นแรงโน้มถ่วงของโลก เป็นต้น
นอกจากจะเรียนรู้เพื่อการนำไปศึกษาต่อแล้วยังมีหลาย ๆ อาชีพที่ใช้วิทยาศาสตร์ในการทำงาน ยกตัวอย่างที่เราเห็นกันชัด ๆ เลยคือ หมอ พยาบาล เภสัช ที่ต้องใช้ในการรักษาหรือศึกษาเครื่องมือทั้งหลาย หากไม่มีความรู้เหล่านี้ เราอาจจะไม่รู้ว่าโรคหวัดเกิดจากอะไร โรค Covid-19 เกิดจากอะไร ต้องใช้วิธีรักษาแบบไหนถึงจะหาย นอกจากอาชีพเหล่านี้แล้วยังมีวิศวกร ที่ต้องใช้ฟิสิกส์เข้ามาช่วยในการทำงาน ไม่เพียงแต่ 2 สาขาอาชีพที่นัทนำมากล่าวถึง ยังมีอีกหลาย ๆ อาชีพที่ต้องใช้วิทยาศาสตร์ในการทำงายเช่นกัน เช่นนักบิน นักปรุงน้ำหอม ฯลฯ
วิทยาศาสตร์ช่วยฝึกการคิดอย่างเป็นระบบ เริ่มจากการสงสัย นำไปสู่การตั้งสมมติฐาน การหาข้อมูความรู้ สรุป และแก้ไข สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้การทำงานมีระบบระเบียบมากขึ้น การฝึกคิดอย่างเป็นระบบจะช่วยให้เราได้ข้อมูลที่เท็จจริงมากยิ่งขึ้น เราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจําวัน หรือในการทำงานได้ด้วย และนอกจากนี้ยังทำให้เรา ตั้งคำถามก่อนเชื่อ อธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ คือ เด็กวิทย์ค่อนข้างที่จะเชื่อเรื่องผีสาง ไสยศาสตร์ยากหรืออะไรต่าง ๆ ที่ไร้เหตุผล เพราะเขามักจะตั้งคำถาม ตั้งสมมติฐาน หาข้อมูล ข้อเท็จจริงเสียก่อน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ดียิ่งขึ้น
วิทยาศาสตร์คือการเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติ เช่นการตัดแต่งกิ่ง การแพร่ขยายพันธุ์ไม้ ตกแต่งพันธุกรรม ล้วนเกิดมาจากสิ่งที่เราเรียกว่าวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น เราจะเห็นได้ว่าวิทยาศาสตร์ล้วนอยู่รอบตัวเราไปหมด ความสะดวกสบายในปัจจุบันก็ล้วนแต่เกิดจากสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะไฟฟ้าที่เราใช้ ติดต่าสื่อสารทางไกลกันด้วยสิ่งที่เรียกว่ามือถือ อินเตอร์เน็ต หรือการสร้างสิ่งที่ขนส่งเราจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งเช่น รถ เครื่องบิน เรือ เหล่านี้ริเริ่มมาจากนักวิทยาศาสตร์ทั้งนั้นค่ะ
แต่ถ้าน้องไม่ชอบที่จะเรียนวิชานี้ อาจจะลงเรียนสายศิลป์ได้ค่ะ หลายคนลงเรียนเพียงเพราะเห็นเป็นห้องเด็กเก่ง น่าชื่นชม แต่พี่นัทบอกเลยว่าแต่ละห้องต่างมีความเก่งไม่เหมือนกัน อย่างพี่นัทเรียนสายวิทย์-คณิต จะให้พี่นัทไปเรียนศิลป์ภาษาจีนพี่นัททำไม่ได้ะ เพราะพี่นัทไม่ได้เก่งภาษาเลย ดังนั้นอย่าเสียเวลากับอะไรที่เราไม่ชอบเพราะนั้ยอาจทำให้เกรดของน้อง ๆ หล่นฮวบลงได้เหมือนกันนะคะ <3< p>
ภาพปกโดย Chokniti Khongchum จาก Pexels
ความคิดเห็น
กรุณาเข้าสู่ระบบเพื่อทำการคอมเม้นต์
ทำไมต้องเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ ที่ซายเอนเทีย?
