สำหรับคนที่ชอบส่งพัสดุใหญ่ๆ เคยสงสัยมั้ยว่าถ้าเราจะส่งของใหญ่ระหว่างประเทศ จะต้องส่งผ่านบริการใด และต้องมีน้ำหนักเท่าไร? ขนาดแค่ไหน? ถึงจะเรียกว่าใหญ่จริง!! และขั้นตอนการส่งมีรายละเอียดยังไงบ้าง ไปดูกันเลย^^
ส่งของใหญ่ แค่ไหนถึงเรียกว่าใหญ่?
สำหรับเพื่อน ๆ ที่จะส่งสิ่งของขนาดใหญ่ไปต่างประเทศ แต่ยังสงสัยว่า แล้วแบบไหนล่ะ ที่เรียกว่าใหญ่ มันต้องหนักขนาดไหน ?
กว้างเท่าไหร่ ? มาลองเช็กกันดูเลยครับ
เงื่อนไข สินค้าที่เป็นขนาดใหญ่ มีเพียงสองอย่างง่าย ๆ ดังนี้
1. น้ำหนัก ตั้งแต่ 20 – 200 กิโลกรัม
2. ขนาดไม่เกินด้านละ 150x200x150 เซ็น ( กว้างxยาวxสูง )
3. สินค้าส่วนใหญ่ที่นิยมส่งกันจะเป็นจำพวก ชิ้นส่วนเครื่องยนต์, เครื่องมืออุตสาหกรรม, เครื่องดนตรี และอื่น ๆ
หลังจากเช็กเรียบร้อยแล้ว ตามมาดูประเภทของหีบห่อสินค้าแต่ละแบบกันต่อเลย!
ประเภทของหีบห่อ
สำหรับประเภทของหีบห่อนั้น จะแบ่งได้เป็น 3 ประเภท เพื่อให้เหมาะสมกับสิ่งของต่าง ๆ ดังนี้
1. กล่อง : สำหรับสิ่งของหนักไม่เกิน 30 กิโลกรัม
2. พาเลต : สำหรับสิ่งของใหญ่และหนัก 30 กิโลกรัม ขึ้นไป
3. ตีลังไม้ : สำหรับสิ่งของประเภทเครื่องยนต์ หรือเครื่องปั้นขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักไม่เกิน 200 กิโลกรัม
*สำหรับหีบห่อแบบตีลังไม้ควรดำเนินการด้วยบริษัทที่ชำนาญโดยเฉพาะ และไม้ต้องผ่านการฆ่าเชื้อด้วย
ส่งของใหญ่ เลือกบริการไหนดี?
หลังจากที่แพ็กหีบห่อเรียบร้อยแล้ว ก็อย่าลืมเลือกบริการส่งของใหญ่ไปนอกแบบคุ้ม ๆ อย่าง “โลจิสโพสต์ เวิลด์” เลย เพราะเป็นบริการที่ไปรษณีย์ไทยทำมาลองรับ “บริการส่งของใหญ่ระหว่างประเทศ” ที่เรียกได้ว่าคุ้มค่ามากสุด ๆ
ส่งไปประเทศปลายทางได้ถึง 33 ประเทศ ในระยะเวลา 7-10 วัน และที่สำคัญมีอัตราค่าชดใช้กรณีเสียหาย สูงถึง 3,000 บาทต่อชิ้นเลยนะ ด้วยราคาเริ่มต้น 2,730 บาทเอง!!
