กรมบัญชีกลางอัปเดต บัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน เดือนธันวาคม 2565 โอนเงินให้กับผู้ถือบัตร 13.17 ล้านราย อ่านรายละเอียดที่นี่
วันที่ 1 ธันวาคม 2565 กรมบัญชีกลาง สังกัดกระทรวงการคลัง ได้วางแผนโอนเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน โดยโอนเงินให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐบัตรคนจน ที่มีจำนวน 13.17 ล้านราย ล่าสุด กรมบัญชีกลางอัปเดตแผนการจ่ายเงินบัตรคนจนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประจำเดือนธันวาคม 2565 ดังนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน (ไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
- วงเงินซื้อสินค้า 200/300 บาทต่อเดือน
- ส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 100 บาทต่อ 3 เดือน (25 ต.ค. – ธ.ค. 65)
- ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ประกอบด้วย
- ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาทต่อเดือน
- ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาทต่อเดือน
- ค่าโดยสารรถ ขสมก./รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL) 500 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่อาศัยอยู่ในเขต กทม. และปริมณฑล)
ทุกวันที่ 18 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินชดเชยค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 315 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ได้ลงทะเบียนกับ กฟน. กฟภ. และกิจการไฟฟ้าสวัสดิการสัมปทานกองทัพเรือ ที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน)
- เงินชดเชยตามจำนวนเงินที่ชำระค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ลงทะเบียนกับ กปน. กปภ. ที่ใช้น้ำประปาไม่เกิน 315 บาทต่อเดือน จะได้รับเงินคืนค่าน้ำประปาไม่เกิน 100 บาท (ที่ได้ชำระเงินแล้ว) ส่วนที่เกินจาก 100 บาท ผู้ถือบัตรฯ เป็นผู้ชำระเอง)
ทุกวันที่ 22 ของเดือน (สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และสะสมในเดือนถัดไปได้)
- เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน (สำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเงินเบี้ยความพิการ)
นางสาววารี แว่นแก้ว รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ในฐานะโฆษกกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2565 กรมบัญชีกลางได้เบิกจ่ายเงินให้แก่ร้านค้าที่ผู้มีสิทธินำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปชำระค่าสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าเดินทาง และค่าก๊าซหุงต้ม ดังนี้ (ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 - 30 พฤศจิกายน 2565)
ลำดับ สวัสดิการ จำนวนเงิน (บาท)
1. สวัสดิการที่ให้เป็นวงเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
1.1 วงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 3,531,410,208.25
1.2 วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 50,215,302.00
1.3 วงเงินค่าโดยสาร ขสมก./BTS/MRT/Airport rail link 22,755,057.58
1.4 วงเงินค่าโดยสารรถบริษัทขนส่ง จำกัด (บขส.) 7,988,400.00
1.5 วงเงินค่าโดยสารรถไฟ 18,791,227.88
รวมจำนวนเงิน (1) 3,631,160,195.71
2. สวัสดิการที่ให้ผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (e-Money)
2.1 มาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (ระยะที่ 1-2) 157,400.00
2.2 มาตรการสนับสนุนค่าใช่จ่ายช่วงปลายปี 191,500.00
2.3 มาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย 18,400.00
2.4 มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลฯ 31,000.00
2.5 มาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้า 168,399,508.38
2.6 มาตรการบรรเทาภาระค่าน้ำประปา 17,523,580.81
2.7 มาตรการชดเชยเงินให้แก่ผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
โดยใช้ข้อมูลจากจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่มฯ (ระยะที่ 1 - 2) 1,007.24
2.8 มาตรการเพิ่มเบี้ยคนพิการ 32,600.00
2.9 มาตรการบรรเทาภาระค่าครองชีพให้แก่เกษตรกร 88,000.00
2.10 มาตรการบรรเทาค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ช่วงเปิดปีการศึกษา 52,000.00