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่กำลังมองหาโรงเรียนกวดวิชา หรือโรงเรียนสอนพิเศษวิชาวิทยาศาสตร์ให้กับลูกหลานของท่านอยู่ แต่ยังลังเลไม่มั่นใจว่าจะเลือกที่ไหนดี? หรือมีคำถามว่า เข้าคอร์สกับซายเอนเทียไปแล้วจะได้ผลหรือเปล่า? เพื่อให้ได้ตัวเลือกที่ดีที่สุดแก่คนที่คุณรักและห่วงใย ซายเอนเทีย ศูนย์การเรียนวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กประถม จึงอยากชวนท่านมาคลายความสงสัย ไขข้อข้องใจในบทความนี้กันค่ะ
ทำความรู้จักกับ “ซายเอนเทีย”
ศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์สำหรับเด็กประถม ซายเอนเทีย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ. 2550 (เป็นระยะเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว) โดยคุณศิริพันธ์ ภัทรเบญจพล มีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาตร์ให้แก่เด็ก ๆ สร้างนักคิด นักพัฒนา ที่มีคุณภาพให้กับประเทศไทยในอนาคต
หลักสูตรการเรียนรู้ของซายเอนเทีย มีความพิเศษตรงที่ เป็นการนำหลักสูตรจากต่างประเทศมาประยุกต์ และออกแบบให้เข้ากับเด็กไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น การเรียนรู้ของซายเอนเทียยังเน้นที่กระบวนการ โดยผ่านสื่อการสอนต่าง ๆ เช่น การทดลอง, ภาพยนตร์, ใบความรู้, เกมการ์ด และหลักสูตรนอกห้องเรียน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่จะสอนโดยนักวิทยาศาสตร์มากกว่าครูวิทยาศาสตร์ หรือบางคอร์สก็มีการเชิญผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้น ๆ เช่น นักปักษีวิทยา, นักดาราศาสตร์ มาให้ความรู้และประสบการณ์แก่เด็ก ๆ โดยตรง เพื่อให้เด็ก ๆ ได้ “สนุกกับการเรียนรู้ พร้อมสู่การแข่งขัน” ที่เน้นการเรียนรู้ พร้อมพัฒนากระบวนการคิด และสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันทางวิชาวิทยาศาสตร์อย่างแท้จริงค่ะ
ที่ซายเอนเทีย มีหลักสูตรอะไรบ้าง?
หลักสูตรของซายเอนเทียออกแบบโดยคำนึงถึงหลักเกณฑ์ 3 ประการ ได้แก่
(1) หลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ การศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2551
(2) ทักษะทางวิทยาศาสตร์พื้นฐานและบูรณาการ จำนวน 13 ทักษะ เพื่อให้เด็กได้ใช้ทักษะต่าง ๆ อย่างครบถ้วน
(3) ความรู้วิทยาศาสตร์แบบองค์รวมที่เกิดจากผู้เชี่ยวชาญ มาสรุปให้เด็ก ๆ ได้รับความรู้เชิงลึกเพื่อเตรียมศึกษาขั้นสูงต่อไป
นอกจากนั้น เรายังใช้ “การทำนาย-การสังเกต-อธิบาย” (Predict Observe Explain) ในการสร้างองค์ความรู้ให้แก่เด็ก ๆ อีกด้วย โดยหลักสูตรของเราจะแบ่งเป็น ดังนี้
สนุกกับการทดลองวิทยาศาสตร์
หลักสูตรนี้ เน้นให้เด็ก ๆ ได้สนุกกับความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านกิจกรรมเพิ่มทักษะ เช่น การทดลองง่าย ๆ เด็ก ๆ จึงจะได้ทำความเข้าเกี่ยวกับหลักการทางวิทยาศาสตร์ รับความรู้อย่างเข้มข้น พร้อมกับความบันเทิง และสนุกสนานในเวลาเดียวกัน
- สนุกคิดนักวิทย์น้อย (Fun Science) ประถมศึกษาปีที่ 1 - 3
- ห้องเรียนปฎิบัติการวิทย์ (Scikid Lab) ประถมศึกษาปีที่ 1 - 6
เรียนรู้บูรณาการกับหลักสูตร
เนื้อหาในหลักสูตรนี้ ครอบคลุมความรู้วิชาวิทยาศาสตร์ระดับประถมทั้งหมด และเกินกว่าในชั้นเรียนอีกด้วย เพราะต้องการสร้างศักยภาพ และเตรียมความพร้อมในการแข่งขันทางวิทยาศาสตร์ทั้งในไทย และต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสู่เส้นทางโอลิมปิกค่ะ
- ฉลาดคิดวิทย์ประถม (Smart Science) ประถมศึกษาปีที่ 3
- อัจฉริยะนักวิทย์น้อย (Genius Science) ประถมศึกษาปีที่ 4
- เก่งวิทย์พิชิตเหรียญ (Explorer Science) ประถมศึกษาปีที่ 5
- วิทย์พิชิตแชมป์ (Competitive Science) ประถมศึกษาปีที่ 6
เตรียมพร้อมสู่การแข่งขัน
- ภารกิจพิชิตเหรียญ เตรียมสอบ สสวท. ประถมศึกษาปีที่ 3 - 6
- เตรียมสอบวิทยาศาสตร์ สพฐ.-IMSO ประถมศึกษาปีที่ 4 - 6 (รอบพื้นที่เขต - รอบระดับประเทศ - รอบนานาชาติ)
เรียนวิทยาศาสตร์ที่ซายเอนเทีย ได้ผลจริงหรือ?