ขับรถไปส่งเองเป็นวิธีการที่ยากที่สุดในการส่งของชิ้นใหญ่ไปต่างจังหวัด แต่ก็เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด หากว่าของชิ้นนั้นเป็นสิ่งของที่แตกง่าย เช่น โหลแก้ว หรืองานศิลปะรูปปั้นเทพเจ้า หรือองค์พระที่ทำจากวัสดุที่แตกหักง่าย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย หากใครสนใจที่จะขับไปส่งเอง เช่น การนำของชิ้นใหญ่ไปมอบให้ญาติผู้ใหญ่ และการขับไปส่งเองกรณีมอบให้ญาติผู้ใหญ่ก็เป็นการใช้เวลากับครอบครัวที่ดี
โดยคุณอาจจะหาวันหยุดสักวัน ขับรถไปมอบของให้ญาติผู้ใหญ่ เพราะการขับรถระหว่างกรุงเทพและปริมณฑลก็ไม่ไกลกันมากนัก และยังเป็นการได้ไปเดินทางท่องเที่ยวในวันหยุดได้อีกด้วย แต่ว่าก็จะมีค่าใช้จ่ายมากเช่นกัน ซึ่งถ้ามองในมุมว่าได้ไปเที่ยวในวันหยุดก็เป็นเรื่องดีไม่ใช่น้อยเพราะเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นก 2 ตัว แต่หากใครไปเพื่อส่งของเพียงอย่างเดียวก็เรียกได้ว่าทั้งเปลืองเงินและเปลืองเวลาเลยทีเดียว แต่ก็มีวิธีอื่นๆในการส่งของชิ้นใหญ่อีกมากมาย
ส่งไปรษณีย์จะเป็นวิธีการส่งของที่ค่อนข้างจะประหยัดมากที่สุด และใช้งบประมาณต่ำที่สุดในการส่งของ แต่ทุกคนต้องไม่ลืมว่าการส่งพัสดุชิ้นใหญ่ไปกับไปรษณีย์ก็มีความเสี่ยงอยู่ไม่น้อย เพราะมีข่าวอยู่ประจำว่า ของเสียหายเมื่อถึงมือลูกค้า ทำให้ลูกค้าร้องเรียนทางร้านให้ส่งของใหม่ไปทดแทนของที่พัง ทำให้ร้านค้าเสียค่าขนส่งสินค้าและบริการมากขึ้นและยังต้องเสียค่าสินค้าชิ้นใหม่เพื่อทดแทนให้กับลูกค้าอีกด้วย
ดังนั้นร้านค้าควรส่งสินค้าผ่านบริการไปรษณีย์ที่มีประกันสินค้าเสียหายในตัว เพื่อให้ไปรษณีย์เป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายของสินค้า แต่ค่าขนส่งก็จะแพงมากขึ้นพอสมควร เพราะโดยปกติการส่งของที่มีขนาดใหญ่ก็มีค่าบริการสูงอยู่แล้ว และการทำประกันให้กับของชิ้นใหญ่นั้น ค่าใช้จ่ายในการขนส่งย่อมจะสูงขึ้นเป็นอันมาก และระยะเวลาขนส่งในกรุงเทพและปริมณฑลอาจใช้เวลา 1 – 2 วัน หรืออาจจะแค่วันเดียวถ้าคุณไปใช้บริการไปรษณีย์เอกชน แล้วไปทำเรื่องรับส่งของชิ้นใหญ่ในเวลาก่อน 10 โมงตามข้อกำหนดของบริษัทไปรษณีย์เอกชน
จ้างขนส่งเอกชนจะเป็นวิธีที่ตอบโจทย์และสะดวกสบายที่สุด เพราะว่าใช้งานได้ตามสั่ง แม้ราคาจะสูงกว่าใช้บริการไปรษณีย์เอกชน แต่การส่งของชิ้นใหญ่ด้วยวิธีนี้จะดีกว่าการขับรถไปเองเสียอีก เรียกว่าราคาที่สูงขึ้นเป็นเงินที่เรายินดีที่จะจ่ายเลยก็ว่าได้ เพราะการขับรถไปส่งเองต้องแบกเองยกเอง แถมเสียทั้งเวลา เสียทั้งค่าน้ำมันและไม่มีคนช่วยยกของ และหากของเกิดเสียหายระหว่างทางเราต้องเป็นคนจ่ายเองอีกด้วย แต่หากใช้บริการส่งของชิ้นใหญ่ผ่านบริษัทเอกชน ซึ่งแต่ละบริษัทขนส่งเอกชนจะมีประกันกรณีสิ่งของเสียหายให้ท่านด้วย เรียกว่าสะดวก ปลอดภัย ประหยัด และสบายกว่าไปเอง คุณจะได้ใช้เวลาวันหยุดในการพักผ่อนได้อย่างเต็มที่หากใช้บริการบริษัทเหล่านี้
