เส้นชั้นความสูง คือ เส้นสมมติที่ลากไปตามพื้นภูมิประเทศบนแผนที่ภูมิประเทศ ผ่านจุดที่มีระดับความสูงเดียวกัน ในแผนที่ภูมิประเทศ เส้นชั้นความสูงแสดงด้วยสีน้ำตาล และมีสีน้ำตาลเข้มในกรณีที่เป็นเส้นชั้น
ความสูงหลัก (Index contour) เส้นชั้นความสูงมีคุณสมบัติดังนี้
– เส้นชั้นความสูงทุกเส้นแสดงค่าระดับความสูงในแนวตั้ง
– เส้นชั้นความสูงทุกเส้นอยู่ในพื้นแนวนอนและระนาบเดียวกัน
– เส้นชั้นความสูงแสดงรูปแบบ และลักษณะภูมิประเทศ
– เส้นชั้นความสูงเป็นเส้นปิด คือ บรรจบตัวเองเป็นวงๆ ไป แต่ในแผนที่ระวางเดียวอาจไม่ปรากฏเส้นวงปิดที่สมบูรณ์ได้เมื่อนำแผนที่ระวางติดต่อมาต่อเข้าจึงบรรจบเป็นวงปิด
– เส้นชั้นความสูงแต่ละช่วงเส้นอาจจะมีระยะห่างต่างๆ กันไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะภูมิประเทศถ้าหากพื้นที่ลาดชันมากเส้นชั้นความสูงชิดกันมากกว่าภูมิประเทศที่มีความลาดชันน้อย
– เส้นชั้นความสูงโดยทั่วไปไม่ทับกัน ยกเว้นบริเวณที่เป็นหน้าผา
– เส้นชั้นความสูงมักหันด้านหยักแหลมไปยังด้านต้นน้ำ
– ทุกๆ ตำแหน่งบนเส้นชั้นความสูงเดียวกันมีค่าความสูงเท่ากัน
เนื่องจากภูมิประเทศบนพื้นผิวโลกมีลักษณะแตกต่างกันหลายแบบ บริเวณซึ่งเป็นที่สูงชันมีเส้นชั้นความสูงจำนวนมากอยู่ชิดกัน ทำให้ดูสับสนจำเป็นต้องหาวิธีให้ดูง่ายขึ้น โดยการกำหนดเส้นชั้นความสูงหลักขึ้นส่วนบริเวณซึ่งมีความลาดชันน้อยมีเส้นชั้นความสูงห่างกันมาก พื้นที่บางแห่งเป็นแอ่งจำเป็นต้องมีเส้นชั้นความสูงซึ่งมีลักษณะพิเศษออกไปเพื่อที่จะได้สังเกตเห็นได้ง่าย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้เส้นชั้นความสูงจึงมีหลายชนิด นักภูมิศาสตร์ได้กำหนดลักษณะและสัญลักษณ์ของเส้นชั้นความสูงออกเป็น 5 แบบ เพื่อให้ผู้ใช้แผนที่สามารถพิจารณาลักษณะภูมิประเทศได้โดยสะดวกและรวดเร็วดังต่อไปนี้ คือ
– เส้นชั้นความสูงหลัก (Index contour) เส้นชั้นความสูงชนิดนี้เป็นเส้นชั้นความสูงหลักบอกค่าระดับความสูงด้วยเลขลงตัว เช่น 100 200 และ 300 เป็นต้น และมีความหนาทึบใหญ่กว่าเส้นชั้นความสูงอื่นๆ จึงสังเกตได้ง่าย และปกติมีตัวเลขกำกับไว้