และก็มาถึงคำถามสำคัญ ที่น่าจะสร้างความลังเลใจให้ใครหลายท่าน นั่นก็คือ “เรียนวิทยาศาสตร์กับซายเอนเทีย ได้ผลจริงหรือไม่ ?” วิธีการวัดผลหรือตอบคำถามนี้ได้ที่ง่ายที่สุดก็คือ การพิสูจน์ที่ “ผลลัพธ์” จริงไหมคะ?
ในแต่ละปีซายเอนเทีย ได้เชิญชวนให้เด็ก ๆ ร่วมเข้าแข่งขันทางวิชาการต่าง ๆ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ได้แก่ โครงการเพชรยอดมงกุฎมูลนิธิร่มฉัตร, การแข่งขันทางวิชาการระดับนานาชาติ (IMSO)ของ สพฐ., โครงการพัฒนาอัฉริยะภาพทางวิทยาศาสตร์ (สสวท.), การสอบ IJSO, โครงการแข่งขันทักษะการคิดวิเคราะห์ทางวิทยาศาสตร์ โดยสมาคมครูวิทยาศาสตร์ประถมศึกษา เป็นต้น และ “ผลลัพธ์” ที่ออกมานั้นก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวค่ะ ไปชมกันเลย
- 2559 - ผลการแข่งขันทางวิชาการวิทยาศาสตร์ระดับนานาชาติ รอบระดับประเทศ : 29 เหรียญทอง, 21 เหรียญเงิน และ 13 เหรียญทองแดง
- 2558 - ช่วงชั้นที่ 1 ผลการสอบแข่งขันวิชาการโครงการอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) : 8 เหรียญทอง, 10 เหรียญเงิน, 12 เหรียญทองแดง และ 50 รางวัลเกียรติบัตร สสวท.
- 2558 - ช่วงชั้นที่ 2 ผลการสอบแข่งขันวิชาการโครงการอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) : 7 เหรียญทอง, 9 เหรียญเงิน, 9 เหรียญทองแดง และ 50 รางวัลเกียรติบัตร สสวท.
- 2558 - ผลการสอบแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ระดับประถมศึกษา (IMSO 2015) : 4 เหรียญทอง, 7 เหรียญเงิน และ 2 เหรียญทองแดง
- 2558 - ช่วงชั้นที่ 1 ผลการแข่งขันทางวิชาการวิทยาศาสตร์นานาชาติ สพฐ. รอบแรกระดับเขตพื้นที่การศึกษา : 6 เหรียญทอง, 5 เหรียญเงิน และ 4 เหรียญทองแดง
- 2557 - ช่วงชั้นที่ 1 ผลการสอบแข่งขันทางวิชาการโครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) : 3 เหรียญทอง, 3 เหรียญเงิน และ 13 เหรียญทองแดง
- 2557 - ช่วงชั้นที่ 2 ผลการสอบแข่งขันทางวิชาการ โครงการพัฒนาอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ โดยสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) : 4 เหรียญทอง, 2 เหรียญเงิน, 6 เหรียญทองแดง และ 31 เกียรติบัตร สสวท.
ความสำเร็จเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น (หากท่านต้องการดูผลผลงานเพิ่มเติมสามารถคลิกเข้าไปดูได้ใน Achivement ค่ะ)
การที่ลูกหลานของท่าน จะสามารถเอาชนะระบบการศึกษาในปัจจุบันที่มีกติกา และความซับซ้อนมากขึ้น จำเป็นต้องมีความรู้ความสามารถที่หลากหลาย มีความเป็นเลิศทางวิชาการ หรือเชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างจากเด็กทั่วไป สิ่งเหล่านี้ คือหนึ่งในแนวทางที่เราจะสามารถสร้างโอกาสให้กับเด็ก ๆ ได้มีโอกาสชนะ และเป็นต่อในการแข่งขันทางการศึกษา แต่ต้องทำความเข้าใจว่า เราไม่สามารถสร้างให้เกิดขึ้นได้เพียงช่วงข้ามคืนค่ะ ดังนั้น เราจึงจำเป็นต้องวางแผนระยะยาว และเริ่มต้นลงทุนให้กับลูกหลานที่รักของเรา ตั้งแต่ชั้นประถมศึกษานั่นเอง