ซื้อบ้าน ต้องจดทะเบียนการค้าหรือไม่? คำถามและปัญหาค้างคาใจคนขายของออฟไลน์ หรือแม่ค้าพ่อค้าที่เป็นเจ้าของกิจการขนาดเล็กอย่างมาก เพราะอาชีพเหล่านี้ย่อมไม่มีทะเบียนการค้า เหมือนอย่างบริษัทหรือห้างร้านทั่วไป ซึ่งหลายธนาคารมักกำหนดให้ “ทะเบียนการค้า” เป็นเอกสารยืนยันข้อเท็จจริงการทำอาชีพค้าขายแบบลายลักษณ์อักษรชิ้นสำคัญ และยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยช่วยให้อนุมัติสินเชื่อกู้บ้านได้ง่ายขึ้น เหตุนี้เมื่อแม่ค้าไม่มีทะเบียนการค้าความวิตกกังวลจะไม่ได้รับอนุมัติสินเชื่อย่อมเกิดขึ้นไปพร้อมๆ กับความค้างคาใจที่หาคำตอบไม่เจอ
ทะเบียนการค้า กระดาษใบสำคัญของอาชีพขายของ
ทะเบียนการค้ามีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าทะเบียนพาณิชย์ ความสำคัญของกระดาษใบนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แสดงความน่าเชื่อถือแก่ลูกค้า หรือเรียกง่ายๆ เป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ประกอบกับยังสามารถนำไปเป็นเอกสารชิ้นสำคัญในการทำธุรกรรมการเงินกับทางธนาคาร รวมไปถึงหลักฐานยื่นภาษีอีกด้วย เหตุนี้เจ้าของกิจการหลายรายจึงเลือกยอมสละเวลาไปสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง หรือฝ่ายการปกครองทุกแห่ง เพื่อจดทะเบียนการค้า
ใครบ้าง ควรจดทะเบียนการค้า
- เจ้าของกิจการคนเดียว
- ห้างหุ้นส่วนสามัญ
- นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศ ที่มาตั้งสำนักงานในประเทศไทย
- ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล ห้างหุ้นส่วนจำกัด
- บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด
ใครบ้าง ได้รับการยกเว้นไม่ต้องจดทะเบียนการค้า
- การค้าเร่ หรือแผงลอย
- ธุรกิจเพื่อการบำรุงศาสนาหรือเพื่อการกุศล
- ธุรกิจของนิติบุคคล ซึ่งมีพระราชบัญญัติหรือพระราชกฤษีกาจัดตั้งขึ้น
- ธุรกิจของหน่วยงานทางราชการ
- ธุรกิจของมูลนิธิ สมาคม สหกรณ์ ธุรกิจของกลุ่มเกษตรกร
ที่มา: กรมพัฒนาธุรกิจการค้า
อ่านเพิ่มเติม พ่อค้า แม่ค้า ก็กู้เงินซื้อบ้านได้ เพียงรู้จักวิธีเตรียมตัว
วิธีแก้ปัญหาไม่มีทะเบียนการค้า แต่แม่ค้าพ่อค้าอยากซื้อบ้าน
แม้แม่ค้าที่เปิดร้านแผงลอยจะได้รับการยกเว้นให้ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า แต่ในแง่ของการทำธุรกรรมการเงิน หลายธนาคารมักกำหนดให้ใบทะเบียนการค้าเป็นเอกสารสำคัญในการยื่นกู้ เหตุนี้แม่ค้า พ่อค้า ออฟไลน์จึงพยายามหาวิธีอื่นมาช่วยให้กู้สินเชื่อซื้อบ้าน ในกรณีที่ไม่มีทะเบียนการค้าได้ง่ายขึ้น ซึ่งมี 3 วิธีดังนี้
- เตรียมให้พร้อมเอกสารสั่งซื้อจากคู่ค้า ใบแจ้งหนี้ (Invoice) ใบเสร็จรับเงิน หรือใบอนุญาตประกอบกิจการ หลักฐานชิ้นสำคัญไม่แพ้ใบทะเบียนการค้า เครื่องมือยืนยันอาชีพของพ่อค้าแม่ค้าออฟไลน์
- ใช้บัญชีรายรับ เงินเข้า 6 เดือนติด เป็นหลักฐานยืนยืนความมั่นคงของอาชีพขายของออฟไลน์
- รูปถ่ายหน้าร้านและจำนวนสินค้าที่ขายได้ อีกหนึ่งข้อบ่งชี้ความสามารถชำระหนี้ของแม่ค้าพ่อค้าออฟไลน์
