ภูมิศาสตร์ คือ ลักษณะทางกายภาพของสิ่งตางๆ บนพื้นโลกเช่น ถนน แม่น้ำ ภูเขาอาคาร สถานที่ สิ่งก่อสร้างต่างๆ พื้นที่ป่าไม้พื้นที่เกษตรกรรม ระดับความสูงหรือความลึก เป็นต้น และสิ่งที่แสดงลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่คุ้นเคยกันดีก็คือการแสดงด้วยแผนที่(Map) ลักษณะภูมิศาสตร์ที่เป็นกายภาพดังกล่าว สามารถจัดเป็นหมวดหมู่ได้ 3 ลักษณะ คือ
1. ลักษณะที่เป็นจุด (points) เช่น ที่ตั้งของบ้านหรือหมูบ้าน วัด โรงเรียน สถานีรถไฟ สนามบิน สถานีอนามัยและที่ทําการหน่วยงานตำบลต่างๆ เป็นต้น
2. ลักษณะเป็นเส้น (lines ) เช่น ถนน เส้นแม่น้ำ หรือ ลำน้ำ เส้นทางบิน ทางรถไฟ แนวกันไฟ และ เส้นแสดงความสูงหรือความลึกเป็นค้น
3. ลักษณะที่เป็นพื้นที่รูปปิด (polygons)
- สารสนเทศ คือ ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผล ผ่านการวิเคราะห์หรือสรุปให้อยู่ในรูปที่มีความหมายสามารถนําไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งจะต่างจากคําว่าข้อมูล (Data) ที่หมายถึงข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในชีวิตประจําวันเกี่ยวกับบุคคล สิ่งของ หรือเหตุการณ์ต่างๆข้อมูลอาจเป็นตัวเลขหรือเอกสารพรรณนา เช่น รายงานจำนวนผู้โดยสารขาที่เข้า-ออกสนามบินหรือรายงานจำนวนเที่ยวบินที่ทำการขึ้น-ลง สนามบิน
System (S) : ระบบ
เนื่องจากข้อมูลมีความหลากหลายและเพิ่มจํานวนมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป จึงจําเป็นที่จะต้องนําเครื่องมือที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพมาใช้ในการจัดเก็บและเรียกข้อมูลเหล่านั้น ซึ่งในยุคของความต้องการสารสนเทศทางภูิษรรราสตร์ได้(geo-reference) โดยข้อมูลเหล่านี้จะแสดงอยู่ในรูปเชิงพื้นที่(non spatial data) ได้แก้ไขข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นๆ(associated attributes) โดยใช้บุคลากรที่มีความรู้เฉพาะทางต่างๆกัน
โดยสรุปแล้ว GIS จึงเป็นเครื่องมืออย่่างหนึ่งซึ่งประกอบไปด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมหรือชุดคําสั่งที่สั่งให้คอมพิวเตอร์ทํางานตามที่ต้องการโดยโปรแกรมทางด้านสารสนเทศภูมิศาสตร์ โดยใช้ข้อมูลเชิงพื้นที่(spatial data) คือข้อมูลที่ทราบตําแหน่งบนพื้นโลกสามารถอ้างอิงพิกัดทางภูมิศาสตร์ได้(geo-reference) โดยข้อมูลเหล่านี้จะแสดงอยูใน 3 ลักษณะคือจุด (point) เส้น(line) และพื้นที่รูปหลายเหลี่ยม (polygon) และข้อมูลที่ไม่อยู่ในรูปเชิงพื้นที่(non spatial data) ได้แก่ ข้อมูลที่เกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่นั้นๆ(associated attributes) โดยใช้บุคลากรที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์อันสามารถนํามาใช้ประโยชน์ในการค้นหาข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลข้อมูลที่สามารถอ้างกับพิกัดทางภูมิศาสตร์ได้GIS จะให้สารสนเทศที่ใช้สนับสนุนการทํางานและการตัดสินใจของผู้บริหารในขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกําหนดนโยบายการวางแผน ตลอดจนการนํานโยบายและแผนไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์
เนื่องจากการทำงานของ GIS เราสามารถเลือกพิจารณาเฉพาะชั้นข้อมูลที่เราสนใจได้ จึงมีการนำ GIS ไปใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมาย จึงขอยกตัวอย่างขอการประยุกต์ใช้ GIS ในการทำงานด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านคมนาคมขนส่งGIS สามารถใช้ในการเพิ่มประสิทธิผลทางด้านการคมนาคมขนส่ง เช่น การวางแผนเส้นทางการเดินรถประจำทาง การวางแผนการสร้างเส้นทางคมนาคม ทางรถไฟ ทางด่วน ทางเดินเรือและเส้นทางการบิน ฯลฯ ได้เป็นอย่างดี
- ด้านสาธารณูปโภคพื้นฐาน การจัดสาธารณูปโภคพื้นฐานไปยังพื้นที่ต่างๆ ตามความต้องการของประชาชนนั้น GIS ได้เข้ามามีบทบาทอันสำคัญในการวางแผนในการสร้างถนน การเดินสายไฟฟ้า ท่อประปา รวมถึงการวางแผนในการบำรุงรักษาสาธารณูปโภคพื้นฐานเหล่านี้
- ด้านการสาธารณสุข การประยุกต์ใช้ GIS ในการบริหารจัดการภาครัฐกับงานทางด้านสาธารณสุข มีใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เช่น การระบุตำแหน่งของผู้ป่วยโรคต่างๆ การวิเคราะห์การแพร่ของโรคระบาด หรือแนวโน้มการระบาดของโรค ซึ่งการประยุกต์ใช้ GIS จะช่วยให้ผู้บริหารสามมารถวางแผนในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทางด้านสาธารณสุขได้อย่างมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น