– เส้นชั้นความสูงแทรก (Supplemental contour) เส้นชั้นความสูงชนิดนี้เป็นเส้นชั้นความสูงแทรกอยู่ระหว่างเส้นชั้นความสูงรอง เพื่อแสดงความสูงเสริมเพราะบริเวณนั้นมีเส้นชั้นความสูงรองห่างกันมาก เส้นชั้นความสูงแทรกแสดงด้วยเส้นประ ในแผนที่ภูมิประเทศมาตราส่วน 1:50,000 กำหนดเส้นชั้นความสูงแทรกช่วงละ 10 เมตร ดังนั้นแต่ละเส้นชั้นความสูงจึงกำหนดตัวเลขของระดับความสูงไว้ที่เส้นดังตัวอย่างต่อไปนี้ 30 50 70 90 110 130 และ 150 เป็นต้น
– เส้นชั้นความสูงประมาณ (Approximate contour) เส้นชั้นความสูงชนิดนี้เป็นเส้นชั้นความสูงที่กำหนดขึ้นเองโดยประมาณ ทั้งนี้เพราะผู้ทำแผนที่ไม่ได้ข้อมูลระดับความสูงที่แท้จริงบริเวณดังกล่าว อาจเป็นเพราะรูปถ่ายทางอากาศซึ่งนำมาใช้เขียนแปลเป็นแผนที่ภูมิประเทศนั้นถูกเมฆบัง ดังนั้นในบริเวณดังกล่าวจึงใช้เส้นประเพื่อประมาณความสูงต่อจากเส้นชั้นความสูงหลัก หรือเส้นชั้นความสูงรอง
– เส้นชั้นความสูงของแอ่ง (Depression contour) เส้นชั้นความสูงชนิดนี้เป็นเส้นชั้นความสูงซึ่งต่ำกว่าบริเวณรอบๆ ของเส้นชั้นความสูงอื่นๆ เส้นชั้นความสูงชนิดนี้มีลักษณะพิเศษตรงที่มีขีดสั้นๆ ในแนวที่ตั้งได้ฉากกับเส้นชั้นความสูง ปลายของขีดหันไปทางด้านลาดลง
เส้นชั้นความสูงเป็นเส้นที่สมมุติที่จะลากผ่านพื้นผิวโลกที่มีระดับความสูงเท่ากัน โดยเส้นชั้นความสูงจะปรากฏทั่วไปในแผนที่ที่ต้องการแสดงภูมิประเทศ หรือเป็นชั้นข้อมูลหนึ่งในโปรแกรมระบบ GIS
การอ่านและแปลความหมายในแผนที่ภูมิประเทศ 1:50,000 ตอน 2 อ่านและแปลความจากเส้นชั้นความสูง (Contour)
เมื่ออ่านค่าพิกัด UTM ในตอนที่ 1 แล้ว ในตอน 2 เราจะอ่านค่าและแปลค่าความสูงจากเส้นชั้นความสูง (Contour) กัน
เส้นชั้นความสูงเป็นเส้นที่สมมุติที่จะลากผ่านพื้นผิวโลกที่มีระดับความสูงเท่ากัน โดยเส้นชั้นความสูงจะปรากฏทั่วไปในแผนที่ที่ต้องการแสดงภูมิประเทศ หรือเป็นชั้นข้อมูลหนึ่งในโปรแกรมระบบ GIS
เส้นชั้นความสูงหลัก (Index Contour) จะมีค่าความสูงกำกับ เช่น เส้นชั้นความสูงที่มีค่าความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 100 เมตร 200 เมตร 300 เมตร.... ส่วนเส้นชั้นความสูงที่อยู่ระหว่างเส้นชั้นความสูงหลักจะเป็นเส้นชั้นความสูงแทรก (Supplemental Contour) โดยปกติจะมีค่าความสูงเส้นละ 20 เมตร