ที่มา: scbsme.scb.co.th
จากข้อมูลข้างต้น ทะเบียนการค้า เป็นเอกสารที่แม่ค้า พ่อค้าออฟไลน์ ไม่จำเป็นต้องแสวงหามายืนยันกับเจ้าหน้าที่ธนาคาร เพื่อให้กู้เงินซื้อบ้านได้ เพราะโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อ นั้นมีสูง แม้ว่าจะไม่มีทะเบียนการค้าก็ตาม หากเตรียมเอกสารจัดแจงรายได้ รวมถึงเตรียมเอกสารการกู้อย่างครบถ้วน
ขายของออฟไลน์ต้องการกู้เงินซื้อบ้าน แม้เตรียมเอกสารการกู้ จัดแจงรายได้แล้วแต่เกิดข้อสงสัยว่าจะสามารถขอสินเชื่อกู้เงินซื้อบ้านและได้วงเงินกู้เท่าไหร่ สามารถประมาณยอดเงินกู้ซื้อบ้านได้ผ่าน “เครื่องคำนวณเงินกู้” คลิก
รายได้จากร้านค้าทั้งส่วนที่ได้รับจากลูกค้าและส่วนที่ได้รับจากรัฐ รายได้ดังกล่าวถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) ถ้ามีรายได้ถึงเกณฑ์ที่จะต้องยื่นภาษีก็ต้องยื่นแบบนำภาษีเงินได้ ส่วนจะเสียภาษีหรือไม่นั้นต้องไปดูกันอีกครั้ง
หากมีรายได้ถึงเกณฑ์ต้องยื่นภาษี
- ยื่นภาษีครึ่งปีด้วยแบบ ภ.ง.ด.94 ยื่นภายในเดือนกันยายน และ
- ยื่นประจำปีด้วยแบบ ภ.ง.ด.90 ยื่นภายในเดือนมีนาคมปีถัดไป
เกณฑ์ที่ต้องเสียภาษี
- คนโสดมีรายได้เกิน 60,000 บาท ต่อปี
- คนมีคู่สมรส ไม่ว่าจะมีรายได้ฝ่ายเดียวหรือทั้งสองฝ่ายรวมกันเกิน 120,000 บาท
การหักค่าใช้จ่าย
- หักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง (ต้องมีเอกสาร หลักฐานค่าใช้จ่าย) หรือ
- หักเป็นการเหมาในอัตรา ร้อยละ 60
หักลดหย่อนได้ตามที่กฎหมายกำหนด
กำไรจากการทำธุรกิจ
บุคคลธรรมดาสามารถเลือกหักค่าใช้จ่ายได้ 2 แบบคือ
1.หักค่าใช้จ่ายตามอัตราเหมาค่าใช้จ่าย (สูงสุด 60%)
2.หักค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริง > คุณจะต้องมีการบันทึกรายการค่าใช้จ่ายและเก็บเอกสารประกอบการลงรายการให้สรรพากรตรวจ
เรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าต้องระวังก็คือ หากมีรายรับเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและเสียภาษีมูลค่าเพิ่มนำส่งให้กรมสรรพากร โดยต้องจัดทำรายงานภาษีขาย รายงานภาษีซื้อ เพื่อยื่นแบบ ภ.พ.30 นำ ส่งภาษีมูลค่าเพิ่มทุกเดือน และ ชำระเงินภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป
ประโยชน์ของการ จดทะเบียนการค้า ขายอาหาร ช่วยให้ทำธุรกรรมทางการเงินเกี่ยวกับร้านอาหารได้ง่ายมากขึ้น เช่น การกู้-ยืม การจ่ายภาษีอย่างถูกต้องป้องกันการโดนเรียกภาษีย้อนหลัง ทั้งยังเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวร้านสำหรับการ จดทะเบียนการค้า ขายอาหาร
ปัจจุบัน มี ร้านอาหาร ใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ขนาดเล็ก หรือขนาดใหญ่ ซึ่งปัญหาที่พบคือ ส่วนมากไม่มีการจดทะเบียนการค้า
หรือบางคนเลี่ยงที่จะจดทะเบียนการค้า ซึ่งในความเป็นจริง การจดทะเบียนการค้า สำคัญกับผู้ประกอบการร้านอาหารอย่างมากในบทความนี้ จะทำให้คุณเข้าใจและอยากจดทะเบียนการค้ากันมากขึ้น
เลือกหัวข้ออ่าน
