หลายคนอาจจะเคยใช้มาสก์รูปแบบต่าง ๆ มาก่อน ซึ่งมาสก์ก็มีด้วยกันหลายประเภทเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นแบบแผ่นมาสก์แปะลงบนหน้า แบบครีม แบบโคลน มาสก์แล้วล้างออก หรือจะเป็นมาสก์ข้ามคืนแบบไม่ต้องล้างออก ซึ่งแต่ละประเภทนั้นก็มีวิธีใช้แตกต่างกันออกไป วันนี้จะพามารู้จักกับมาสก์แบบต่าง ๆ พร้อมเทคนิควิธีการมาสก์หน้าอย่างไรให้ถูกวิธีกันค่ะ
การมาสก์หน้าคืออะไร
การมาสก์หน้าคือการนำเซรั่มหรือสารบำรุงสูตรเข้มข้น มาเคลือบไว้บนผิวหน้า เพื่อบำรุงผิวอย่างล้ำลึก กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดเลือนรอยดำ รอยแดง รอยสิว ซึ่งการมาสก์หน้านี้เป็นการดูแลผิวแบบเร่งด่วนและรวดเร็ว ตัวมาสก์มีความเข้มข้นของสารอาหารต่าง ๆ มากกว่าครีมธรรมดาหลายเท่า ดังนั้นเราควรอ่านฉลากและศึกษาส่วนผสมให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อ
Sheet Mask
มาสก์ชนิดนี้เป็นแบบแผ่นชีท ทำมาให้เป็นรูปใบหน้า เว้นช่วงรอบดวงตาและรอบริมฝีปาก ในแผ่นมาสก์จะมีเอสเซนส์หรือเซรั่มเข้มข้น ซึ่งการใช้มาสก์ชีทนั้นจะเหมือนการมาสก์ผิวด้วยเอสเซนส์ในปริมาณมาก ๆ ในส่วนของมาสก์ชีทจะสามารถใช้ได้ง่าย พกพาสะดวก และรวดเร็ว วิธีใช้ คือ วางแผ่นมาสก์ลงบนใบหน้า โดยเว้นผิวหนังช่วงดวงตาและริมฝีปาก ถ้าจะให้เห็นผลยิ่งขึ้นควรล้างหน้าด้วยการสครับผิวอ่อน ๆ เพื่อให้เนื้อเอสเซนส์ซึมเข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น
ทิปการใช้ :
- มาสก์ 15 - 20 นาที และไม่ควรมาสก์ทิ้งไว้ข้ามคืนหรือจนแห้ง เพราะจะทำให้หน้าแห้งได้
- วิธีการกระตุ้นผิวที่อ่อนล้าอย่างเร่งด่วน ให้นำมาสก์แช่ตู้เย็นก่อนนำมาใช้ จะช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ผิวยิ่งขึ้น
Sleeping Mask
Sleeping Mask ถูกออกแบบมาให้เหมือนครีมบำรุงหน้าตอนกลางคืน ซึ่งหลังจากเราทาตัวมาสก์ลงบนผิวหน้าแล้วจะมีฟิล์มบาง ๆ เคลือบผิวหน้าไว้ ช่วยไม่ให้น้ำระเหยออกจากใบหน้า และเพิ่มการดูดซึมสารบำรุงต่าง ๆ เข้าสู่ผิวได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งมาสก์ชนิดนี้จะให้ความเข้มข้นของสารบำรุงเป็นอย่างมาก ทำให้เราเห็นผลลัพธ์ได้เร็ว จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Sleeping Mask ถึงมีราคาสูงกว่าครีมทากลางคืนทั่วไป
ทิปการใช้ : Sleeping Mask ควรใช้ก่อนเข้านอน และใช้เป็นลำดับหลังสุดในขั้นตอนการบำรุงหน้า เพราะแผ่นฟิล์มที่เกิดจากมาสก์จะได้ช่วยเคลือบผิวไม่ให้น้ำในผิวระเหยออก และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น
3D Mask
เป็นนวัตกรรมมาสก์รูปแบบใหม่ที่ใช้ในคลินิกเสริมความงามเป็นส่วนใหญ่ ตัวมาสก์จะช่วยดึงใบหน้าพร้อมยกกระชับให้ใบหน้า แลดูเรียวและมีมิติมากขึ้น โดยการทำงานของมาสก์ชนิดนี้เมื่อวางแผ่นมาสก์ไว้บนผิวหน้าจะต้องปล่อยทิ้งไว้ 40-50 นาที เพื่อให้แผ่นมาสก์เซตตัวกับรูปใบหน้าของผู้ใช้เหมือนเป็นหน้ากาก การที่มาสก์ค่อย ๆ แข็งตัว จะช่วยในการยกกระชับผิวหน้า โดยตัวมาสก์ชนิดนี้จะใช้หลักการเดียวกันกับสายรัดหน้าเรียวที่ฮิตมาก ๆ ในช่วงก่อนหน้านี้ โดยเมื่อดึงแผ่นมาสก์ออกจากผิวหน้าก็ถูกเซตและยกกระชับขึ้น
สวัสดีค่ะทุกคน กลับมาเจอกันอีกครั้งแล้วนะคะ และแน่นอนว่าเราก็ต้องมีความรู้เรื่องความสวยความงามมาให้อ่านกัน วันนี้เราจะมาพูดถึง SKINCARE 101 : กับลำดับการลงสกินแคร์ที่เหมาะสมค่ะ ไปดูกันดีกว่า ว่าต้องลงสกินแคร์อย่างไร ถึงจะได้รับการบำรุงอย่างสูงสุดค่ะ !
