January 21, 2018 14:20
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
ผลจากยาคุมอาจทำให้เลือดออกผิดปกติได้ค่ะ วิธีการแก้ไขคืออาจต้องเปลี่ยนเป็นยาคุมที่มีปริมาณฮอร์โมนเหมาะสมกับตัวเองค่ะ โดยอาจปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาได้เลยค่ะ อาจทานให้หมดแผงนี้ไปก่อนแล้วต่อแผงใหม่ยี่ห้อใหม่ที่เหมาะสมค่ะ ระหว่างนี้สามารถมีเพสสัมพันธ์ได้ปกติยาคุมจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์แล้วค่ะ แต่ระหว่างมีเลือดออกควรป้องกันโรคติดเชื้ออื่นๆไปด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
กด
January 21, 2018 14:26
คิดว่าจะไม่ทานยาคุมแล้วค่ะ ต้องกินให้หมดแผงนี้ไปก่อนใช่มั้ยคะ ถึงหยุด แล้วตอนนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์คือมีได้แต่ต้องใส่ถุงยางอนามัยป้องกันโรคติดเชื้อใช่มั้ยคะ ถ้ามีเลือดซึมแบบนี้ มีเพศสัมพันธ์จะไม่เป็นอะไรจริงๆหรอคะ คือกลัวว่าจะอันตรายค่า ขอคำปรึกษาหน่อยนะคะ
January 21, 2018 14:48
ตอบโดย
ปวริศ ยืนยง (นพ.)
สวัสดีครับ สามารถหยุดกินได้เลยครับ และควรใส่ถุงยางทุกครั้งครับ เพื่อคุมกำเนิด ครับไม่เป็นอันตรายครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 0 บาท ลดสูงสุด 25650 บาทจองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
กด
January 21, 2018 14:52
ขอบคุณสำหรับคำตอบค่ะคุณหมอ สบายใจแล้วค่า
October 19, 2018 11:22
ถ้าหยุดกินแร้วเลือดยังออกอยู่ละคะ หยุดกินได้2-3วันแร้วค่ะ ไม่หมดแผง แต่ยังมีเลือดอยุ่ผิดปกติมั้ยคะ
แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 504 บาท ลดสูงสุด 969 บาทจองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
กด
December 05, 2018 19:24
กินยาคุม ได้2เเถว เเต่ทำไมมีเลือดออกมาเเบบประจำเดือน.
เเล้วก้อกระปริดกระปรอย.
เเบบนี้จะเป็นไรไหมค่ะ
March 11, 2019 20:30
กินยาคุมกำเนิดชนิดให้นมบุตรเริ่มกินแผงแรกกิถึงเม็ดที่5แล้วมีเลือดออกกะปริบกะปรอยเกิดจากสาเหตุอะไรค่ะ
แนบรูป
คำตอบ
คำถามข้อที่ 1 มีผู้ที่เคยถามไว้แล้ว สามารถดูคำตอบได้ที่ //pharmacy.mahidol.ac.th/dic/qa_full.php?id=3659 คำถามข้อที่ 2 และ 3 นั้น การมีเลือดไหลจากช่องคลอดกระปริบกระปรอย เป็นอาการข้างเคียงหนึ่งที่มีโอกาสเกิดได้จากการทานยาคุมกำเนิด ตามปกติจะหายเองใน 1-2 วัน อาการข้างเคียงนี้มักไม่ก่อให้เกิดอันตราย โดยเป็นผลจากความไม่สมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งจะสามารถกลับสู่ปกติเองได้ แต่ถ้ามีเลือดออกจากช่องคลอดมากผิดปกติ รวมไปถึงมีอาการปวดบริเวณท้องน้อยอย่างรุนแรงหลังจากทานยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน อาจเป็นอาการของการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้ ซึ่งเป็นความผิดปกติที่ค่อนข้างอันตราย ดังนั้นจึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด ควรใช้เฉพาะในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น นอกจากจะมีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงแล้ว ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดยังต่ำกว่าการใช้ยาคุมกำเนิดแบบปกติอีกด้วย Key words: emergency contraceptive, oral contraceptive pill, breakthrough bleeding, spotting, side effect, ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน, ยาคุมกำเนิด, เลือดออกกระปริบประปรอย, อาการข้างเคียง
Reference:
Schrager S. Abnormal Uterine Bleeding Associated with Hormonal Contraception. Am Fam Physician 2002 May 15;65(10):2073-2081.