2.11 มาตรการพยุงการบริโภคของผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 1,119,500.00
2.12 มาตรการมอบเงินช่วยเหลือสำหรับผู้สูงอายุ 82,500.00
2.13 มาตรการช่วยเหลือการเลี้ยงดูบุตรแก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 20,100.00
2.14 การเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ในบัตรวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคที่จำเป็น 325,100.00
2.15 มาตรการเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ตามมติ ครม. เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 215,702,600.00
รวมจำนวนเงิน (2) 403,744,796.43
รวมจำนวนเงินทั้งสิ้น (1)+(2) 4,034,904,992.14
“ทั้งนี้ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 0 2109 2345 หรือ Call Center กรมบัญชีกลาง 0 2270 6400 ในวัน เวลาราชการ" โฆษกกรมบัญชีกลาง กล่าว
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ 2565 หากเกิดอุบัติเหตุแล้วเราเป็นฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องได้จากประกันของคู่กรณี กำหนดอัตราเคลมขั้นต่ำไว้ที่ 500 บาทต่อวัน
หากเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน สิ่งหนึ่งที่คนใช้รถต้องทำก็คือติดต่อหาบริษัท ประกันภัยรถยนต์ของตัวเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่มาประเมินความเสียหาย เจรจาไกล่เกลี่ยว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือผิด และออกใบเคลม ซึ่งหลายคนอาจเข้าใจว่าขั้นตอนทุกอย่างจบลงเพียงแค่นี้ แต่จริง ๆ แล้วยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่บริษัทประกันรถยนต์มักไม่ค่อยบอก โดยเฉพาะสำหรับคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูก นั่นคือเรื่อง “ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ”
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คืออะไร ?
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ คือ เงินสินไหมที่ทางบริษัทประกันภัยของผู้ขับขี่ที่เป็นฝ่ายผิดจะมีหน้าที่รับผิดชอบแทนตัวผู้ขับขี่ต่อคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูก ในระหว่างที่รถยนต์ต้องเข้าซ่อม หรือไม่สามารถใช้งานรถยนต์ได้ โดยผู้ที่เป็นฝ่ายถูกสามารถนำบิล ใบเสร็จค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ค่าแท็กซี่, ค่ารถเมล์ หรือค่ารถไฟฟ้า ในระหว่างที่ใช้งานรถยนต์ไม่ได้ มาทำเรื่องเบิกกับบริษัทประกันของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดได้ ซึ่งทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดอัตราค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ 2565 ของรถยนต์แต่ละประเภทไว้ ซึ่งหากเราเป็นฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องจากประกันภาคสมัครใจ (ประกันชั้น 1-3) ได้ดังนี้
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
กำหนดอัตราขั้นต่ำเท่าไร ?
1. รถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 500 บาท
2. รถยนต์รับจ้างสาธารณะขนาดไม่เกิน 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 700 บาท
3. รถยนต์ขนาดเกินกว่า 7 ที่นั่ง กำหนดอัตราไม่น้อยกว่าวันละ 1,000 บาท
4. รถประเภทอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นไปตามข้อ 1-3 เช่น "รถจักรยานยนต์" ให้เป็นไปตามข้อเรียกร้องและตกลงกันได้ โดยพิจารณาหลักฐานเป็นกรณีไป
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ ใช้เอกสารใดบ้าง ?
- เอกสารใบเคลม
- เอกสารนำรถยนต์เข้าซ่อมที่กำหนดวันส่งรถ-รับรถไว้ชัดเจน
- สำเนาทะเบียนรถยนต์
- สำเนาตารางกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาใบขับขี่รถยนต์
- เอกสารประกอบการใช้รถยนต์แต่ละวัน (ถ้ามี)
- ใบเสร็จค่าเช่ารถ หรือค่าใช้จ่ายการเดินทางในระหว่างที่ใช้รถไม่ได้ (ถ้ามี)
- สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร
- หนังสือเรียกร้องค่าขาดประโยชน์ระหว่างซ่อมรถ
หมายเหตุ บริษัทประกันภัยบางที่อาจใช้หรือไม่ใช้เอกสารบางอย่าง แต่ในเบื้องต้นควรเตรียมไปให้พร้อมทุกอย่าง จะได้ไม่เป็นการเสียเวลาในการติดต่อดำเนินการ
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
มีขั้นตอนดำเนินการอย่างไร ?
