กินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนไม่มา หรือประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือนว่ากำลังตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์นอกมดลูก หรืออาจเกิดจากผลข้างเคียงของการใช้ยา ดังนั้น หากกินยาคุมฉุกเฉินแล้วประจำเดือนมาช้ากว่าปกติ หรือมีเลือดออกทางช่องคลอดกระปริบกระปรอยนานกว่า 1 สัปดาห์ และมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงร่วมด้วย ควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดโดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม เราไม่แนะนำให้มีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีประจำเดือนไม่ว่ากรณีใด ๆ เพราะในช่วงวันนั้นของเดือนอวัยวะภายในของผู้หญิงจะค่อนข้างบอบบางมาก อีกทั้งการมีเพศสัมพันธ์ในระหว่างมีประจำเดือนยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติอีกด้วยนะคะ ฉะนั้นรอให้ประจำเดือนหมดก่อนแล้วค่อยมีเพศสัมพันธ์จะปลอดภัยกว่างานวิจัยด้านประชากรที่มหาวิทยาลัยปริ้นซ์ตัน สหรัฐอเมริกา ทำร่วมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอนามัยการเจริญพันธุ์ เมื่อปี 2560 โดยศึกษาเกี่ยวกับอาการข้างเคียง และการมาของประจำเดือนอีกครั้งภายหลังกินยาคุมฉุกเฉิน พบว่ามีคำตอบมีดังต่อไปนี้
แบบที่หนึ่ง กินยาคุมฉุกเฉินที่รวมเป็น 1 เม็ดครั้งเดียว (มียาลีโวนอร์เจสเตรล 1.5 มิลลิกรัม)
นับจากประจำเดือน
- กินในช่วง 3 สัปดาห์แรกหลังเป็นประจำเดือน พบว่า ประจำเดือนรอบต่อไปจะมาเร็วกว่าปกติ ยิ่งเร็วเท่าไหร่ประจำเดือนก็จะยิ่งมาเร็วขึ้น
- กินในสัปดาห์ที่ 4 ของรอบเดือน ประจำเดือนจะมาตรงตามปกติ แต่จำนวนวันจะมานานหลายวันมากกว่าเดิม แต่จะไม่มีผลต่อประจำเดือนรอบถัดไปอีกเดือนที่จะมาช่วงเวลาเดิมแต่จะมานานขึ้น
ทั้งนี้ อาจพบเลือดออกกะปริดกะปรอยระหว่างเดือนก่อนที่ประจำเดือนจะมาได้
นับจากการตกไข่
- กินก่อนหรือหลังตกไข่ภายใน 2 วัน ประจำเดือนมาตามปกติ
- กินก่อนตกไข่เกิน 2 วันโดยเฉลี่ยแล้วจะมีประจำเดือนมาเร็วกว่าเดิม 1วัน
- กินหลังตกไข่เกิน 2 วัน จะมีประจำเดือนล่าช้ากว่าปกติ 2 วัน มีผลทำให้รอบประจำเดือนถัดไปยาวนานขึ้น
- กิน 3 วันขึ้นไปก่อนการตกไข่ จะมีจำนวนวันของประจำเดือนเพิ่มขึ้นทั้งรอบนี้และรอบถัดไป
และพบว่า ผู้หญิงร้อยละ15 จะมีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอดก่อนมีประจำเดือน โดยมักจะพบในคนที่กินยาก่อนไข่ตก
แบบที่ 2 กินยาคุมฉุกเฉินแบบ 2 เม็ด กินเม็ดแรกให้เร็วที่สุด เม็ดที่สองห่างจากเม็ดแรก 12 ชั่วโมง (แต่ละเม็ดมียาลีโวนอร์เจสเตรล 0.75 มิลลิกรัม)
- กินช่วงก่อนไข่ตก จะทำให้ประจำเดือนมาเร็วขึ้น หรือ รอบประจำเดือนสั้นลง
- กินช่วงจะตกไข่หรือหลังตกไข่ ประจำเดือนจะมาปกติ และรอบถัดไปก็มาปกติเช่นกัน
สิ่งที่ลุงหมออยากเตือนสาวๆ คือหลายคนกินยาคุมฉุกเฉินบ่อยมาก เช่น 4 ครั้งต่อเดือน บางรายก็มากถึง 8 ครั้ง หรือที่ลุงหมอเคยพบมีถึง 15 ครั้งต่อเดือนก็มี แม้ว่าผลที่ตามมานั้นไม่มีอันตรายที่ต้องเป็นปัญหามาพบแพทย์ แต่จะทำให้เกิดปัญหาต่อระบบประจำเดือนที่จะมาในรูปแบบสับสน และมีเลือดออกกะปริดกะปรอย ทำให้เกิดความกังวล อีกทั้งต้องเสียเงินมากขึ้นเพื่อซื้อยากินหลายครั้ง ลุงหมอแนะนำนะครับ ถ้ายังงั้นกินยาคุมรายเดือนหรือใส่ห่วงอนามัยจะคุ้มกว่านะครับ เพราะประสิทธิภาพในป้องกันการตั้งครรภ์ได้แน่นอนกว่าครับ และถ้าให้ดี ใส่ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วยก็จะดีนะครับ
ลุงหมอเรืองกิตติ์ ♡
ลุงหมอขอเคลียร์ มาฟังลุงหมอตอบคำถามจากเว็บบอร์ด
เรื่องโดย นพ.เรืองกิตติ์ ศิริกาญจนกูล
ลุงหมอขอเคลียร์ ตอนแรก : //rsathai.org/contents/10235
ร่วมติดดาวให้เนื้อหาที่ท่านชื่นชอบ
คลิกที่ดาวเพื่อติดดาวให้เนื้อหานี้
จำนวนดาวเฉลี่ย 4.6 / 5. จากการติดดาวทั้งหมด 67
ยังไม่มีการติดดาวให้กับเนื้อหานี้... เป็นคนแรกติดดาวให้เนื้อหานี้
โฆษณา
- แท็ก
- คุมกำเนิด
- จะท้องมั้ย
- ประจำเดือน
- ยาคุมกำเนิด
- ยาคุมฉุกเฉิน
RSATHAI
คำนวณอายุครรภ์
ประจำเดือนครั้งล่าสุด
Please, Enter all values correctly.
อายุครรภ์ของคุณประมาณ
เรื่องราวอัพเดทใหม่
4.6 (200)
9 ข้อมูลสำคัญที่ต้องรู้หากเลือกยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย
4.5 (292)
เลือดล้างหน้าเด็กคืออะไร จะท้องไหม ตรวจตั้งครรภ์เมื่อไหร่ดี
Twitter #rsathai
RSATHAI Follow
ยุติการตั้งครรภ์ ทำแท้ง เป็นบริการสุขภาพเมื่อท้องไม่พร้อม ปรึกษาออนไลน์ //t.co/ewtgWlGT6J ยุติการตั้งครรภ์ //t.co/Iqw1gbh3dI
6 ม.ค.
อย.สหรัฐฯ อนุญาตให้ร้านขายยาทั่วประเทศจำหน่ายยาทำแท้งได้ หลังหลายรัฐออกกฎหมายต่อต้านการทำแท้งในคลินิก (//thestandard.co/fda-abortion-pills-can-be-sold-retail-pharmacies/)