เกษตรกร เผย ‘ปลาช่อนในบ่อซีเมนต์’ ทางเลือกใหม่ เลี้ยงง่าย สร้างรายได้ดี และเป็นปลาเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นที่ต้องการของตลาด
โดยวิธีการทำเริ่มจากเตรียมบ่อซีเมนต์หลายขนาด จากนั้นหาลูกปลาช่อนขนาดตัว 1-2 นิ้ว มาเลี้ยง ระยะนี้ให้ใช้อาหารชนิดผงของปลาดุกเล็กมาปั้นก้อนขนาดเท่าหัวแม่มือ 2-3 ก้อน ให้เป็นอาหาร สัปดาห์ต่อมาควรฝึกให้กินจิ้งหรีดตัวเล็กๆ เมื่อลูกปลาอายุ 1 เดือน จะย้ายปลาช่อนลงบ่อเลี้ยงขนาด 5?10 เมตร จำนวนบ่อละ 2,000 ? 3,000 ตัว ให้ใช้หอยเชอรี่มาต้มทั้งตัว และแคะเอาแต่เนื้อหอยมาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปใส่ในบ่อ ช่วงนี้กรณีมีจิ้งหรีดไม่เพียงพอ ให้ใช้หอยเชอรี่มาต้มทั้งตัว และแคะเอาแต่เนื้อหอยมาสับให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ และนำไปให้ปลาช่อนกิน โดยประมาณ 15 วัน จะต้องทำความสะอาด และเปลี่ยนถ่ายน้ำ
ทั้ง นี้ ตลอดระยะเวลาช่วงเลี้ยง 8-9 เดือน ซึ่งตัวรุ่นเล็ก 2,500 ตัว จะได้น้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 1,200 กิโลกรัม จะขายกิโลกรัมละ 60 บาท เป็นอย่างต่ำ รวมแล้วเป็นเงิน 72,000 บาท การลงทุนหากไม่คิดค่าบ่อ คิดแต่ค่าอาหารช่วงปลาเล็กๆ ค่าน้ำ ค่าไฟ ใช้แรงงานในครัวเรือนแล้วใช้เงินประมาณ 1,500บาท/รุ่น ซึ่งก็ทำให้มีกำไรสูงมาก ถ้าเลี้ยงหมุนเวียนประมาณ 3 บ่อ ก็จะมีรายได้เป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้ ปลาช่อนยังเป็นปลาเศรษฐกิจที่ขายได้ทุกขนาด และเป็นที่ต้องการของตลาดมาก ยิ่งน้ำหนักตัวละ 8-9 ขีด ไปจนถึง 1กิโลกรัม จะได้ราคาดี อยู่ที่กิโลกรัมละ70-80 บาท หากนำปลาช่อนไปเผา จะขายได้ตัวละ 90-100 บาท โดยปลาช่อนที่มีขนาดเล็ก ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-60 บาท แต่หากแปรรูปเป็นปลาเค็ม และปลาช่อนแดดเดียว จะอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 120 บาท เลยทีเดียว
ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค โควิด – 19 อีกหนึ่งปัญหาที่หลายๆคนต้องเจอนั่นก็คือการปรับลดพนักงาน การลดเงินเดือน หรือบางคนนักสุดคือการเลือกจ้าง แต่ละคนก็เจอปัญหาแตกต่างกันไปตามแต่ที่นโยบายของบริษัทหรือนายจ้างจะนำออกมาใช้ ด้วยปัญหาเหล่านี้ ทำให้ปัจจุบันหลาย ๆ คนเริ่มมองหาอาชีพเสริม หรือคนที่ถูกเลิกจ้างในยุคสมัยที่หางานยากแบบตอนนี้ จำเป็นต้องกลับบ้านอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเริ่มมองหาลู่ทางสำหรับอาชีพที่บ้านเกิด ทั้งนี้หลายๆคนเริ่มเบนเข็มไปทางเกษตรกรรมเนื่องจากทุนทางพื้นที่ที่มี ต้องการความอิสระจากอาชีพของตนเอง หรือบางคนก็ต้องทำเพื่อรอสถานการณ์โควิดคลี่คลายก่อนจะกลับมาหางาน แต่จะด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม การเริ่มทำเกษตรกรรมที่บ้านเกิดอาจจะเป็นสัญญาณที่ดีในอนาคตต่อผู้ที่เริ่มลงมือทำในวันนี้ก็ไปได้