- แจ้งบริษัทประกันของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิด เพื่อแจ้งความประสงค์ขอเบิกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- รวบรวมใบเสร็จ เอกสารค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่ารถเมล์ ค่ารถแท็กซี่ และค่ารถไฟฟ้า ที่เกิดขึ้นระหว่างที่ใช้งานรถยนต์ไม่ได้ เพื่อเป็นหลักฐานในการขอรับค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
- จัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ ให้เรียบร้อย ตรวจสอบรายละเอียดความถูกต้อง และยื่นเอกสารกับบริษัทประกันภัย
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถ
รวบถาม-ตอบหลายประเด็นที่หลายคนสงสัย
ถ้าทำเฉพาะประกันภัย พ.ร.บ. จะเรียกค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถได้ไหม ?
- ประกันภัย พ.ร.บ. คุ้มครองคน ไม่คุ้มครองทรัพย์สิน ดังนั้นจะเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถไม่ได้
เพราะเหตุใด คปภ. ถึงต้องกำหนดค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถขั้นต่ำ ?
- เพื่ออำนวยความสะดวกให้การเรียกร้องของประชาชนรวดเร็วยิ่งขึ้น และลดปัญหาการร้องเรียน
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถขั้นต่ำ หมายถึง ?
- ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถที่บริษัทประกันภัยต้องชดใช้เป็นจำนวนไม่น้อยกว่าที่กำหนดขั้นต่ำ เพื่อไม่ให้บริษัทประกันภัยเจรจาจ่ายในจำนวนที่ต่ำเกินไป
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถอยู่ในกฎหมายใด พ.ร.บ. อะไรและมาตราไหน ?
- ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 ลักษณะมูลละเมิด บรรพ 2 (หนี้) > ลักษณะ 5 > หมวด 1 (ความรับผิดเพื่อละเมิด)
รถใช้เวลาในการซ่อมอู่ในเครือบริษัทเป็นเวลาทั้งหมด 107 วัน แต่ได้รับชดเชยเพียง 25 วัน ?
- หลักเกณฑ์การเรียกร้องค่าขาดประโยชน์รถยนต์เกิดจากบริษัทประวิงการซ่อมหรือซ่อมล่าช้าเกินกว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่มีเหตุผลอันสมควร โดยปกติทั่วไปซ่อม 15-30 วัน แต่บริษัทซ่อมล่าช้าหรือส่งอะไหล่ล่าช้า ทำให้การซ่อมเกินเวลาถึง 45 วัน จะเรียกร้องเฉพาะส่วนที่เกินกว่าการสั่งซ่อมจริง แต่หากเป็นฝ่ายถูกสามารถเรียกร้องได้นับแต่วันทำละเมิด หากคิดว่าท่านไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงาน คปภ. ทุกจังหวัด
ตัวอย่างแบบฟอร์มคำร้อง
ค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถระหว่างซ่อม
อย่างไรก็ตาม การเรียกร้องต้องไม่ลืมว่าค่าขาดประโยชน์จากการใช้รถสามารถดำเนินการได้สำหรับผู้ที่เป็นฝ่ายถูกเมื่อเกิดอุบัติเหตุเท่านั้น ผู้ที่เป็นฝ่ายผิดไม่สามารถเรียกร้องค่าขาดประโยชน์จากบริษัทประกันภัยของอีกฝ่ายได้ และหากใครที่แจ้งความประสงค์เรียกร้องค่าขาดประโยชน์จาการใช้รถ แล้วถูกบริษัทประกันภัยบ่ายเบี่ยงหรือปฏิเสธการจ่ายสินไหม สามารถร้องเรียนได้ที่สำนักงาน คปภ.