ทำไมต้องจดทะเบียนการค้า
เมื่อคุณเริ่มมีธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจสถานบันเทิง ร้านอาหาร แม้ธุรกิจนั้นจะมีขนาดเล็ก แต่ถ้าเข้าข่ายที่กฎหมายกำหนดไว้ ก็จำเป็นที่จะต้องจดทะเบียนการค้าค่ะ
เพราะการจดทะเบียนการค้า จะทำให้รู้ว่า คุณมีการประกอบกิจการอย่างถูกต้องแล้วนะ มีข้อมูลร้านอาหารอยู่ในระบบจริง ๆ ซึ่งส่วนนี้ จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับร้านอาหารของคุณ
รวมถึงสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าของคุณอีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้น คุณยังสามารถนำทะเบียนการค้าใช้เป็นหลักฐานในการกู้ซื้อบ้านและรถได้
การจดทะเบียนการค้า แตกต่าง กับการจดทะเบียนบริษัท อย่างไร
การจดทะเบียนการค้า
การจดทะเบียนการค้า หรือการจดทะเบียนพาณิชย์ เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก และเป็นเจ้าของธุรกิจเพียงผู้เดียว ข้อดี คือ คุณทำสิ่งที่ถูกต้องตามที่กฎหมายไทยกำหนด
และคุณสามารถใช้เป็นเอกสารประกอบขอสินเชื่อได้ อีกทั้ง ยังส่งผลให้ร้านอาหารของคุณมีความน่าเชื่อถือ ลูกค้ามั่นใจ เลือกใช้บริการร้านคุณมากขึ้น
การจดทะเบียนบริษัท
การจดทะเบียนบริษัท เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดใหญ่ มีเจ้าของธุรกิจหรือผู้ลงทุน 3 คนขึ้นไป เมื่อมีการจดทะเบียนบริษัทแล้ว จะต้องจัดทำบัญชี, ยื่นประกันสังคมให้พนักงาน เป็นต้น
หมายเหตุ สำหรับเรื่องภาษีที่หลายคนสงสัยว่า ถ้าไม่จดทะเบียนการค้า ก็ไม่ต้องเสียภาษีใช่ไหม ความจริงคือ แม้คุณจดทะเบียนการค้า หรือไม่ได้จดทะเบียนการค้า แต่ถ้าคุณมีรายได้ตามเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ก็จำเป็นต้องเสียภาษีอยู่ดีค่ะ
ใครบ้างที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้า
ไม่ใช่ว่าทุกคนต้องจดทะเบียนการค้านะคะ ยังมีอีกหลายกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนการค้า ได้แก่
- พ่อค้าแม่ค้าแผงลอย หรือหาบเร่ เพราะว่ามีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หรือถ้ามีแผงที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ แต่ไม่มีความแน่นอน ก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนการค้าค่ะ
- ผู้ประกอบกิจการค้า เพื่อการบำรุงศาสนา และการกุศล
- กระทรวง ทบวง กรม
- มูลนิธิ สมาคม สหกรณ์
- กลุ่มเกษตรกรที่ได้จดทะเบียน
เอกสารที่ต้องเตรียม
- แบบ ทพ. (คำขอจดทะเบียนพาณิชย์)
- สำเนาบัตรประชาชน ควรดูวันหมดอายุด้วย
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- ภาพถ่ายร้านค้า (ต้องมีภาพถ่ายหน้าร้านด้วย สำคัญมาก)
- แผนที่ตั้งร้าน
- ค่าธรรมเนียม 50 บาท
หมายเหตุ เอกสารที่ต้องเตรียม ขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่ด้วย บางพื้นที่อาจจะมีการเรียกเอกสารเพิ่มเติม และสำหรับที่ตั้งร้าน ถ้าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของที่ตั้งร้าน
