ในขณะที่โลกของเรามีเครื่องดนตรีอยู่หลายร้อยชนิด แต่มันสามารถแบ่งออกได้หลักๆ 5 ประเภท ได้แก่ เครื่องเป่า, เครื่องกระทบ, เครื่องสาย, เครื่องทองเหลือง และเครื่องไฟฟ้า แม้จะมีความหลากหลายของประเภท แต่เครื่องดนตรีแต่ละประเภทก็พัฒนาขึ้นในรูปแบบที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่กลองหนังสัตว์และขลุ่ยไม้ไผ่ เป็นเครื่องดนตรีที่มนุษย์ของเราสร้างขึ้นที่เป็นต้นแบบของดนตรีในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อการสื่อสาร การข่มขู่ศัตรู หรือการเลียนแบบเสียงสัตว์ นับว่าดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติมานับพันปีแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเครื่องดนตรีที่มนุษย์ใช้อย่างแรกคือร่างกายของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นเสียงกระทบจากการตบมือหรือเสียงร้องจากเสียงของพวกเขา ในเวลาต่อมาเครื่องดนตรีก็เริ่มถูกคิดค้นขึ้นตามความก้าวหน้าของอารธรรม แน่นอนว่ามีเครื่องดนตรีบางชนิดที่อยู่นอกประเภททั้ง 5 ยกตัวอย่างเช่น American Banjo สามารถใช้เป็นทั้งเครื่องสายก็ได้ หรือเครื่องกระทบก็ได้ หรือจะเป็นเสียงสังเคราะห์ที่ผลิตโดยคอมพิวเตอร์ สำหรับเครื่องดนตรีสากล 5 ประเภทมีอะไรกันบ้างลองดูได้จากด้านล่างนี้
เครื่องเป่า (Wind Instruments)
เป็นเครื่องดนตรีประเภทที่เก่าแก่มากที่สุด ใช้งานโดยอาศัยแรงลมที่เป่าเข้าไปในเครื่องตามจังหวะเพื่อสร้างเสียงที่ต้องการ เครื่องมือนี้สามารถทำงานได้ขึ้นอยู่กับหลักการของความถี่ คลื่นเสียง อะคูสติก เสียงสะท้อน และเสียงประสาน ระดับเสียงของเสียงที่สามารถผลิตออกมาได้ ขึ้นอยู่กับความยาวของเครื่อง เครื่องเป่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ ขลุ่ย, คลาริเน็ต, ชากุฮาจิ, ปี่, โอโบ, หีบเพลง, ฮอร์นอังกฤษ, ออร์แกน, แซกโซโฟน, เปียโน และปี่
เครื่องดนตรีทองเหลือง (Brass Instruments)
เครื่องมือเหล่านี้ทำงานคล้ายกับเครื่องมือลมที่มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย สามารถปรับระดับอากาศได้ผ่านกลไกลพิเศษที่เลื่อนเข้าออก หรือแบบกดวาล์ว หนึ่งในตัวอย่างมากมายของเครื่องดนตรีทองเหลืองคือ ทรัมเป็ต มันสามารถเล่นในแนวนอนโดยใช้กดชุดวาล์วที่อยู่ด้านบนของเครื่องดนตรี betflik บาคาร่า จากนั้นวาล์วจะเปิดปิดผ่านการกดตำแหน่งที่ต่างกัน เพื่อสร้างทำนองที่ต้องการ อีกตัวอย่างหนึ่งของเครื่องดนตรีทองเหลืองคือ ฮอร์นฝรั่งเศส มีลักษณะทรงกลมกะทัดรัด ปิดท้ายด้วยระฆัง หรือทรงกระบอกรูปกรวย จะมีชุดวาล์วที่ตั้งอยู่ตรงกลาง ส่วนเครื่องดนตรีประเภททองเหลืองอื่น ๆ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ทรอมโบน, ทูบา และแตรเดี่ยว
เครื่องกระทบ (Percussion Instruments)
