ข่าวการศึกษารถรับส่งนักเรียนทุกคันต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และผ่านการรับรองจากโรงเรียน ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ต่อเนื่อง
แอดมินรักครู Follow on Twitter 16 พ.ค. 2022
980 Less than a minute
รถรับส่งนักเรียน
รถรับส่งนักเรียนทุกคันต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และผ่านการรับรองจากโรงเรียน ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ต่อเนื่อง พบฝ่าฝืนลงโทษหนักทุกราย ยกระดับความปลอดภัยสร้างความเชื่อมั่นให้นักเรียนและผู้ปกครอง
เว็บไซต์ กรมขนส่งทางบก ได้เสนอข่าว กรมการขนส่งทางบก เตรียมความพร้อมรับเปิดเทอม เน้นย้ำ!!! รถรับส่งนักเรียนทุกคันต้องได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก และผ่านการรับรองจากโรงเรียน ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโควิด-19 ต่อเนื่อง
โดย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนพฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป สถานศึกษาทั่วประเทศจะเริ่มเปิดทำการเรียนการสอนภาคการศึกษา 2565 ซึ่งคาดว่าจะมีนักเรียนใช้บริการรถรับส่งนักเรียนในการเดินทางไปโรงเรียนเพิ่มขึ้น ดังนั้น กรมการขนส่งทางบกจึงได้ให้สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดภาคเรียน กำชับให้ตรวจสอบความปลอดภัยและการให้บริการของรถโรงเรียนและรถรับส่งนักเรียนในพื้นที่รับผิดชอบทั่วประเทศอย่างเข้มงวดต่อเนื่องตลอดภาคการศึกษา ทั้งด้านมาตรฐานความปลอดภัยของตัวรถและพนักงานขับรถ โดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของนักเรียนที่โดยสารมากับรถ รถโรงเรียนและรถรับส่งนักเรียนต้องมีสภาพมั่นคงแข็งแรง ต้องชำระภาษีรถประจำปีอย่างถูกต้อง พร้อมที่จะให้บริการรับส่งนักเรียนได้อย่างปลอดภัย สำหรับการนำรถยนต์ส่วนบุคคลทั้งในลักษณะรถสองแถวและรถตู้มาใช้รับส่งนักเรียน กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ต้องผ่านการรับรองจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา และต้องขออนุญาตใช้รถให้ถูกต้อง นำรถเข้าตรวจสภาพ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดที่โรงเรียนหรือสถานศึกษาตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยที่ทางราชการกำหนด ซึ่งจะได้รับอนุญาตครั้งละ 1 ภาคการศึกษาเท่านั้น ภายในรถต้องมีเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับช่วยเหลือนักเรียนเมื่อมีอุบัติเหตุ เช่น ถังดับเพลิง ค้อนทุบกระจก ที่นั่งผู้โดยสารต้องยึดแน่นมั่นคงแข็งแรงกรณีเป็นรถสองแถวต้องมีประตูและที่กั้นป้องกันนักเรียนตก ส่วนรถตู้ต้องจัดวางที่นั่งเป็นแถวตอนตามความกว้างของตัวรถเท่านั้น ห้ามดัดแปลงสภาพรถ ห้ามเพิ่มเบาะที่นั่งหรือการต่อเติมกระบะท้ายเพื่อให้รับนักเรียนได้มากเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัยหากพบการฝ่าฝืนพิจารณาสั่งเพิกถอนหนังสืออนุญาตให้ใช้รถทันที และไม่สามารถขออนุญาตได้อีกจนกว่าจะพ้น 1 ปีไปแล้ว