หากเป็นเส้นที่เป็นเส้นประ จะเรียกว่าเส้นชั้นความสูงประมาณ (Approximate Contour) ซึ่งเกิดจากการประมาณค่าขึ้นเองโดยอาจจะเนื่องจากผู้ทำแผนที่ไม่มีค่าระดับความสูงในบริเวณพื้นที่นั้นๆ ขบวนการสร้างเส้นชั้นความสูงที่เกิดจากการใช้ค่าความสูงโดยรอบ หรือการทำ Interpolation จึงคลาดเคลื่อนสูงไม่ได้ค่าตามมาตรฐานที่กำหนด ในงานทำแผนที่จึงสร้างเส้นชั้นความสูงประมาณเป็นเส้นประ หากทำการ Interpolate ด้วยระบบ GIS ซึ่งผู้ใช้โปรแกรมไม่เข้าใจหลักของขบวนการสร้างเส้นชั้นความสูงแล้ว เส้นชั้นความสูงทุกเส้นจะไม่สามารถแยกได้ว่าเส้นใดควรเป็น ชั้นความสูงโดยประมาณ (Approximate Contour) การนำไปใช้ประโยชน์อาจจะไม่เหมาะสมได้ (จะอธิบายเมื่อมีโอกาสต่อไป)
หากเป็นเส้นที่เป็นเส้นขีดสั้นๆตั้งฉากเส้นชั้นความสูง จะเรียกว่าเส้นชั้นความสูงเป็นแอ่ง (Depression Contour) ซึ่งปลายของขีดสั้นๆ จะชี้ลงที่ต่ำ
การอ่านค่าจะอ่านตามค่าที่กำกับเส้นชั้นความสูง ซึ่งปกติจะกำกับที่เส้นชั้นความสูงหลัก โดยจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงเมื่ออ่านค่าที่เส้นชั้นความสูงแทรก
การแปลความหมายโดยการอ่านค่าและลักษณะของกลุ่มเส้นชั้นความสูงที่ปรากฏเด่นชัด คือ
- ยอดเขาหรือเนินเขา เป็นจุดสูงสุดจะเป็นเส้นชั้นความสูงที่มาบรรจบกันเล็กๆ และจะไม่ปรากฏเส้นชั้นความสูงใดซ้อนอยู่ภายในเส้นนั้นอีก
- จมูกเขา เป็นส่วนที่ยื่นออกจากจุดสูงสุดของเนินเขาลาดลงต่ำ ลักษณะเส้นชั้นความสูงจากเส้นที่มีค่ามากจะยื่นแหลมออกยังไปเส้นที่มีค่าน้อยหรือยื่นลงสู่ที่ต่ำ
- แนวสันเขา เป็นแนวที่ลากเชื่อมกันจากยอดเขาไปยังอีกยอดเขาหรือไปตามแนวจมูกเขาเชื่อมเข้าหายอดเขาที่ใกล้กันที่สุดสุดถึงยอดเขาสุดท้าย
- ร่องน้ำ เป็นแนวที่เป็นร่องที่น้ำสามารถไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำได้ ลักษณะเส้นชั้นความสูงจากเส้นที่มีค่าน้อยจะยื่นแหลมเขาหาเส้นที่มีค่ามากหรือขึ้นสู่ที่สูง
ตัวอย่างที่สามารถแสดงการอ่านและการแปลความได้ชัด คือ
ในการอ่านและแปลความเส้นชั้นความสูง ทำให้สามารถเข้าใจพื้นที่ บริหารจัดการพื้นที่ในภาพรวมได้อย่างเป็นระบบโดยเฉพาะการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อมทั้ง ดิน น้ำ และป่าไม้ ซึ่งการอ่านและแปลความเส้นชั้นความสูงทำให้มองเห็นสภาพทางกายภาพของลุ่มน้ำ ทั้งที่เป็นลุ่มน้ำขนาดใหญ่และลุ่มน้ำย่อยๆ ซึ่งคงจะได้กล่าวถึงในโอกาสต่อๆไป
อ่าน การอ่านและแปลความหมายในแผนที่ภูมิประเทศ 1:50,000 ตอน 3 ที่ //www.geo2gis.com/index.php/2016-01-29-05-50-20/255-profile-contour-2