ความฉลาดทางอารมณ์หรือ EQ (Emotional Quotient หรือ Emotional Intelligence) ในภาษาไทยยังสามารถแปลความหมายได้อีกหลายชื่อ อาทิเช่น การบริหารอารมณ์ สติอารมณ์ อัจฉริยะทางอารมณ์ เชาว์อารมณ์ ความเฉลียวฉลาดทางอารมณ์ ปรีชาเชิงอารมณ์ วุฒิภาวะทางอารมณ์ ปัญญาทางอารมณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากคำภาษาอังกฤษที่มีความหมายเดียวกัน
ความฉลาดทางอารมณ์ หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ มีจิตใจที่มั่นคง การมองโลกในแง่ดี รู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา มีความมุ่งมั่นแน่วแน่ มีเหตุผล มีสติ สามารถควบคุมตนเอง มีความสามารถในการรับรู้ถึงความต้องการของคนอื่น และรู้จักมารยาททางสังคม เป็นต้น ความฉลาดทางอารมณ์ประกอบด้วยปัจจัยสำคัญ ๓ ประการได้แก่ ๑. ความดี ๒. ความเก่ง ๓. ความสุข ซึ่งแต่ละปัจจัยก็ให้ความหมายที่แต่กต่างกันดังต่อไปนี้
ดี หมายถึง ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง รู้จักเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบต่อส่วนร่วม ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ความสามารถในการควบคุมอารมณ์และความต้องการของตนเอง
- รู้อารมณ์และความต้องการของตนเอง
- ควบคุมอารมณ์และความต้องการได้
- แสดงออกอย่างเหมาะสม
ความสามารถในการเห็นใจผู้อื่น
- ใส่ใจผู้อื่น
- เข้าใจและยอมรับผู้อื่น
- แสดงความเห็นใจอย่างเหมาะสม
ความสามารถในการรับผิดชอบ
- รู้จักการให้ รู้จักการรับ
- รู้จักรับผิด รู้จักให้อภัย
- เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม
เก่ง หมายถึง ความสามารถในการรู้จักตนเอง มีแรงจูงใจ สามารถตัดสินใจ แก้ปัญหาและแสดงออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น ประกอบไปด้วย
ความสามารถในการรู้จักและสร้างแรงจูงใจให้ตนเอง
- รู้ศักยภาพของตนเอง
- สร้างขวัญและกำลังใจให้ตนเองได้
- มีความมุ่งมั่นที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย
ความสามารถในการตัดสินใจและแก้ปัญหา
- รับรู้และเข้าใจปัญหา
- มีขั้นตอนในการแก้ปัญหาได้อย่างเหมาะสม
- มีความยืดหยุ่น
ความสามารถในการมีสัมพันธภาพกับผู้อื่น
- รู้จักการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่น
- กล้าแสดงออกอย่างเหมาะสม
- แสดงความเห็นที่ขัดแย้งได้อย่างสร้างสรรค์
และสุดท้ายก็คือ
สุข หมายถึง ความสามารถในการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข มีความภูมิใจในตนเองพอใจในชีวิต และมีความสุขสงบทางใจ ประกอบไปด้วย
ความภูมิใจในตนเอง
- เห็นคุณค่าในตนเอง
- เชื่อมั่นในตนเอง
ความพึงพอใจในชีวิต
- รู้จักมองโลกในแง่ดี
- มีอารมณ์ขัน
- พอใจในสิ่งที่ตนมีอยู่
ความสงบทางใจ
- มีกิจกรรมที่เสริมสร้างความสุข
- รู้จักผ่อนคลาย
- มีความสงบทางจิตใจ
ดังนั้น ความฉลาดทางอารมณ์ สามารถสรุปได้ดังนี้
ความฉลาดทางอารมณ์ = เข้าใจตนเอง + เข้าใจผู้อื่น + แก้ไขความขัดแย้งได้
เข้าใจตนเอง ---> เข้าใจอารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการในชีวิตของตนเอง
เข้าใจผู้อื่น ---> เข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น และสามารถแสดงออกมาได้อย่างเหมาะสม
แก้ไขความขัดแย้งได้ ---> เมื่อมีปัญหาสามารถแก้ไขจัดการให้ผ่านพ้นไปได้อย่างเหมาะสมทั้งปัญหาความเครียดในใจ หรือปัญหาที่เกิดจากการขัดแย้งกับผู้อื่น
นอกจากความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) ยังมีความฉลาดอีกด้านหนึ่งที่ควบคู่กันไป คือ ความฉลาดทางสติปัญญา หรือ IQ (Intelligence Quotient) หมายถึง ความสามารถทางเชาวน์ปัญญา ซึ่งเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แสดงออกให้เห็นผ่านพฤติกรรมต่างๆ เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดจาก พันธุกรรมตลอดไปจนถึงสิ่งแวดล้อม และยังสามารถวัดออกมาเป็นค่าตัวเลขได้ เพื่อให้ผู้วัดมองเห็นความบกพร่องของความสามารถทางด้านอารมณ์ของตนเองที่ต้องพัฒนาและแก้ไข ดังนั้นจึมีการวัดค่าออกมาเพื่อแสดงถึงระดับ ความฉลาดทางอารมณ์ (IQ) ได้ดังนี้
กล่าวกันว่าการขายคือศาสตร์… แม้จะขายสินค้าประเภทเดียวกัน ราคาเท่ากันก็ตาม แต่ทำไมบางร้านถึงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า มีลูกค้าประจำตามติดมากมาย แต่บางร้านกิจการกลับไม่เติบโตเท่าที่ควร เพราะการขายไม่ได้มีแต่ตัวสินค้าเพียงอย่างเดียว ด้วยปัจจัยหนึ่งที่เรียกว่า Emotional Value หรือการสร้างคุณค่าทางอารมณ์ จะช่วยสร้างความแตกต่างนอกเหนือจากการขายตัวสินค้าในรูปแบบกายภาพ (Functional Value) ให้แก่ลูกค้าเพียงอย่างเดียว
ทักทายลูกค้าด้วยรอยยิ้มพร้อมระบุชื่อลูกค้า ให้กาแฟแก้วนี้เป็นแก้วที่พิเศษ
ตัวอย่างการสร้าง Emotional Value ส่งเสริมการขายสินค้า เช่น การขายกาแฟแก้วหนึ่ง กาแฟแก้วนั้นคือสินค้าในรูปแบบกายภาพ แต่การเอาใจใส่ของพนักงานที่ปฏิบัติต่อลูกค้าดังเป็นคนพิเศษ เช่น กล่าวสวัสดีทักทายลูกค้าอย่างอบอุ่น จดจำเมนูที่ลูกค้ามักสั่งประจำได้ หรือเขียนข้อความน่ารักๆ ทักทายลูกค้าลงบนแก้วกาแฟ แม้เป็นความใส่ใจเพียงเล็กน้อยแต่สามารถพิชิตใจลูกค้า สร้างมูลค่าทางใจได้มากกว่าเพียงแค่ตัวกาแฟ โดย Emotional Value ที่กิจการของคุณสามารถสร้างได้แบ่งได้เป็น 3 รูปแบบหลักๆ ดังนี้
Functional Value ผสานกับ Emotional Value สองปัจจัยที่นำธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ
| Emotion Caring : การดูแลห่วงใย เอาใจใส่
พนักงานบริการหลังการขายคือสิ่งที่แบรนด์ดังใช้ซื้อใจลูกค้า เป็นการสร้าง Emotion : Caring
ปฏิบัติกับลูกค้าเปรียบเสมือนคนในครอบครัว นี่คือสิ่งที่กิจการยิ่งใหญ่ระดับโลกยึดมั่นและใช้เป็นโมเดลมาโดยตลอด ด้วยกลยุทธ์เน้นการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าดั่งคนสนิทใกล้ชิดที่คอยรับฟังปัญหา แนะนำวิธีการใช้งาน พยายามแก้ไขปัญหาไม่ว่าจะมากหรือน้อย หรือพยายามดึงลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมจนเกิดความผูกพันกับตัวแบรนด์ ให้ลูกค้ารู้สึกว่าได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจประเภทบริการ ขายสินค้า หรือขายอาหาร ก็สามารถประยุกต์นำจุดเด่นของการสร้างคุณค่าทางอารมณ์ด้าน Caring มาปรับใช้ได้ทั้งสิ้น เช่น
- สร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าระหว่างให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวทักทาย สอบถามชื่อ สอบถามวันนี้สบายดีหรือไม่
- จัดพนักงานเพื่อดูแลบริการหลังการขาย เทรนพนักงานให้มีความเชี่ยวชาญและดูแลเอาใจใส่ลูกค้าเป็นพิเศษดั่งคนสำคัญ
- ทำระบบสมาชิกหรือคะแนนสะสม จดจำข้อมูลของลูกค้าด้วย วัน/เดือน/ปี เกิด เพื่อมอบของขวัญหรือสิทธิพิเศษในวันเกิดลูกค้า
- เชิญลูกค้าร่วมทดลองการเปิดตัวสินค้าใหม่ หรือจัดกิจกรรมขอบคุณลูกค้าลุ้นของรางวัลภายในงาน
| Emotion Adventure : ความตื่นเต้น ดึงดูดใจ
การขายประสบการณ์ร้านที่แปลกใหม่ น่าดึงดูด ในสไตล์ Retro กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น