ในส่วนผู้ขับรถนักเรียน ต้องได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี หรือได้รับใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ หรือเป็นผู้ขับรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก ซึ่งต้องไม่เคยมีประวัติเสียหายอันเกิดจากการขับรถมาก่อน นอกจากนี้ รถรับส่งนักเรียนแต่ละคันต้องมีผู้ควบคุมดูแลนักเรียน ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี ประจำอยู่ในรถตลอดเวลาที่ใช้รับส่งนักเรียน เพื่อดูแลความปลอดภัยและให้ความช่วยเหลือนักเรียนในกรณีเกิดอุบัติเหตุ
อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการตรวจสอบความปลอดภัยของตัวรถและพนักงานขับรถแล้ว เน้นย้ำให้ปฏิบัติตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สำหรับรถรับส่งนักเรียนอย่างต่อเนื่อง ดังนี้ พนักงานขับรถ ผู้ควบคุมนักเรียน และนักเรียนที่ใช้บริการ ต้องผ่านการคัดกรองและตรวจวัดอุณหภูมิ สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าตลอดการเดินทาง จัดให้มีแอลกอฮอล์สำหรับล้างมือไว้ประจำรถ ทำความสะอาดรถรับส่งนักเรียนก่อนและหลังการให้บริการ โดยเฉพาะจุดที่มีการสัมผัสบ่อยๆ เช่น ราวจับ ที่เปิดประตู เบาะนั่ง ที่วางแขน เป็นต้น เปิดหน้าต่างและประตูเพื่อถ่ายเทระบายอากาศภายในตัวรถ เพื่อยกระดับความปลอดภัยและเพิ่มความมั่นใจในการใช้บริการรถรับส่งนักเรียนให้แก่นักเรียนและผู้ปกครอง ทั้งนี้ หากพบรถรับส่งนักเรียนมีพฤติกรรมขับขี่หรือสภาพตัวรถไม่ปลอดภัย บรรทุกผู้โดยสารเกินจำนวนบรรทุกที่ปลอดภัย สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วน โทร. 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
นายเอกฉันท์ ไทยน้อย คนขับรถตู้รับส่งนักเรียน สุขสวัสดิ์ โรงเรียนเทพศิรินทร์ กำลังกวาดดินออกจากพื้นรถ ฉีดพ่นแอลกอฮอล์ภายในรถ และเช็คสภาพรถ เพื่อเตรียมความพร้อมของ ก่อนที่จะนำรถตู้คู่ใจ กลับมาขับรับส่งนักเรียนอีกครั้ง ในวันเปิดเทอมวันที่ 17 พฤษภาคมนี้ หลังต้องหยุดขับรถรับส่งนักเรียนมากว่า 1 ปีครึ่ง เพราะเด็กๆ ต้องหยุดเรียนออนไซต์ มาเรียนออนไลน์แทน เพราะการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ทำให้ก่อนหน้านี้ เขาต้องขาดรายได้ แต่รายจ่ายอย่างการผ่อนจ่ายรถตู้ยังต้องดำเนินไป
โพลชี้ค่าใช้จ่ายเปิดเทอมจ่าย "แป๊ะเจี๊ยะ" เกือบครึ่ง
เปิดเทอมวิถีใหม่
การเปิดเทอมในสัปดาห์หน้า จึงเป็นความหวังของคนขับรถตู้รับส่งนักเรียน แต่กลับต้องมาเจอปัญหาน้ำมันแพง โดยเฉพาะน้ำมันดีเซล ที่ขึ้นราคาจนตอนนี้ลิตรละ 32 บาท และมีทีท่าว่าจะขึ้นอีกต่อเนื่อง จนไปชนเพดานที่ลิตรละ 35 บาท ทำให้นายเอกฉันท์ คนขับรถตู้รับส่งนักเรียน บอกว่า ตอนนี้กังวลว่า น้ำมันรถจะขึ้นไม่หยุด ซึ่งถ้าหากขึ้นไปจนแตะราคาลิตรละ 35 บาท อาจจะต้องคุย กับกลุ่มคนขนขับรถตู้รับส่งนักเรียนในเส้นทางเดียวกันว่า ว่าจะปรับขึ้นหรือไม่ ซึ่งใจจริง รู้สึกไม่อยากปรับขึ้นแล้ว เพราะผู้ปกครองก็ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่แห่กันขึ้นราคาเหมือนกัน อย่างไรก็ตามถ้าหากน้ำมันดีเซล เริ่มลดลง ก็จะปรับราคาลง เพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองเช่นกัน