Keywords:
-
คำตอบ
ปริมาณเอสโตรเจนที่ร่างกายผลิตจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคลและช่วงเวลาของการมีประจำเดือน ยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมออกฤทธิ์โดยการทำให้เกิด negative feedback ซึ่งมีผลยับยั้งการหลั่ง GnRH จาก hypothalamus และยับยั้งการหลั่ง FSH และ LH จากต่อม pituitary ส่งผลให้เกิดการยับยั้งการตกไข่ในที่สุด ปริมาณฮอร์โมนในยาคุมกำเนิดนี้จะมีมากเพียงพอในการทำให้เกิด negative feedback อย่างต่อเนื่อง ยาคุมกำเนิดที่ผลิตออกมาในช่วงแรกจะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ค่อนข้างสูงซึ่งก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้มาก เช่น คลื่นไส้ อาเจียน เลือดประจำเดือนมามาก เป็นต้น ดังนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงสูตรโดยพยายามลดปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนลงเพื่อลดผลข้างเคียงข้างต้น ซึ่งก็พบว่าได้ผลดี แต่ในขณะเดียวกันกลับพบการเกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอยซึ่งเป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนต่ำเกินไปได้ในผู้หญิงบางราย ภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย (spotting) สามารถเกิดขึ้นได้จากการรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (Combined oral contraceptives; COCs) ซึ่งข้อมูลจากการศึกษาระบุว่า การเกิดเลือดออกสามารถเกิดขึ้นได้ใน 30% ของผู้หญิงที่เริ่มรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (และเหลือน้อยกว่า 10% หลังจากรับประทานไปแล้ว 3 เดือน) หรือหลังจากรับประทานไปแล้วหลายเดือน การแก้ปัญหาจะต้องหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเลือดออกก่อน และแก้ที่สาเหตุนั้นๆ สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะเลือดออกกะปริบกะปรอย เช่น - การรับประทานฮอร์โมนไม่ถูกวิธี เช่น ลืมรับประทาน หรือรับประทานฮอร์โมนในเวลาที่ต่างกันในแต่ละวัน เป็นผลให้ระดับฮอร์โมนผิดปกติส่งผลให้เกิดเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ ดังนั้นการแก้ไข คือ พยายามรับประทานฮอร์โมนในเวลาเดียวกันของทุกวันและไม่ลืมที่จะรับประทานฮอร์โมน - ปริมาณและชนิดของฮอร์โมน จากการศึกษาพบว่าปริมาณของฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลต่อการเกิดเลือดออกได้ โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนต่ำ (ethinyl estradiol 20 microgram ต่อเม็ด) ซึ่งพบการเกิดเลือดออกได้บ่อยกว่าการรับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณ ethinyl estradiol สูงกว่า (30-35 microgram ต่อเม็ด) - ความผิดปกติของเยื่อบุมดลูกหรือมดลูก ในกรณีนี้จำเป็นต้องได้รับการตรวจรักษาเพิ่มเติมจากแพทย์ การจัดการปัญหาเรื่องการเกิดเลือดออกกะปริบกะปรอยนั้น หากเกิดตั้งแต่การใช้ยาแผงแรก และอาการไม่รุนแรง ควรเฝ้าระวังอาการไปก่อน เนื่องจากปัญหาอาจดีขึ้นได้เองเมื่อรับประทานไปประมาณ 3 เดือนดังข้อมูลที่ระบุไว้ข้างต้น และในระหว่างที่รอดูผล จำเป็นที่จะต้องสำรวจและปรับเปลี่ยนวิธีการรับประทานยาคุมกำเนิดให้ถูกต้อง หลังจากนั้นหากยังมีอาการอยู่ อาจเปลี่ยนมารับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณของเอสโตรเจนเพิ่มขึ้น ยกเว้นในกรณีที่อาการเลือดออกมีความรุนแรงมากขึ้นหรือผิดปกติไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด ควรเข้ารับการตรวจหาความผิดปกติของมดลูก-ผนังมดลูก ต่อไป ในกรณีที่เปลี่ยนมารับประทานยาคุมกำเนิดชนิดที่มีปริมาณของเอสโตรเจนสูงขึ้นแล้วอาการเลือดออกยังไม่ดีขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมต่อไปครับ อย่างไรก็ดีก่อนการรับประทานฮอร์โมนชนิดใหม่ ควรตรวจสอบการตั้งครรภ์เพื่อให้แน่ใจก่อน ในกรณีที่มีการตั้งครรภ์เกิดขึ้นควรหยุดรับประทานยาคุมกำเนิดทันที
Reference:
1. Edelman A,
Kaneshiro B. Management of unscheduled bleeding in women using contraception. [Online]. 2009 Nov 15. Available from: UpToDate Online 17.3;2010.[cited 2010 Jan 12].
2. Odell WD, Molitch ME. The pharmacology of contraceptive agents. Annu Rev Pharmacol 1974;14:413-34.
Keywords:
-