วันที่เวลาโพส 07 ก.ค. 63 16:03 น. 07 ก.ค. 63 16:03 น.
อ่านแล้ว43,492
วันนี้จะพาน้องๆมาทำความรู้จักกับงานด้านเทคนิคการแพทย์อีกหนึ่งหลักสูตรที่น้องๆสนใจและถามกันเข้ามา งานด้านเทคนิคการแพทย์คืองานด้านการตรวจทางเทคนิคการแพทย์ ภายในห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ (ห้องแลป) หรือ ห้องปฏิบัติการเวชศาสตร์ชันสูตร ดำเนินการโดยวิธีทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในการตรวจ ทดสอบ วิเคราะห์ วิจัย การรายงานผลการตรวจ เพื่อวินิจฉัย การติดตามการรักษา
การพยากรณ์โรค และการป้องกันโรค หรือเพื่อประเมินภาวะสุขภาพได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว แม่นยำ
และเมื่อจบการศึกษาแล้วสามารถใช้คำนำหน้าชื่อได้ เช่น “ทนพ.” นำหน้าชื่อผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ เพศชาย
“ทนพญ.” นำหน้าชื่อผู้ประกอบวิชาชีพเทคนิคการแพทย์ เพศหญิง นั่นเองค่ะ
เทคนิคการแพทย์ มีหน้าที่อะไร?
มีหน้าที่ในการตรวจสอบระบบต่างๆของร่างกายเพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคและการติดตามการรักษา
เช่น ตรวจสารชีวเคมีในเลือด ปัสสาวะ น้ำคัดหลั่ง เซลล์เม็ดเลือด ตรวจวิเคราะห์พยาธิ ภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย การเพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรีย
เชื้อรา และไวรัสที่ทำให้เกิดโรค รวมไปถึงตรวจวิเคราะห์หาสารเสพติดสารพิษในร่างกาย ในอาหารและในสิ่งแวดล้อมซึ่งงานส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องแลป
ปี 1 เรียนวิชาพื้นฐานทั่วไป
เรียนเหมือนกันทุกสาขา เช่น แคลคูลัส เคมี ฟิสิกส์ ชีววิทยา
สังคมศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ในด้านภาษาและการสื่อสาร เน้นการ ฟัง พูด อ่าน เขียนและศึกษาในหมวดวิชาศึกษาทั่วไป
ปี 2 เริ่มเรียนวิชาเฉพาะ
เรียนในหมวดวิชาเฉพาะพื้นฐานวิชาชีพ เช่น พยาธิวิทยา โลหิตวิทยา จุลชีววิทยาเบื้องต้น ภูมิคุ้มกันวิทยาเบื้องต้นกายวิภาคศาสตร์ สรีระวิทยา
ปี 3 เรียนลึกทางด้านวิชาชีพและเรียนในห้องปฏิบัติการต่างๆ
เรียนในหมวดวิชาเฉพาะในด้านทฤษฎี และฝึกปฏิบัติงานในห้องปฏิบัติการ(ห้องแลป) น้องๆจะได้ฝึกเทคนิคการนับและแยกชนิดรูปร่างของเซลล์เม็ดเลือดแดงเม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด การตรวจความผิดปกติต่างๆของเม็ดเลือดทางห้องปฏิบัติการฝึกใช้งานและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จากเครื่องวิเคราะห์อัตโนมัติทางโลหิตวิทยา
ปี 4 ฝึกงาน/ฝึกสหกิจศึกษา
เทอมแรกบางมหาวิทยาลัยเรียนวิชาเลือกเสรีและยังมีศึกษาในห้องปฎิบัติการ
ทำโครงงานทำวิจัยเทคนิคการแพทย์เทอมสองฝึกงานด้านเทคนิคการแพทย์ในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาล
คนอื่น ๆ อ่านเรื่องนี้ แล้วมักจะอ่านเรื่องต่อไปนี้ต่อ
เชื่อว่าน้อง ๆ ม.ปลายหลายคนคงได้เคยยินชื่อ คณะเทคนิคการแพทย์ หรือคณะสหเวชศาสตร์ กันมาบ้างแล้วอย่างแน่นอน แต่ก็ยังคงมีน้อง ๆ หลายคนที่ไม่รู้ว่าคณะเรียนเกี่ยวกับอะไร เรียนเหมือนกับแพทย์หรือเภสัชศาสตร์หรือเปล่า จบมาแล้วทำงานอะไรได้บ้าง มีมหาวิทยาลัยไหนเปิดสอนบ้าง และถ้าจะสมัครเข้าศึกษาต่อจะต้องใช้คะแนนอะไรบ้าง ในบทความนี้ แคมปัส-สตาร์ ก็ได้รวบรวมข้อมูลน่ารู้ต่าง ๆ เกี่ยวกับคณะเทคนิคการแพทย์มาให้น้อง ๆ ได้ศึกษาทำความเข้าใจกันก่อนสมัครเรียนแล้วจ๊ะ ถ้าพร้อมไปลุยกันเลย
คณะเทคนิคการแพทย์ เรียนเกี่ยวกับอะไร?
