แต่เมื่อมองย้อนที่ผลประกอบการจริง พบว่า Spotify มีรายได้เพิ่มขึ้น 3,036 ล้านยูโร ซึ่งเพิ่มขึ้น 21% แม้จะรายได้สูงและเพิ่มขึ้น แต่ Spotify ก็ยังขาดทุนกว่า 166 ล้านยูโร (6,133,040,747 บาท)
เปรียบเทียบราคาแอปฯสตรีมมิงเพลง เจ้าไหน? คุ้มสุด
Spotify ราคา 129 บาทต่อเดือน คุณภาพเสียงสูงสุด 320 kbit/s
Apple Music ราคา 129 บาทต่อเดือน คุณภาพเสียงสูงสุด Lossless - Dolby Atmos
YouTube Music ราคา 169 บาทต่อเดือน คุณภาพเสียงสูงสุด 256 kbps AAC
การเลือกแอปฯส่วนใหญ่เกิดจากความชื่นชอบและความสะดวกของผู้ใช้ ดังนั้นหลายบริษัทจึงไม่ได้ลดราคาลงเพื่อแข่งขัน แต่จะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆขึ้นมาบริการลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆ
แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้ YouTube ได้เร่งทำ YouTube Shorts เพื่อต่อสู้กับคู่แข่งอื่นๆ อย่าง Spoitfy และ Apple Music แต่เรายังคงต้องติดตามกันต่อไปว่าสงครามแพลตฟอร์มสตรีมมิงเพลงครั้งนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในด้านไหน แต่ด้วการแข่งขันด้วยเทคโนโลยีแบบนี้ จะทำให้ผู้ใช้ได้ใช้แอปฯฟังเพลงต่างๆได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
เปรียบเทียบบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งระหว่าง Apple Music กับ Spotify เลือกฟังเพลงบริการไหนดีกว่ากัน
ในยุคนี้ไม่ว่าใครก็คงจะหันมาฟังเพลงแบบสตรีมมิ่งกันหมด เพราะทั้งสะดวกและสามารถฟังเพลงได้ไม่จำกัด ไม่จำเป็นต้องเสียเงินซื้อเป็นรายเพลง โดยบริการฟังเพลงสตรีมมิ่งที่กำลังได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้ก็คงจะไม่ใช่อื่นใดนอกจาก Apple Music และ Spotify ซึ่งแต่ละบริการก็มีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกันออกไป วันนี้เราก็เลยนำทั้งสองบริการมาเปรียบเทียบกันให้ดู สำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะใช้บริการไหนดีจะได้ตัดสินใจกันได้ง่ายขึ้น
1. ฐานข้อมูลเพลง
Apple Music มีเพลงให้ฟังมากกว่า 45 ล้านเพลง ซึ่งมากกว่า Spotify ที่มีเพลงมากกว่า 35 ล้านเพลง นอกจากนี้ Apple Music ยังสามารถฟังเพลงจาก iTunes ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพลงที่เคยซื้อเอาไว้หรือเพลงจากในเครื่อง ซึ่งทั้งหมดสามารถ Sync กับ iCloud เพื่อฟังบนทุกอุปกรณ์ได้ ส่วน Spotify นั้นก็สามารถฟังเพลงในเครื่องได้ แต่จะสามารถฟังได้เฉพาะบนอุปกรณ์ที่เก็บเพลงนั้นไว้ในเครื่องเท่านั้น ไม่สามารถ Sync ไปฟังบนอุปกรณ์อื่น ๆ ได้
2. การหาเพลงฟัง
3. ฟีเจอร์ด้านโซเชียล
Apple Music นั้นมีฟีเจอร์โซเชียลให้ผู้ฟังสามารถติดตามศิลปินที่ชื่นชอบได้ โดยศิลปินจะโพสต์อัปเดตผลงานต่าง ๆ ให้แฟน ๆ ได้ชมพร้อมสามารถกดไลก์ คอมเมนต์ หรือแชร์ไปบนโซเชียลอื่น ๆ อย่าง Facebook ได้ แต่สำหรับ Spotify นั้นจะเป็นโซเชียลในอีกแนวหนึ่งคือให้เพื่อนติดตามเพื่อนได้ โดยแอปฯ Spotify บนเดสก์ท็อปจะสามารถดูได้ว่าเพื่อน ๆ เรากำลังฟังเพลงอะไรอยู่แบบเรียลไทม์ และสามารถแชร์เพลงไปบนโซเชียลอื่น ๆ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ได้
4. ความสะดวกในการใช้งาน
ทั้ง Apple Music และ Spotify ต่างก็มีแอปฯ ให้สามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์หลากหลาย ทั้งบน iOS, Android, Windows, Mac รวมทั้งสามารถฟังเพลงบนเว็บไซต์ได้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถสตรีมเพลงไปยังลำโพงไร้สายต่าง ๆ ได้อีกด้วยเช่นกัน แต่ Spotify จะรองรับอุปกรณ์หลากหลายกว่าหน่อย เช่น บนเครื่องเกม PlayStation 4 และ Xbox One สามารถเปิดเพลงจาก Spotify ฟังขณะเล่นเกมได้
5. คุณภาพเสียง
6. ค่าบริการ
ทั้ง Apple Music และ Spotify มีค่าบริการรายเดือนแบบพรีเมียมอยู่ที่ 129 บาทเท่ากัน แต่ Spotify อนุญาตให้ผู้ใช้สามารถฟังเพลงฟรีได้โดยไม่ต้องเสียค่าบริการใด ๆ แต่จะมีข้อจำกัดอย่างเลือกเปลี่ยนเพลงได้จำกัดครั้ง ไม่สามารถเลือกเพลงแบบอิสระได้ และมีโฆษณาคั่น ส่วน Apple Music นั้นแบบฟรีจะฟังได้เฉพาะสถานีวิทยุ Beats1 Radio ไม่สามารถเลือกเพลงฟังฟรีได้เลย
ภาพและข้อมูลจาก digitaltrends, cnet, Apple Music, Spotify