การทำเกษตรนั้นแบ่งเป็นสองอย่างหลัก ๆ คือการปลูกพืชและการเลี้ยงสัตว์ หรืออาจจะทำทั้งสองอย่างรวมกัน ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางต้นทุนที่มี บางคนมีพื้นที่ปลูกพืช บางคนมีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ ทั้งนี้ในระยะแรกเริ่มเราอาจจะไม่สามารถทำให้เป็นอย่างที่ต้องการทั้งหมดได้ จำเป็นจะต้องเริ่มจากสิ่งที่มีก่อนเพื่อเป็นการประหยัดต้นทุนให้ได้มากที่สุด
การเลี้ยงปลา ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มอาชีพเกษตรกรในการเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีการลงทุนไม่มาก สามารถเริ่มจาก จำนวนน้อย ๆ ได้ อีกทั้งพันธุ์ปลายังมีให้เลือกหลากหลาย เลี้ยงได้ทุกสภาพอากาศและภูมิประเทศ นอกจากนี้ยังหาตลาดรองรับไม่ยากและสามารถนำมาทำเป็นอาหารให้กับตนเองและครอบครัวได้อีกด้วย การเลี้ยงปลาจึงถือว่าเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ให้กับเกษตรกรมือใหม่หลายๆคนเลยทีเดียว
การเลี้ยงปลาในบ่อดินนั้นเกษตรกรนิยมมากที่สุดเนื่องจากไม่ต้องลงทุนเท่ากับบ่อซีเมนต์ สามารถกำหนดความลึกของน้ำและขนาดของบ่อได้ นอกจากนี้ยังง่ายต่อการสร้างระบบนิเวศ
ใต้น้ำ ทำให้น้ำไม่เสีย เลี้ยงปลารวมกันได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีอาหารจากธรรมชาติให้ปลาอีกด้วย นอกเหนือไปจากนั้น ยังสามารถปลูกพืชน้ำบริเวณผิวน้ำเป็นการสร้างรายได้และอาหารได้อีกหนึ่งช่องทาง ในกรณีทำเกษตรแบบผสมผสานสามารถเลี้ยงสัตว์อื่น ๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อกัน อาทิเช่นเลี้ยงไก่โดยการสร้างโรงเรือนบนบ่อปลา เพื่อใช้ขี้ไก่เป็นอาหารปลา ก็จะสามารถลดต้นทุนอีกทั้งยังได้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอย่างคุ้มค่าอีกด้วย ด้วยเหตุผลเหล่านี้ การเลี้ยงปลาในบ่อดิน จึงได้รับความนิยมจากเกษตรมากกว่าการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์
สำหรับการเลือกพันธุ์ปลา เกษตรกรมือใหม่ก็อาจเกิดความสงสัยว่า ควรเลี้ยงปลาอะไรดีในบ่อดิน ซึ่งปลาแต่ละสายพันธ์นั้นก็มีข้อดีข้อเสีย แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ทั้งนั้นควรเลือกให้เหมาะกับที่ต้องการ ทั้งเวลาในการดูแล ต้นทุนทางอาหาร หรือแม้กระทั่งตลาดที่หาได้ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเลือกพันธ์ปลา
