ทั้งหมดนี้ถือเป็นกฎหมายแรงงาน น่ารู้ขั้นพื้นฐานที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่ต้องใส่ใจจะละเลยไม่ได้ ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการทำตามกฎระเบียบตามที่กฎหมายกำหนด และส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นหลักประกันให้ลูกจ้างทำงานได้อย่างมีความสุขเพราะมีหลักประกันว่านายจ้างทำถูกกฎหมายเรียกได้ว่าสบายใจกันทั้งสองฝ่ายทั้งตัวนายจ้างเองและตัวลูกจ้างเองด้วย
⚡ ค้นหาคนที่ใช่ด้วยโซลูชันการสรรหาบุคลากรแบบครบวงจรกับ JobsDB ⚡
★ เข้าถึงโปรไฟล์ผู้สมัครงานคุณภาพมากกว่า 2.6 ล้านคนในประเทศไทย
★ ผู้สมัครงานพบงานที่ใช่มากขึ้น 6 เท่า ผู้ประกอบการได้ใบสมัครตรงใจมากขึ้น
★ ที่เว็บไซต์หางานอันดับ 1 ครองใจผู้สมัครงานคุณภาพ ลงทะเบียนเพื่อสรรหาผู้สมัครงาน ที่นี่ ★
เรื่องอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
ประกันสังคมน่ารู้สำหรับผู้ประกอบการมือใหม่
ขั้นตอนการขอยกเลิกกิจการให้ชอบด้วยกฎหมาย
กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงานของผู้ประกอบการ กฎหมายแรงงานควรรู้ กฎหมายแรงงานน่ารู้ กฎหมายแรงงานสำหรับผู้ประกอบการ
บทความยอดนิยม
9 เทรนด์การทำงานในอนาคตสำหรับปี 2023กฎหมายแรงงานที่ผู้ประกอบการมือใหม่ควรรู้
Test case คืออะไรทำไม Tester จำเป็นต้องทำ?
ในสายงานการพัฒนาแอปพลิเคชั่น ซอฟท์แวร์ หรือโปรแกรมต่าง ๆ นอกจากอาชีพชูโรงอย่าง Developer แล้ว ยังมีตำแหน่งยิบย่อยอื่น ๆ...
ChatGPT คืออะไรทำไมเราถึงควรต้องทำความรู้จัก
เราอาจคุ้นเคยกับเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) หรือระบบปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งก็คือความฉลาดของคอมพิวเตอร์กันมา...
Work From Home vs. Hybrid Work องค์กรใหญ่ควรเลือกระบบไหนในปี 2023
ใครจะไปคิดว่าวันหนึ่งโลกของเราจะเกิดโรคระบาดอย่างโควิด-19 ขึ้นมา แล้วส่งผลกระทบแบบเป็นวงกว้างไปทั่วโลก สร้างปัญหาให้กับท...
ลูกจ้างเฮ…. พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาแล้ว และจะมีผลในอีก 30 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 5 เมษายน 2562)
ประกาศในพระราชกิจจานุเบกษาแล้ว สำหรับพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ฉบับที่ 7 พ.ศ.2562 และจะมีผลในอีก 30 วันนับแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (วันที่ 5 เมษายน 2562) พระราชบัญญัติฉบับใหม่นี้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องสิทธิประโยชน์สำคัญของลูกจ้างดังต่อไปนี้
1.หากมีการเปลี่ยนแปลงนายจ้างทำให้ต้องไปเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงนายจ้าง หรือกรณีนายจ้างเป็นนิติบุคคลแล้วมีการจดทะเบียนเปลี่ยนแปลง โอน หรือควบรวมกับนิติบุคคลใด มีผลให้ต้องไปเป็นลูกจ้างของนายจ้างใหม่ ต้องได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง สำหรับสิทธิต่าง ๆ ของลูกจ้างที่มีอยู่ต่อนายจ้างยังคงสิทธิต่อไปโดยนายจ้างใหม่ต้องรับไป
2.มีสิทธิลาเพื่อกิจธุระจำเป็น โดยนายจ้างจ่ายค่าจ้างตามปกติปีละไม่เกิน 3 วันทำงาน
จากเดิมมาตรา 34 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจําเป็นได้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทํางาน แต่ไม่มีมีการกำหนดจำนวนวันและการจ่ายค่าจ้างไว้
3.ลูกจ้างหญิงลาคลอดบุตรและลาตรวจครรภ์ก่อนคลอดได้ 98 วัน
ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์สามารถลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตรได้ ให้ถือเป็นวันลาเพื่อคลอดบุตรได้ไม่เกิน 98 วัน โดยให้นับรวมวันหยุดช่วงลาที่ลาด้วย สำหรับค่าจ้างจะได้รับจากนายจ้างไม่เกิน 45 วัน
4.เพิ่มอัตราค่าชดเชยให้ลูกจ้างที่ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป โดยได้รับค่าชดเชยเท่ากับอัตราค่าจ้างสุดท้าย 400 วัน
อัตราชดเชยการเลิกจ้างโดยลูกจ้างไม่มีความผิด มีดังนี้
- ทำงานครบ 120 วันแต่ไม่ถึง 1 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 30 วัน
- ทำงานครบ 1 ปีแต่ไม่ถึง 3 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 90 วัน
- ทำงานครบ 3 ปีแต่ไม่ถึง 6 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 180 วัน
- ทำงานครบ 6 ปีแต่ไม่ถึง 10 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 240 วัน
- ทำงานครบ 10 ปีแต่ไม่ถึง 20 ปี ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 300 วัน
- ทำงานครบ 20 ปีขึ้นไป ได้รับค่าชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้าง 400 วัน
5.การย้ายสถานประกอบกิจการใหม่ หากลูกจ้างไม่ต้องการไปทำงานที่ใหม่ตามนายจ้าง สามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้ โดยได้รับค่าชดเชยตามสิทธิ
- นายจ้างต้องปิดประกาศให้ทราบอย่างชัดเจนติดต่อกัน ไม่น้อยกว่า 30 วันก่อนย้ายสถานประกอบการ หากไม่มีการปิดประกาศต้องจ่ายชดเชยให้กับพนักงานที่ไม่ไปทำงานที่ใหม่เท่ากับค่าจ้าง 30 วัน หรือค่าจ้างของการทำงาน 30 วันสุดท้าย
- ลูกจ้างที่ไม่ต้องการไปทำงานที่ใหม่ตามนายจ้าง ต้องแจ้งเป็นหนังสือกับนายจ้างภายใน 30 วันหลังมีประกาศ จึงจะสามารถยกเลิกสัญญาจ้างได้โดยได้รับค่าชดเชยตามสิทธิ
6.กรณีจ่ายค่าตอบแทนเกินเวลาปกติ นายจ้างต้องเสียดอกเบี้ย 15% ต่อปี
หากนายจ้างคืนเงินหลักประกัน จ่ายเงินบอกเลิกสัญญาจ้าง เงินค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าชดเชย และตอบแทนต่าง ๆ เกินเวลาปกติ นายจ้างต้องเสียดอกเบี้ยระหว่างผิดนัดให้กับลูกจ้าง 15% ต่อปี
7.ค่าตอบแทนลูกจ้างชาย-หญิงเท่ากัน
ให้นายจ้างกำหนดค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด ในอัตราเท่ากันทั้งลูกจ้างชายและหญิงสำหรับงานที่มีค่าเท่าเทียมกัน