- ด้านการบังคับใช้กฎหมายและการป้องกันอาชญากรรม มีการใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น การกำหนดจุดเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมเพื่อตั้งป้อมตำรวจ การวิเคราะห์พื้นที่เสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรม โดยการบันทึกจุดที่เกิดอาชญากรรมไว้ แล้วนำมาวิเคราะห์หาพื้นที่เสี่ยง ซึ่งเจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายสมารถวางแผนให้ความสำคัญกับบางพื้นที่ที่ต้องทำการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมได้
- ด้านการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน การประยุกต์ใช้ GIS เพื่อช่วยในการวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน เป็นหนึ่งในกิจกรรมการประยุกต์ใช้ GIS ที่แพร่หลายที่สุด เพราะความสามารถในการวิเคราะห์ ประเมินผล ปละนำเสนอข้อมูลต่างๆในเชิงพื้นที่ที่จำเป็นต่อการวางผังเมือง และการจัดการเมืองสมารถกระทำได้อย่างสะดวก ทั้งการวิเคราะห์และประเมินศักยภาพในการใช้ประโยชน์ของแต่ละพื้นที่
- ด้านการจัดเก็บภาษี การประยุกต์ใช้ GIS เพื่อช่วยในการจัดเก็บภาษี โดยอาศัยข้อมูลแผนที่มาตราส่วนขนาดใหญ่ เช่น 1:1,000 ซึ่งสมารถมองเห็นขอบเขตของอาคาร เพื่อใช้ในการนำเข้าข้อมูลการชำระภาษีอากร ซึ่งภาครัฐสามารถทำการติดตาม ตรวจสอบผลการจัดเก็บภาษีได้โดยสะดวก เพราะ ข้อมูลของสถานประกอบการ บ้านเรือน ฯลฯ ที่ชำระค่าภาษีอากรต่างๆ แล้วจะสามารถแสดงให้เห็นความแตกต่างได้โดยเฉดสีบนแผนที่ ทำให้สามารถค้นหา หรือติดตามการชำระภาษีอากรได้สะดวก และทำให้การจัดเก็บภาษีมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ด้านสิ่งแวดล้อม การประยุกต์ใช้ GIS เพื่อทดลองสร้างแบบจำลองทางด้านสิ่งแวดล้อม มีใช้กันอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ เช่น การสร้างแบบจำลองสามมิติแสดงการถล่มของภูเขา ซึ่งการสร้างแบบจำลองใน GIS จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำความเข้าใจกับลักษณะของพื้นที่ได้โดยง่าย และเป็นการเพิ่มการรับรู้แบบเสมือนจริงในรูปแบบของแบบจำลองสมมิติ ซึ่งช่วยลดความผิดพลาดในการตั้งสมมติฐานเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างยิ่ง
- ด้านการจัดการภาวะฉุกเฉินและภัยพิบัติ สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดในการจัดการในสภาวะฉุกเฉิน คือ การรับรู้ข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องให้มากที่สุด เพื่อทำการตัดสินใจให้เร็วที่สุดผิดพลาดน้อยที่สุด และมีประสิทธิผลมากที่สุด GIS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลในเชิงพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงในเวลาอันรวดเร็ว รวมถึงรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจำเป็นต่อมาตรการในการป้องกันแก้ไข นอกจากนี้ยังใช้ GIS วิเคราะห์ถึงผลกระทบต่างๆที่อาจเกิดขึ้นอยู่ในรัศมีของการได้รับผลกระทบจากสารพิษ เป็นต้น รวมทั้งวิเคราะห์ทิศทางวางแผนอพยพผู้คน เส้นทางในการเคลื่อนย้าย การขนส่ง และเพื่อกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ในการป้องกัน การวางแผนการช่วยเหลือ ทำการวิเคราะห์หรือสร้างภาพจำลองของเหตุการณ์เพื่อหาสาเหตุได้ทันที่ ตามสภาพของข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา
เมื่อเห็นตัวอย่างของประโยชน์ของ GIS แล้ว ทีนี้ ชาว บพ. ก็ลองนึกดูซิครับว่า จะประยุกต์ใช้ GIS เพื่อช่วยให้การทำงานของเราง่ายขึ้นและสามารถนำมาช่วยให้งานนำเสนอของเราน่าสนใจได้อย่างไร
ปล. สิ่งที่สำคัญที่สุดก่อนที่จะใช้งาน GIS ได้คือ ข้อมูล ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสนามบินทั้งหมดจะอยู่ใน AIP Thailand การที่จะใช้ GIS ให้เกิดประโยชน์กับการทำงานด้านการบินสูงสุดคือการนำข้อมูลที่อยู่ใน AIP Thailand และตรวจสอบข้อมูลให้มีความถูกต้อง แล้วนำเข้าไปเป็นฐานข้อมูลเพื่อประยุกต์ใช้ประโยชน์ต่อไป