สำหรับเกษตรที่กำลังมองหาพันธุ์ปลาที่ต้องการเลี้ยงในบ่อดินนั้น ครั้งนี้ เราจะขอแนะนำ
ปลายอดนิยม 3 สายพันธ์ สำหรับการเลี้ยงในบ่อดิน เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจก่อนลงมือทำ ซึ่งจากการสำรวจ ปลายอดนิยมสำหนับเลี้ยงในบ่อดินนั้น 3 อันดับแรก มีดังนี้
1.ปลาดุกพันธุ์ปลาน่าเลี้ยงในบ่อดิน
จัดเป็นปลายอดนิยมสำหรับการเลี้ยงสามารถเลี้ยงได้ทั้งในบ่อดินและบ่อแบบอื่นๆ เนื่องจากเลี้ยงง่าย แข็งแรง โตไว คนนิยมบริโภค ปลาชนิดน้ำไม่ต้องการ ออกซิเจนมากนักจึงสามารถเริ่มเลี้ยงในบ่อขนาดเล็ก ที่ความลึกไม่มากได้ โยสายพันธ์ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยได้แก่ 3 สามพันธ์ บิ้กอุย, อุยและรัสเซีย
การเตรียมบ่อ
สำหรับเลี้ยงปลาดุกนั้นก็ไม่ยุ่งยาก เพียงใช้ปูนขาวโรยก้นบ่อ จากนั้นในปุ๋ยคอกลงไป ในอัตราส่วน 200 กิโลกรัม/ บ่อ1 ไร่ เพื่อสร้างจุลินทรีย์ในน้ำ จากนั้นสามารถปล่อยน้ำลงบ่อ ทิ้งไว้ประมาณ 4-5 วัน จึงปล่อยลูกพันธ์ปลาลงไปได้ ในสัดส่วน 100,000 ตัว/บ่อ 1 ไร หรือในอัตราส่วน 50 ตัว/ 1 ตารางเมตรสำหรับการเลือกทำเลบ่อควรมีร่มเงาให้ปลาได้อาศัยในเวลากลางวัน ไม่ควรเปิดโล่งรับแสงโดยตรง
อาหาร
สามารถให้อาหารได้ทั้งอาหารเม็ดสำเร็จรูป หรือจะผสมสูตรอาหารสดเองก็ได้ทั้งนี้ควรศึกษาอาหารที่เหมาะกับช่วงวัยของปลาเพื่อให้ปลาเพิ่มอัตราการเจริญเติบโตได้ดี
เก็บเกี่ยว
ปลาดุกจะใช้เวลาโตเต็มที่ประมาณ 3-5 เดือนก็จะสามารถนำออกขายได้ โดยใน 1 บ่อจะสามารถทำน้ำหนักได้ถึง 10 – 15 ตัน เลยทีเดียว
- ปลานิลพันธุ์ปลาน่าเลี้ยงในบ่อดิน
อีกหนึ่งปลาน้ำจืดยอดนิยมที่ปัจจุบัน ถือเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจอันดับต้นๆ มีตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ โรคน้อย โตวัย เลี้ยงง่าย ให้ลูกเยอะ สามารถปรับตัวกับสภาพแวดล้อมได้ดี มีผู้นิยมบริโภคมากทั่วประเทศ เนื่องจากราคาไม่แพง ปัจจุบันสายพันธุ์ที่มีอยู่ในประเทศไทยและคนนิยมเลี้ยงมี ด้วยกัน 4 สายพันธุ์คือ กิพท์, บิ๊กนิล, แม็คนิล และสายพันธุ์พระราชทาน คือ จิตลดา
การเตรียมบ่อ
บ่อปลานิลควรขุดให้มีความขั้นต่ำที่ 1 เมตร เริ่มด้วยการโรยปูนขาวก้นบ่อเพื่อปรับสภาพ ทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ จากนั้นจึงเริ่มปล่อยน้ำเข้าบ่อ ทั้งนี้ควรใส่ปุ๋ยคอกลงในบ่อ เช่นเดียวกับปลาดุก เพื่อสร้างระบบนิเวศและอาหารทางธรรมชาติให้ปลาอีกทางหนึ่ง จากนั้นจึงปล่อยลูกพันธุ์ปลานิลลงไปในอัตราส่วน 800 -1200 ตัว/ บ่อ 1 ไร่ทั้งนี้ควรล้อมตาข่ายรอบๆปากบ่อเพื่อป้องกับสัตว์ชนิดอื่นๆ ลงมากินปลาในบ่อที่เลี้ยงไว้
อาหาร