หรือ แค่เช่าสถานที่เปิดร้านอาหาร จำเป็นต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติม คือ หนังสือยินยอมใช้สถานที่ประกอบกิจการและสำเนาทะเบียนบ้านของเจ้าบ้านที่คุณไปขอใช้สถานที่
อีกกรณี ถ้าคุณไม่สามารถยื่นจดทะเบียนด้วยตนเองได้ จำเป็นต้องมีหนังสือมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ
ขั้นตอนการจดทะเบียนการค้า
- เข้าเว็บไซต์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือคลิก ในหมวด Hot Service เลือกดาวน์โหลดแบบฟอร์ม
- จากนั้น เลือก ทะเบียนพาณิชย์
- คลิกไฟล์ PDF แบบ ทพ. คำขอจดทะเบียนพาณิชย์ได้เลยค่ะ หรือคลิก
- กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน เตรียมเอกสารให้พร้อม และนำไปยื่นที่ฝ่ายปกครองตามเขตท้องที่ที่ร้านค้าของคุณตั้งอยู่ได้เลยค่ะ เจ้าหน้าที่จะใช้เวลาดำเนินการไม่นานค่ะ เพียงเท่านี้ ถือเป็นอันเสร็จ ร้านอาหารของคุณ ก็จะได้รับการขึ้นทะเบียนทันที
หมายเหตุ หากคุณมีรายได้จากการขายเกิน 1,800,000 บาท จำเป็นต้องจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย
READ 5 ความรู้เบื้องต้น สำหรับคนที่อยากเริ่มทำร้านอาหาร
สถานที่ยื่นจดทะเบียนการค้า
สำหรับในเขตกรุงเทพมหานคร สามารถยื่นจดทะเบียนการค้าได้ที่ ..
- สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง กรุงเทพมหานคร รับจดทะเบียนพาณิชยกิจของผู้ประกอบพาณิชยกิจ ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร
- ฝ่ายปกครอง สำนักงานเขตทุกแห่ง รับจดทะเบียนพาณิชยกิจของผู้ประกอบพาณิชยกิจ ที่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ตั้งอยู่ในท้องที่ของเขตนั้น
สำหรับภูมิภาคอื่น ๆ สามารถยื่นจดทะเบียนการค้าได้ที่ ..
- เทศบาล หรือ องค์การบริหารส่วนตำบล ที่กิจการตั้งอยู่
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการจะต้องไปจดทะเบียนภายใน 30 วัน นับตั้งแต่ประกอบกิจการ หากใครมีข้อสงสัย สามารถสอบถามได้ที่ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สำนักการคลัง โทร. 0-2224-1916, 0-2225-1945
ถ้าไม่จดทะเบียนการค้า จะเกิดอะไรขึ้น
หากมีธุรกิจของตนเอง และไม่ทำตามที่กฎหมายกำหนดจะมีความผิดต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท กรณีไม่จดทะเบียนต่อเนื่อง จะโดนปรับอีกวันละไม่เกิน 100 บาท จนกว่าจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย
การจดทะเบียนการค้า นอกจากจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการแล้ว ข้อเสียก็ยังน้อยมากอีกด้วย หากเพื่อน ๆ คนไหนที่มีธุรกิจเป็นของตนเอง
เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนด รีบมาจดทะเบียนการค้ากันนะคะ ส่วนใครมีข้อสงสัย หรืออยากแชร์ประสบการณ์ สามารถมาพูดคุยกับพวกเราได้เลยค่ะ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
- กลยุทธ์ร้านอาหาร, การจัดการร้านอาหาร, การตลาดร้านอาหาร, จดทะเบียนการค้า, ร้านอาหาร, วัตถุดิบอาหาร, เจ้าของร้านอาหาร