เครื่องมือเหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยแรงกระแทกบนพื้นผิวของ เพื่อสร้างการสั่นสะเทือนให้ได้เสียงตามที่ต้องการ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ ‘เครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงแน่นอน’ ได้แก่ ระนาด กระดิ่งแบบท่อ และกลอง กับเครื่องดนตรีที่มีระดับเสียงไม่แน่นอน ยกตัวอย่างเช่น ฉิ่ง, ฉาบ, แทมโบรีน และฆ้อง
เครื่องสาย (String Instruments)
เครื่องดนตรีเหล่านี้ทำงานด้วยการสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงจากสายที่ขึงเอาไว้ ระดับเสียงที่สามารถผลิตได้โดยเครื่องมือเหล่านี้ขึ้นอยู่กับชนิดหรือความหนาของสายที่ใช้ หนึ่งในเครื่องสายที่ได้รับความนิยม ได้แก่ กีตาร์วิโอล่า ไวโอลิน เชลโล่ แมนโดลิน พิณ ดับเบิลเบส แบนโจ ฯลฯ
เครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Instruments)
เป็นเครื่องดนตรีสมัยใหม่ที่ผลิตโดยใช้เทคโนโลยีล่าสุด เครื่องชนิดนี้ทำให้เราสามารถเล่นดนตรีได้ง่าย ดังนั้นคุณจะไม่ต้องลำบากในการเรียนรู้พื้นฐานของการสร้างเสียงใดๆ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ คีย์บอร์ด เปียโน ซินธิไซเซอร์ กลองไฟฟ้า
ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องดนตรีสากล 5 ประเภท ที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเลือกเครื่องดนตรีให้เหมาะสม จะต้องรู้ว่าเพลงที่เล่นเป็นแนวไหน ถึงจึงค่อยมาเลือกเครื่องดนตรีที่เหมาะสม ถ้าเป็นไปได้ให้ลองไปเล่นเครื่องดนตรีอย่างละชนิดดูเพื่อหาความแตกต่าง หรือจะเปิดดูตัวอย่างได้ตามอินเตอร์เน็ต สิ่งนี้จะช่วยให้คนที่อยากเป็นนักดนตรีเข้าใกล้ความฝันของตัวเองมากขึ้น
ผู้สนับสนุนข้อมูลข่าวสารโดย เว็บแทงบอล ครบวงจรทันสมัยที่สุดในประเทศไทย มั่นคง ปลอดภัย เชื่อถือได้ มีเกมกีฬาให้เลือกเดิมพันมากกว่า 60 ชนิด เปิดคู่ให้เลือกเดิมพันมากมายทั้งลีกในประเทศและต่างประเทศทั่วโลก รองรับการให้งานทั้งบนมือถือสมาร์ทโฟน เครื่องPC โน๊ตบุ๊คหรือแท็บเล็ต ทุกระบบเพิ่มความสะดวกในการเข้าใช้งานไม่ต้องติดตั้งแอพพลิเคชั่นใดๆ ให้เสียเวลา เหมาะสำหรับท่านที่กำลังมองหาเว็บแทงบอลที่มีคุณภาพ พร้อมประสบการณ์ใหม่ในการแทงบอล ไว้วางใจทีมงานมืออาชีพที่จะคอยดูแลให้คำแนะนำท่านตลอด 24 ชั่วโมง สมัครสมาชิกวันนี้รับฟรีโบนัสสุดพิเศษทันที
เครื่องสาย (string instrument) เป็นการจัดประเภทของเครื่องดนตรีสากล โดยเครื่องดนตรีสากลประเภทเครื่องสายนี้ หมายถึง เครื่องดนตรีที่ทำให้เกิดเสียงโดยการสั่นสะเทือนของสายลวด เชือก เอ็น หรือไนลอน และมีตัวกำธรเสียง ทำหน้าที่ขยายเสียงให้ดังมากขึ้น คุณภาพของเสียงขึ้นอยู่กับรูปร่าง และวัตถุที่ใช้ทำ การสั่นสะเทือนของสายอาจทำได้โดยการสี หรือดีดโดยอาจกระทำโดยตรง หรือเพิ่มกลไกให้ยุ่งยากขึ้น เครื่องสายที่พบเห็นในปัจจุบัน นิยมใช้วิธีทำให้เกิดเสียงได้ 2 วิธี คือ วิธีสี และวิธีดีด