2. ส่งของชิ้นใหญ่ไปต่างจังหวัดยังไงได้บ้าง
ขับรถไปส่งเองเป็นวิธีที่สิ้นเปลืองเงินที่สุดในการส่งของชิ้นใหญ่ แต่หากใครที่มองว่านานๆจะไปส่งที และถือโอกาสไปเที่ยวต่างจังหวัดในตัวก็ดีไม่น้อย เพราะว่าต่างจังหวัดก็มีสถานที่ท่องเที่ยวจำนวนมาก และมีอาหารขึ้นชื่อตามแต่ละจังหวัด แต่วิธีการนี้อาจจะไม่เหมาะกับใครหลายๆคน เพราะหากอยู่ปทุมธานี แต่ต้องไปส่งของที่เชียงใหม่คงต้องอาศัยวันหยุดยาว จึงจะสามารถไปส่งได้
ส่งไปรษณีย์ไปต่างจังหวัด ก็จะเป็นวิธีที่ใช้เวลานานหน่อย และยังมีความเสี่ยงสูงเพราะว่าการเดินทางไปต่างจังหวัดของไปรษณีย์ ถนนหนทางไม่ดีเท่ากรุงเทพและปริมณฑล ทำให้สิ่งของอาจแตก หรือเสียหายระหว่างทางได้ และยังต้องเจอกับความเสี่ยงในเรื่องของระยะเวลาในการขนส่งอีกด้วย อาจไม่เหมาะกับใครหลายคนที่ต้องการขนส่งด่วน เพราะไปรษณีย์ก็คงไม่คุ้มที่จะให้บริการส่งของชิ้นใหญ่ด่วนกับคุณเพียงคนเดียวได้
จ้างขนส่งเอกชนในการส่งของชิ้นใหญ่จะเป็นหนทางที่สะดวกที่สุดในการรับส่งของชิ้นใหญ่ไปยังต่างจังหวัดเพราะว่ามีความรวดเร็วในการให้บริการและยังมีความปลอดภัยในการขนส่งสินค้า รวมถึงยังครอบคลุมการรับประกันสินค้ากรณีเสียหายจากการขนส่งให้คุณอีกด้วย เป็นหนทางที่สินค้าของคุณจะถึงที่หมายได้อย่างปลอดภัยและไร้กังวล แม้ค่าบริการก็อาจจะสูงกว่าการใช้บริการไปรษณีย์ แต่ก็ถูกกว่าขับไปส่งเอง ประหยัดเวลากว่าขับรถไปส่งเอง และมีคนงานขนส่งช่วยยกของให้คุณอีกด้วย รวมถึงยังไว้วางใจได้มากกว่าการส่งแบบไปรษณีย์
สรุปการส่งของชิ้นใหญ่
การใช้บริการส่งพัสดุชิ้นใหญ่ที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นการใช้บริการแบบจ้างบริษัทขนส่งเอกชนในการขนส่ง เพราะมีความรวดเร็วและสะดวกปลอดภัย และมีการรับประกันกรณีสินค้าเสียหายจากการขนส่ง รวมถึงมีคนช่วยขนย้ายสิ่งของชิ้นใหญ่อีกด้วย ซึ่งหากท่านใดมีคำถามเกี่ยวกับการส่งของชิ้นใหญ่สามารถติดต่อสอบถามเข้ามาได้ เรายินดีให้คำตอบกับทุกท่าน เพื่อให้ทุกท่านได้ระบบขนส่งที่ดีที่สุดในการใช้บริการ
บทความแนะนำ
” ก่อนตัดสินใจ ส่งพัสดุชิ้นใหญ่ ต้องรู้เรื่องอะไรบ้าง? พร้อมบริการขนส่งสุดประทับใจ!! บทความนี้มีคำตอบ ”