ขั้นตอนที่ 1 : Makeup Remover
เราต้องมาเริ่มกันที่การคลีนผิวหน้าก่อนเลยค่ะ ในตอนกลางคืนเราก็อาจจะต้องใช้ Makeup Remover ในการเช็ดเครื่องสำอาง ฝุ่น หรือสิ่งสกปรกบนใบหน้ากันก่อน เพราะทั้งวันเราเจอมลภาวะ สิ่งสกปรกเยอะมาก ควรจะเช็ดออกให้หมดค่ะ! แต่ในตอนเช้าอาจจะไม่ต้องใช้ตัวนี้นะคะ ส่วนในเรื่องการเลือก Makeup Remover เราก็แนะนำว่าให้เลือกตัวที่เหมาะกับสภาพผิวเราค่ะ และควรจะแยกใช้ตัวที่เช็ดเฉพาะส่วนอย่างรอบดวงตา และริมฝีปากด้วย เพราะเค้าเป็นส่วนที่บอบบางมาก อาจจะระคายเคืองได้ง่าย
ขั้นตอนที่ 2 : Cleanser
หลังจากเช็ดเครื่องสำอางและสิ่งสกปรกบนใบหน้าไปแล้ว ต่อไปเราก็ต้องมาล้างหน้ากันค่ะ และ Facial Cleanser ก็มีหลากหลายแบบมาก ทั้งเป็นโฟม เป็นเจล หรือแม้แต่สบู่ ดังนั้นเลือกให้เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของเรากันนะคะทุกคน
ขั้นตอนที่ 3 : Toner
หลังจากทำความสะอาดใบหน้าแล้ว เราก็จะลง Toner เพื่อเปิดรูขุมขน และปรับสภาพผิวให้พร้อมรับการบำรุงต่อ เพื่อให้สกินแคร์ที่เราใช้หลังจากนี้ซึมเข้าสู่ผิวได้ดีขึ้น แถมยังช่วยสร้างสมดุลให้กับผิวหน้าของเราด้วยค่ะ ถ้าใครยังสงสัยในเรื่องของโทนเนอร์ & คลีนซิ่งต่างกันอย่างไร สัญญาว่ากระทู้หน้าเราจะมาไขข้อข้องใจกันค่ะ ^^
ขั้นตอนที่ 4 : Spot Treatment
ต่อไปจะเป็นการบำรุงผิวเฉพาะจุด หรือ Spot Treatment ค่ะ บำรุงผิวเฉพาะจุดก็จะเป็นจำพวกครีมทาสิว ครีมทารอยจุดด่างดำ รอยแผลต่างๆ ที่เราต้องการการบำรุงแบบเฉพาะจุดนั่นเองค่า สาเหตุที่เราต้องทาเฉพาะจุดก่อนลงสกินแคร์ตัวอื่น เพราะว่าควรให้เนื้อสกินแคร์สัมผัสกับผิวโดยตรงมากที่สุด เพื่อให้เกิดผลลัพธ์สูงสุดนั่นเองค่ะ
ขั้นตอนที่ 5 : Eye Cream
เราคิดว่าอายครีมอาจจะเป็นหนึ่งใน List ของการทาสกินแคร์เฉพาะจุดด้วยนะ แต่ก็ดั๊นนนน มีอายครีมที่สามารถทาได้ทั้งหน้าด้วย งงมะ 55555 เดี๋ยวนี้วงการสกินแคร์เค้าพัฒนาไปไกลมากจริงๆ การทาอายครีมก็สำคัญมากนะคะ อย่างที่เค้าบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แปลว่ารอบๆดวงตาอาจจะเปรียบเสมือนฝาบ้าน (เราบัญญัติขึ้นมาเอง 55555) ถ้าฝาบ้านดูไม่ดี ก็ส่งผลให้หน้าต่างดูไม่ดีไปด้วยเนอะ ดังนั้นอย่าปล่อยให้รอบดวงตาของเราเหี่ยว คล้ำ บวม หรือโทรมเน้อ
ขั้นตอนที่ 6 : Essence/Serum
บางคนก็จะมีตัว Pre-essence ลงก่อน เพื่อปรับสภาพผิวอีกครั้งหลังจากเช็ดโทนเนอร์ ขั้นตอนนี้ก็ถือว่ามีความสำคัญมากเลยนะคะทุกคน เพราะหลายๆตัวเค้ามีคุณสมบัติช่วยให้ใบหน้าเราสามารถรับการบำรุงเพิ่มมากขึ้น แถมยังทำให้ผิวชุ่มชื่นอิ่มน้ำด้วยค่ะ
ขั้นตอนที่ 7 : Day/Night Cream