ปลานิลสามารถให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปผสมกับรำข้าวได้เลย โดยให้วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น
เก็บเกี่ยว
ปลานิลจะโตเต็มที่ใช้ระยะเวลาประมาณ 5 – 6 เดือนจึงจับออกขายได้ ทั้งนี้ปลานิล 1 บ่อ สามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร ไม่ต่ำ 40,000 บาทขึ้นไป ถือสร้างรายได้อย่างงามเลยทีเดียว
- ปลาทับทิมพันธุ์ปลาน่าเลี้ยงในบ่อดิน
ปลาน้ำจืดเศรษฐกิจยอดนิยมอันดับ 1 ของประเทศ เนื่องจากได้รับการพัฒนาสายพันธุ์มาเป็นอย่างดีจึงมาลักษณะที่ดี สีสวย ขนาดลำตัวใหญ่ หัวเล็ก เนื้อแน่น กลิ่นคาวน้อยสามารถนำไปประกอบอาหารได้มากมาย สามารถเจริญเติบโตได้ไว ทนการแออัดได้ดี อีกทั้งเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและนอกประเทศอย่างมาก ทั้งนี้ปลาทับทิมสามารถเลี้ยงได้กับบ่อทุกรูปแบบ ตามที่เกษตรต้องการ
การเตรียมบ่อ
ทำเช่นเดียวกับปลาชนิดอื่นๆที่ต้องเลี้ยงในบ่อดิน นั่นคือการ โรงปูนขาวก้นพื้นบ่อ ใส่ปุ๋ยคอกหรือมูลสัตว์เพื่อสร้างสมดลระบบนิเวศ และอาหารจากจุลินทรีย์ธรรมชาติ ทั้งนี้บ่อปลาทับทิมควรมีความบึกไม่ต่ำกว่า 1 เมตร จากนั้นใส่น้ำแล้วพักไว้ประมาณ 1-2 สัปดาห์ ก่อนจะปล่อยลูกปลาลงไป โดยควรปล่อยในช่วงเช้าที่อากาศไม่ร้อนมาก อัตราส่วนปลาทับไม่ต่างกับปลานิลคือ 800 -1200 ตัว/ บ่อ 1 ไร่
อาหาร
สามารถใช้อาหารปลาสำเร็จที่มีขายในท้องตลาดทั่วไปหรือจะผสมอาหารสดตามสูตรที่ต้องการก็ได้ ทั้งนี้ควรเน้นไปที่โปรตีนเพื่อช่วยในการเจริญเติบโต อาหารปลาควรให้ วันละ 1 -2 ครั้ง เวลาที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงเย็น และช่วงเช้า
การเก็บเกี่ยว
ปลาทับทิมใช้ระยะเวลาที่จะโตเต็มที่ประมาณ 3-4 เดือนจึงจะเริ่มจับออกขาย ราคารับซื้อหน้ากระชังจะอยู่ที่ ไม่ต่ำกว่า 50 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม ทั้งนี้ยากยิ่งประหยัดต้นทุนได้มากเท่าไรก็จะสามารถทำกำไรได้มากเท่านั้น
อย่างไรก็ตามทั้งหมดเป็นเพียงข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้ที่กำลังมองหาว่าควรเลี้ยงปลาอะไรดีในบ่อดิน เกษตรที่สนใจควรหาข้อมูลเพิ่มเติม เรียนรู้ด้วยตัวเองตลอดจนขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ ก็จะทำให้ประสบความสำเร็จกับอาชีพนี้ ซึ่งจะเป็นผลดีทั้งในระยะสั้นไปจนถึงระยะยาว นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ปลาที่ไม่ได้กล่าวถึงอีกมากมายสำหรับการเลี้ยงในบ่อดิน สามารถหาดูเพิ่มเติมได้จากแหล่งข้อมูลต่างๆ รวมถึง Social Network ทุกช่องทางเพื่อเป็นการเพิ่มตัวเลือกให้เกษตรกรอย่างหลากหลายสำหรับการเลือกพันธุ์ปลาอื่นๆที่ต้องการ