1.) ใช้คันสี
( 1.1 ) ไวโอลิน (Violin) เครื่องดนตรีที่ใช้เล่นท่วงทำนอง ประกอบด้วยสาย 4 สาย แต่ละสายเทียบเสียงห่างกันคู่ 5 เพอร์เฟค คือ เสียง G-D-A-E
( 2.1 ) ฮาร์พ (Harp) เป็นพิณโบราณขนาดใหญ่ มีประวัติเก่าแก่มาก มีสายขึงอยู่ทั้งหมด 47 สาย ช่วงเสียงกว้าง 6 Octaves ใช้บรรเลงในวงดนตรีประเภทออร์เคสตรา
เครื่องเป่าลมไม้ (Woodwind Instruments) เป็นการจัดประเภทเครื่องดนตรีสากล โดยเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าลมไม้นี้ แม้ตัวของเครื่องดนตรี อาจทำจากวัสดุต่างๆ มากมาย แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดเสียง คือ ลิ้น (Reed) ซึ่งทำมาจากไม้ จึงได้ชื่อว่า เครื่องเป่าลมไม้นั่นเอง เครื่องเป่าลมไม้แบ่งได้อย่างกว้าง ๆ เป็น 2 ประเภทคือ
1.) ประเภทเป่าลมเข้าไปในรูเป่า (Blowing into a tube)
( 1.1 ) ประเภทเป่าตรงปลาย
( 1.1.1 ) ขลุ่ยรีคอร์เดอร์ (Recorder) เป็นเครื่องเป่าดนตรีสากลจัดอยู่ในประเภทเครื่องเป่าลมไม้ชนิดไม่มีลิ้น เป็นเครื่องดนตรีที่มีขนาดเล็ก โครงสร้างที่ไม่ซับซ้อน
( 1.2.1 ) ฟลูต (Flute) เป็นเครื่องดนตรีที่เก่าแก่ที่สุดชนิดหนึ่งที่มีพัฒนาการมาจากมนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์ที่คิดใช้กระดูกสัตว์หรือเขาของสัตว์ที่เป็นท่อกลวงหรือไม่ก็ใช้ปล้องไม้ไผ่มาเจาะรูแล้วเป่า ให้เกิดเสียงต่าง ๆ วัตถุนั้นจึงเป็นต้นกำเนิดของเครื่องดนตรีประเภทขลุ่ย ฟลูตเป็นขลุ่ยเป่าด้านข้าง มีความยาว 26 นิ้วมีช่วงเสียงตั้งแต่ C กลางจนถึง C สูงขึ้นไปอีก 3 ออคเทฟ เสียงแจ่มใสจึงเหมาะสำหรับเป็นเครื่องดนตรีประเภทเล่นทำนองใช้เลียนเสียงนกเล็ก ๆ ได้ดีและเสียงต่ำของฟลูตจะให้เสียงที่ นุ่มนวล
( 2.1 ) ประเภทลิ้นเดี่ยว (Single reed)
( 2.1.1 ) คลาริเนต (Clarinet) เป็นเครื่องดนตรีที่รู้จักกันแพร่หลายกว่าเครื่องอื่น ๆ ในบรรดาเครื่องลมไม้ด้วยกัน คลาริเนตเป็นเครื่องดนตรีที่ใช้ได้ในวงดนตรีเกือบทุกประเภท และเป็นเครื่องดนตรีที่สำคัญในวงออร์เคสตรา วงโยธวาทิต และวงแจ๊ส
( 2.2.1 ) โอโบ (oboe) ที่ใช้ในปัจจุบันนี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 ใช้ในการแสดงโอเปร่าฝรั่งเศส เรียกว่า “Hautbois” หรือ “Hoboy” ในศตวรรษที่ 18 โอโบใช้เป็นเครื่องดนตรีหลักในวงออร์เคสตร้า เป็นเครื่องดนตรีเสียงสูงในกลุ่มเครื่องลมไม้ ซองในขณะนั้นมีรูปิดเปิดเพียง 2- 3 รูเท่านั้น ในศตวรรษที่ 19 โอโบได้พัฒนาในเรื่องระบบกลไก คีย์ กระเดื่อง สำหรับปิดเปิดรู เพื่อเปลี่ยนระดับเสียงให้เล่นสะดวกมากขึ้น จนในที่สุดโอโบ คือ เครื่องดนตรีหลักที่จะต้องมีใน วงออร์เคสต้า