เทคนิคการแพทย์ (Medical technologist) หรือที่ทุกคนมักจะเรียกกันว่า หมอแล็บ เป็นสาขาวิชาชีพหนึ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากในวงการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเป็นงานที่คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังการรักษาของคุณหมอ โดยมีหน้าที่ในการตรวจสอบระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคและการติดตามการรักษา เช่น การตรวตสารชีวเคมีในเลือด ปัสสาวะ น้ำคัดหลั่ง เซลล์เม็ดเลือด การตรวจวิเคราะห์พยาธิ การตรวจแยกชนิดและการทดสอบยาปฎิชีวนะ การตรวจภูมิคุ้มกันต่างๆ ในร่างกาย การเพาะเลี้ยงเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัสที่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ
นอกจากนี้ยังมีหน้าที่ในการวิเคราะห์สารเสพติดและสารพิษในร่างกาย ในอาหาร และในสิ่งแวดล้อม ได้แก่ ยาบ้า เฮโรอีน สารตะกั่ว และสารปรอท เป็นต้น คณะเทคนิคการแพทย์เรียน 4 ปีด้วยกัน โดยในแต่ละปีการศึกษาน้อง ๆ จะเจอวิชาเรียน ดังต่อไปนี้
ปี 1 – 4 เรียนอะไรบ้าง?
ชั้นปีที่ 1 น้อง ๆ จะเรียนปรับพื้นฐานด้านวิทย์-คณิตในวิชาต่าง ๆ อาทิ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ (เน้นเรื่องสถิติและแคลคูลัส) ภาษาอังกฤษ สังคมศาสตร์ และคอมพิวเตอร์ เป็นต้น ส่วนชั้นปีที่ 2 จะเริ่มมีการปูพื้นฐานให้น้อง ๆ มีความเข้าใจถึงระบบต่าง ๆ ในร่างกายมนุษย์มากยิ่งขึ้น ทั้งระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในร่างกาย โครงสร้างกระดูก กล้ามเนื้อ ระบบประสาท เคมี และชีวโมเลกุลที่เป็นพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต
มาถึงชั้นปีที่ 3 จะเรียนวิชาเฉพาะด้านเทคนิคการแพทย์ โดยจะเรียนเกี่ยวกับการตรวจสอบสารคัดหลั่งของมนุษย์เพื่อนำมาใช้ในการวินิจฉัย การติดตามโรค การพยากรณ์โรค การป้องกันโรค ตัวอย่างวิชาที่เรียน เช่น โลหิตวิทยาคลีนิก ซึ่งเรียนเกี่ยวกับการตรวจแยกเม็ดเลือดแดง และเม็ดเลือดขาว ฯลฯ
และในชั้นปีที่ 4 จะเป็นการทำวิทยานิพนธ์และฝึกปฏิบัติงาน โดยในเทอมที่ 1 จะเรียนเกี่ยวกับการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีด้านเทคนิคการแพทย์ กฎหมายวิชาชีพ และนอกจากนี้ยังจะต้องทำวิทยานิพนธ์ด้วย ส่วนในเทอมที่ 2 จะเป็นการฝึกปฏิบัติงานจริงในห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาล กระทรวงสาธารณสุข สภากาชาด ฯลฯ
คุณสมบัติของผู้สมัครเรียน
- สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ในแผนการเรียนวิทย์-คณิต
- มีสุขภาพดี ไม่มีอาการของตาบอดสี
** ในบางมหาวิทยาลัยอาจจะมีการกำหนดผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX) ขั้นต่ำด้วย ดังนั้นน้อง ๆ ควรจะต้องดูรายละเอียดในข้อดีกันให้ดีด้วยนะจ๊ะ
คะแนนที่ใช้ในการสมัคร (รอบแอดมิชชัน)
- GPAX : 20%
- O-NET : 30%
- GAT : 20%
- PAT2 (วิทยาศาสตร์) : 30%
** ทั้งนี้สัดส่วนคะแนนที่ใช้ในแต่ละมหาวิทยาลัยอาจจะมีความแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับแต่ละมหาวิทยาลัยกำหนดด้วยนะจ๊ะ
มหาวิทยาลัยที่เปิดสอน
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- มหาวิทยาลัยรังสิต
- มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
- มหาวิทยาลัยสงขลาครินทร์
- มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยบูรพา
- มหาวิทยาลัยนเรศวร ฯลฯ
จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง
- นักเทคนิคการแพทย์
- นักวิจัย
- นักรังสีเทคนิค
- นักทัศนมาตรศาสตร์
- เซลล์ขายอุปกรณ์ทางการแพทย์
- เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์สุขภาพและความงาม
- อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
- เจ้าหน้าที่วิทยาศาสตร์สุขภาพ
- ครู/อาจารย์ ฯลฯ
อ้างอิงข้อมูลจาก : www.u-review.in.th, www.tcaster.net
บทความที่น่าสนใจ
- พยาบาลศาสตร์ คณะในฝันของใครหลาย ๆ คน ที่อยากจะเข้าศึกษาต่อ | ม.ที่เปิดสอน
- แนะนำ 8 หลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง ที่เปิดสอนใน คณะพยาบาลศาสตร์
- เรียนแพทย์ 6 ปี ต้องเจออะไรบ้าง? ใช้คะแนนอะไรในการสอบเข้า? | ม.ที่เปิดสอน
- เรียนเภสัชศาสตร์ 6 ปีต้องเจออะไรบ้าง? เลือกเรียนที่ไหนดี? จบแล้วทำงานที่ไหนได้บ้าง?