เนื่องจากว่าเนื้อครีมส่วนมากจะมีความเข้มข้น และหนาแน่นที่สุด เราเลยต้องใช้ในขั้นตอนท้ายๆของการลงสกินแคร์ และขั้นตอนนี้แหละที่ทำให้ผิวหน้าเราได้รับการบำรุงสูงสุด อย่าลืมเลือกครีมให้เหมาะกับปัญหา และสภาพผิวของเราน้า
อ๊ะๆ 7 ขั้นตอนนั้นยังไม่หมดนะคะทุกคน! เพราะในบางกรณี อย่างตอนเช้าหลังจากเราทาครีม หรือก่อนทาครีม เราอาจจะต้องลงกันแดด (SUNSCREEN) บนใบหน้าด้วย ถือว่าสำคัญมากเช่นกัน!! เพราะเจ้าแสงแดด UVA/UVB ตัวร้ายเนี่ย สามารถทำร้ายผิวเราได้มากกว่าแค่ทำให้คล้ำนะคะ
เราเอาเกร็ดความรู้เล็กๆมาฝากกันค่ะ
แสง UV แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ UVA, UVB และ UVC
UVA : มีส่วนในการทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนัง ก่อให้เกิดผลเสียระยะยาว เช่น รอยผิวหนังเหี่ยวย่น รวมถึงเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งผิวหนัง และต้อกระจกตาอีกด้วย
UVB: เป็นสาเหตุหลักของผิวไหม้จากแสงแดด และทำลาย DNA ของเซลล์ผิวหนัง ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังหลายชนิด
UVC: เป็นแสงที่ถูกกรองโดยชั้นโอโซนในบรรยากาศ จะไม่ลงมาถึงพื้นผิวโลก
UVA ยังแบ่งย่อยตามความยาวคลื่นแสง ออกเป็น UVA1 และ UVA2 ซึ่ง UVA นั้นทะลุผิวได้ลึกกว่า UVB และสามารถทะลุผ่านก้อนเมฆ กระจกอาคาร และฟิล์มติดรถยนต์ได้อีกด้วย ถึงแม้จะมีเมฆ ก็ไม่ได้แปลว่าภัยอันตรายของแสงแดดจะลดน้อยลงนะคะ ดังนั้นการทาครีมกันแดดจึงจำเป็นมากจริงๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : นพ.ชิดชน ศักดิ์จิรพาพงษ์ (แพทย์ประจำศูนย์ความงาม โรงพยาบาลพญาไท1)
และขั้นตอนเพิ่มเติมสำหรับในตอนกลางคืน บางวันเราก็อาจจะมีการมาส์กหน้าก่อนนอนกันค่ะ เพื่อช่วยบำรุงผิวอย่างเร่งด่วนนั่นเอง มาส์กบางชิ้นเราก็จะใช้ก่อนการลงครีม แต่บางชิ้นก็อาจจะใช้ทาเป็น Sleeping mask ขั้นตอนสุดท้ายได้เช่นกันค่ะ แล้วแต่ว่าเราชอบแบบไหน
ส่วนนี่คือลำดับการลงสกินแคร์ที่ถูกต้องค่ะ จริงๆบางขั้นตอนอาจจะมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย แล้วแต่เนื้อของผลิตภัณฑ์ที่เราเลือกใช้นั่นเอง บางคนอาจมีการใช้ Oil ที่เป็นเนื้อเหนียว และหนาแน่นที่สุดเข้ามาด้วย แต่ให้ทุกคนจำเอาไว้ว่า สกินแคร์ควรจะทาจากเนื้อเหลวไปเนื้อข้นนะคะ เพื่อประสิทธิ์ภาพการบำรุงที่สูงสุดนั่นเอง ^^
เป็นยังไงกันบ้างเอ่ย กับเกร็ดความรู้ในเรื่องการลงสกินแคร์ที่เรานำมาฝากทุกคน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อยนะคะ วันนี้เราไปก่อนน้า เจอกันใหม่กระทู้หน้า สัญญาว่าจะนำเกร็ดความรู้ในเรื่องความสวย ความงามมาฝากอีกแน่นอนค่ะ xoxo