หลาย ๆ คนที่เป็นสายฉีดหน้าคงมีข้อสงสัยว่า ดื้อBotox คืออะไร ทำไมถึงดื้อ Botox แล้วถ้าเกิดการดื้อbotox แล้วสามารถแก้ไขได้ไหม วันนี้ทางเรามีคำตอบให้ในทุกเรื่องที่สงสัยเลยค่ะ ดังนั้นสายโบ สายฉีด ควรรู้ไว้เป็นอย่างมาก จะได้เข้าใจการทำงานของBotox และการแก้ไขถ้าหากเกิดพบเจอปัญหา จะได้ไม่เก็บไปคิดมากหรือนอยด์กับตัวเองกันนะคะ
- การฉีด Botox ในแต่ละครั้งไม่ควรฉีดมากเกินไป ซึ่งในแต่ละบริเวณจะใช้จำนวนยูนิต ไม่เท่ากัน มากน้อยแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแพทย์เป็นผู้พิจารณา
- บางคนอาจจะคิดว่าเลือกคลินิกที่ราคาถูกไว้ก่อน จะได้กลับมาฉีดซ้ำได้บ่อย ๆ ไม่เปลืองสตางค์ แต่จริง ๆ แล้วการฉีด Botox ควรเว้นระยะเวลาในการฉีดอย่างน้อย 3-4 เดือน ถึงกลับมาฉีดซ้ำได้อีกครั้งหนึ่ง ไม่อย่างนั้นเจอปัญหาดื้อbotoxตามมาแน่นอน
- ของถูกและดีไม่มีในโลก ยิ่งกับวงการแพทย์และความงามแล้วด้วย เนื่องจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพดี ย่อมใช้เทคโนโลยีหรือต้นทุนในการผลิตที่สูงตามไปด้วย ดังนั้นเมื่อต้องฉีดสารอะไรเข้าสู่ร่างกายควรต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ไม่หลงเชื่อคำเชิญชวนหรือโปรโมชั่นที่มีราคาถูกมากจนเกินไป
- เลือกสถานพยาบาลที่สามารถฉีดโบท็อกให้คนไข้ได้อย่างมีมาตรฐาน กล่าวคือ สถานที่ต้องได้รับมาตรฐาน ใช้เครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองจากอย. แพทย์แต่ละท่านสามารถตรวจสอบเช็คประวัติได้จากเว็บไซต์ของแพทย์สภาหรือสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย
- เลือกตัวยาที่เหมาะกับสภาพร่างกายตัวเอง บางคนฉีดยี่ห้อนี้อาจจะไม่ค่อยเห็นผลมาก แต่อีกยี่ห้อจะเห็นผลกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะยี่ห้อไหน ควรเป็นยี่ห้อที่มีคุณภาพ ใช้ของแท้ เช็คข้อมูลได้
//www.facebook.com/dr.alexclinic
Tags: botox, การฉีดโบท็อกซ์, ฉีดโบท็อกซ์ที่ไหนดี, ฉีดโบท็อกซ์ราคา, ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม, โบท็อกซ์ที่ไหนดี. ลดโหนกแก้ม
เนื่องจากการออกฤทธิ์ที่มีระยะเวลาจำกัดของสารโบทูลินั่ม ในการลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ โดยเฉลี่ยคือ 4-6 เดือน จึงจำเป็นที่จะต้องรับบริการประมาณ 2-3 ครั้งต่อปีเป็นอย่างน้อย ดังนั้นหากมีการดื้อสารโบท็อกซ์ขึ้น คงจะทำให้ได้รับผลกระทบต่อผู้ที่ต้องใช้สารโบท็อกซ์ในการแก้ปัญหาได้นะคะ
อาการที่บ่งบอกว่าเกิดการดื้อโบทูลินั่มท็อกซิน
การลดริ้วรอยด้วยปริมาณสารโบทูลินั่มท็อกซินด้วยปริมาณเท่าเดิม แต่ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็น เช่น การลดริ้วรอยบริเวณหน้าผากด้วยปริมาณยาที่เท่าเดิมที่เคยลดริ้วรอยได้หมด แต่เมื่อมีการเติมรอบปัจจุบัน เติมปริมาณยาเท่าเดิมแล้ว ไม่สามารถลดริ้วรอยได้หมดเหมือนครั้งก่อนหน้านี้
การลดริ้วรอยด้วยสารโบทูลินั่มท็อกซิน ซึ่งมีริ้วรอยเหมือนเดิม แต่ต้องใช้ปริมาณยามากขึ้นกว่าเดิมจึงจะได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
การลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าด้วยสารโบทูลินั่มท็อกซินด้วยปริมาณยาเท่าเดิม แต่ไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหลังการรักษาเลย
สาเหตุที่ทำให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์
สาเหตุที่ทำให้เกิดอาการดื้อโบนั้น หลักๆ เกิดจากการที่ร่างกายของเราสร้างภูมิต้านทาน หรือ แอนติบอดี้ (antibody) ขึ้นมาต่อต้านโปรตีนที่เกาะอยู่กับสารโบทูลินั่มท็อกซิน (Complexing protein) ทำให้สารโบท็อกซ์ของเราไม่สามารถออกฤทธิ์ไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อที่ช่วยลดริ้วรอย หรือลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณที่เราต้องการได้
โดยสามารถแยกปัจจัยในการดื้อโบท็อกซ์ได้ประมาณ 3 ปัจจัยค่ะ
ปัจจัยที่ 1 คือ ตัวคนไข้หรือผู้รับบริการเอง พบว่าพันธุกรรมของผู้รับบริการบางรายนั้น ร่างกายจะต่อต้านสารโบทูลินั่มท็อกซินขึ้นมาเอง ซึ่งปัจจัยนี้เกิดขึ้นเฉพาะบุคคลและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
ปัจจัยที่ 2 คือ ผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้ โดยสัมพันธ์กับคุณสมบัติของขนาดโมเลกุลของโปรตีนที่ล้อมรอบสารโบทูลินั่มท็อกซิน หรือ คอมเพล็กซิ่งโปรตีน (Complexing protein) หากโปรตีนดังกล่าวมีขนาดที่ใหญ่ ก็มีโอกาสที่จะกระตุ้นให้เกิด Antibody ต่อสารโบทูลินั่มท็อกซินได้มากขึ้น
ปัจจัยที่ 3 คือ พฤติกรรมการฉีด พบว่า ความถี่ในการรับบริการ และปริมาณของสารโบทูลินั่มท็อกซินที่ได้รับในแต่ละครั้งนั้น มีความสัมพันธ์กับการดื้อ เช่น ผู้ที่ได้รับสารโบทูลินั่มท็อกซินซ้ำบ่อยๆ เกินปีละ 2 ครั้ง และได้รับปริมาณยาที่สูงกว่า 100 ยูนิต ต่อครั้ง นั้นอาจก่อให้เกิดการดื้อโบท็อกซ์ได้มากขึ้น
ทำอย่างไรเพื่อป้องกันการเกิดการดื้อโบท็อกซ์
1. ควรรับบริการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้าหรือลดริ้วรอยด้วยสารโบทูลินั่มท็อกซินเท่านั้น เนื่องจากแพทย์จะวิเคราะห์ปัญหาและปริมาณยาที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการ
2. ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรเลือกชนิดที่มีขนาดโมเลกุลเล็กและบริสุทธิ์สูง และที่สำคัญต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานประสิทธิภาพและความปลอดภัย จาก อ.ย.ไทย และต่างประเทศ หลีกเลี่ยงการใช้ยาปลอมหรือไม่ผ่านมาตรฐาน อ.ย. นะคะ เพราะไม่สามารถมั่นใจได้ว่า ส่วนผสมในขวดนั้นมีสารโบทูลินั่มท็อกซินปริมาณเท่าไร และไม่สามารถมั่นใจความบริสุทธิ์ของท็อกซินในขวดได้ค่ะ ยิ่งถ้ามีสารแปลกปลอมก็จะยิ่งทำให้โอกาสการดื้อโบทูลินั่มท็อกซินเกิดได้เร็วขึ้นนะคะ ดังนั้นก่อนการตัดสินใจฉีด ควรมั่นใจในผู้ฉีด สถานที่ ที่มาของผลิตภัณฑ์ และสามารถตรวจสอบเลขผลิตภัณฑ์ได้ด้วยนะคะ
3. ควรรับบริการแต่พอดี ไม่ควรเกินปีละ 3 ครั้ง และในแต่ละครั้งไม่ควรเกินครั้งละ 100 ยูนิต เพราะการฉีดบ่อยเกินไป หรือได้รับปริมาณยามากเกินไปจะทำให้เกิดโอกาสการดื้อโบมากขึ้นค่ะ
สำหรับท่านที่เคยรับบริการลดริ้วรอยหรือปรับรูปหน้าด้วยโบท็อกซ์แล้ว คงไม่มีใครอยากให้เกิดอาการดื้อใช่ไหมคะ ดังนั้นการเลือกสถานที่ ผลิตภัณฑ์ทีเลือกใช้ รวมถึงแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็เป็นสิ่งจำเป็นค่ะ แต่ถ้าใครเกิดอาการดื้อแล้ว หมอแนะนำว่าควรหยุดรับบริการฉีดโบท็อกซ์อย่างน้อย 1 ปีนะคะ เพื่อให้ปริมาณแอนติบอดี้ในร่างกายลดลง แล้วจึงเริ่มการรักษาใหม่ได้ค่ะ