หากการขายสินค้าโดยปกติดูไม่น่าดึงดูดใจเท่าที่ควร ลองเปลี่ยนวิธีขายโดยเน้นสร้างประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นเพื่อดึงดูดใจ (Adventure) กระตุ้นการรับรู้ของโสตประสาทให้ชวนน่าค้นหา เช่น การขายบรรยากาศภายในร้านที่ดูโบราณเก่าแก่สไตล์ Retro, แนวหรูหราเลอค่าสไตล์ Luxury, แนวร่วมสมัยสไตล์ Modern, แนววิถีคนเมืองสไตล์ Urban, แนวอยู่คู่กาลเวลาสไตล์ Classic เสริมคู่ไปกับการขายสินค้าหลัก ซึ่งไม่ว่าธุรกิจของคุณคืออะไร ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านหนังสือ ฯลฯ ก็สามารถตกแต่งร้านในสไตล์ต่างๆ ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว
ตัวอย่างร้านที่ใช้กลิ่นมาช่วยสร้างบรรยากาศเสริมคุณค่าทางอารมณ์ ในบรรยากาศที่น่าค้นหา
เริ่มจากตีโจทย์ว่าคุณขายสินค้าอะไรอยู่ แล้วจะสร้างประสบการณ์แปลกใหม่เพื่อส่งเสริมสินค้าด้วยอะไร เช่น การทำร้านอาหารที่นำบรรยากาศร้านมาเป็นจุดขายในธีมต่างๆ การขายเครื่องหอมโดยนำกลิ่นของสินค้ามาสร้างประสบการณ์ภายในร้านให้น่าค้นหา หรือการขายหนังสือที่นำบรรยากาศของ Learning Center มาปรับโฉมร้าน จะช่วยสร้างประสบการณ์อันน่าตื่นเต้นและสร้างโอกาสในการขายพิชิตใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี
ร้านขายหนังสือที่สร้าง Emotion : Adventure ให้อารมณ์แบบศูนย์เรียนรู้ขนาดใหญ่
| Emotion Surprise : สร้างความประหลาดใจ
นอกจากประสบการณ์ด้านการดูแลเอาใจใส่ (Caring) หรือสร้างความตื่นเต้นน่าค้นหา (Adventure) แล้ว ประสบการณ์อีกหนึ่งอย่างที่จะพิชิตใจลูกค้าได้อย่างอยู่หมัดคือประสบการณ์อันน่าประหลาดใจ (Surprise) หากการเข้ามาช้อปปิ้งได้สิ่งของหรือทานอาหารอิ่มกลับบ้านไปก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก แต่หากได้ชมเชฟมาสาธิตการทำอาหารอย่างคล่องแคล่วต่อหน้าโต๊ะ…
เมื่อกุ๊กทำเส้นบะหมี่สดอยู่ตรงหน้าพร้อมลีล่าอันคล่องแคล่ว จะน่าประหลาดใจมากเพียงใด
หรือได้เห็นพนักงานเสิร์ฟเต้นประกอบเพลงออกลีลาท่าทางอย่างสุดฤทธิ์ คงเป็นประสบการณ์ประหลาดใจอันแสนพิเศษ สร้างความสุขให้กับมื้ออาหารนั้นของลูกค้าได้ โดยคุณสามารถสร้างประสบการณ์ความประหลาดใจให้กับธุรกิจของตัวเอง เริ่มต้นจากลูกเล่นง่ายๆ ที่สามารถจัดขึ้นภายในร้าน เช่น สุ่มแจกของสมนาคุณให้กับโต๊ะที่ถูกสุ่มได้ อวยพรวันเกิดพร้อมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ ให้กับลูกค้าที่พบว่าเกิดวันนี้จากข้อมูลการลงทะเบียน หรือจัดการแสดงโชว์น่ารักๆ ภายในร้าน เป็นต้น หากตีโจทย์ได้แตกก็จะทำให้กิจการของคุณโดดเด่นเหนือกว่าใคร
พนักงานเสิร์ฟลุกขึ้นมาเต้นประกอบเพลงอย่างพร้อมเพรียงเพื่อสร้าง Emotion : Surprise
แม้ว่าการสร้าง Emotional Value นั้นจะต้องอาศัยการลงทุนและร่วมใจ อาจทำให้ต้นทุนบางส่วนเพิ่มขึ้น หรือต้องอาศัยการอบรมพนักงานให้ปฏิบัติได้อย่างดีทั้งกายและใจ แต่ประสบการณ์ทั้ง Caring, Adventure และ Surprise ที่คุณสร้างขึ้นนี้จะช่วยให้กิจการของคุณมีความแตกต่างจากร้านอื่นๆ และเป็นที่จดจำได้อย่างง่ายดาย สุดท้ายคุณค่าทางอารมณ์ที่คุณมอบให้กับลูกค้าจะสามารถพิชิตใจและส่งผลกลับคืนในรูปแบบของรายได้คืนทุนสู่ธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน
ที่มา : รูปภาพและข้อมูลบางส่วนจาก apple, trueplookpanya, glamthailand, b2s, themomentum, marketingoops
No votes yet.
Please wait...