พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี. แซร์)
กรกฎาคม 03, 2560
พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี. แซร์)
ประวัติ
พระยากัลยาณไมตรี (ฟรานซิส บี. แซร์) (อังกฤษ: Francis Bowes Sayre; 30 เมษายน พ.ศ. 2428 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2515) เป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และเป็นบุตรเขยของวูดโรว์ วิลสัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
ผลงาน
ผลงานของพระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre)
ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ พระองค์ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใช้ในประเทศตามแบบของประเทศศิวิไลซ์ที่ใช้กัน ซึ่งพระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) ก็มีส่วนช่วยในการร่างรัฐธรรมนูญด้วย โดยรัฐธรรมนูญที่พระยากัลยาณไมตรี ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) ร่างนั้นมีเพียง ๑๒ มาตรา เรียกว่าเป็น “Outline of Preliminary Draft” เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๗7.
พระยากัลยาณไมตรี(ดร.ฟรานซิส บี แซร์) from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL
1.2.1. ได้สมรสกับนางสาวเจสซี วูดโรว์ วิลสัน หลังจากภรรยาคนแรกถึงแก่กรรม ก็ได้สมรสอีกครั้งกับนางเอลิซาเบธ อีแวนส์ เกรฟส์
1.3. การศึกษา
1.3.1. จบการศึกษาจากวิทยาลัยวิลเลียมส์ ในปี พ.ศ. ๒๔๕๒
1.3.2. ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี พ.ศ. ๒๔๕๕
1.3.3. ปริญญานิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ในปี พ.ศ. ๒๔๖๑
1.4. ประสบการณ์การทำงาน
1.4.1. เป็นผู้ช่วยอธิการบดีวิทยาลัยวิลเลียมส์ (Williams College) ในปี พ.ศ. ๒๔๕๗ – ๒๔๖๐
1.4.2. เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัย Princeton ในปี พ.ศ. ๒๔๕๖ – ๒๔๖๔
1.4.3. เป็นอาจารย์วิชาการปกครอง ในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ – ๒๔๖๖
1.4.4. เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์และศาสตราจารย์ในวิชากฎหมาย
1.5. วิดิโอ
1.5.1. วิดิโอ
2. การเข้ามาเมืองไทยของพระยากัลยาณไมตรี
2.1. ในปี พ.ศ. ๒๔๖๖ ปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ ดร. ฟรานซิส บี. แซร์ (Dr. Francis Bowes Sayre) ก็ได้เข้ามารับราชการในเมืองไทย เป็นที่ปรึกษาการต่างประเทศ
2.2. ขณะนั้นเมืองไทยกำลังมุ่งที่จะขอแก้ไขสนธิสัญญาทางพระราชไมตรีที่ประเทศไทยเคยทำไว้กับนานาประเทศ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอำนาจศาล และการภาษีอากร ซึ่งประเทศไทยเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ จนสามารถดำเนินการแก้ไขสนธิสัญญาสำเร็จกับประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศฝรั่งเศส ประเทศอิตาลี ประเทศฮอล์แลนด์ ประเทศเบลเยี่ยม ประเทศเดนมาร์ก ประเทศนอร์เวย์ ประเทศสวีเดน ประเทศสเปน และประเทศโปรตุเกสได้สำเร็จ
3. เรื่องน่ารู้
3.1. พระราชทานบรรดาศักดิ์
3.1.1. ดร.ฟรานซิส บี. แซร์ เป็นชาวตะวันตกคนที่ ๒ ที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระยากัลยาณไมตรีชาวตะวันตกคนแรกที่เป็นพระยากัลยาณไมตรี
3.2. โดยใน พ.ศ. ๒๔๔๖ - ๒๔๕๑ เป็นผู้ช่วยที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน หลังจากนั้นเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดินจนถึง พ.ศ. ๒๔๕๘ จึงกราบถวายบังคมลาออกกลับไปสหรัฐอเมริกา เวสเตนการ์ดได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระยากัลยาณไมตรี เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๔
4. ผลงานที่สำคัญ
4.1. พระยากัลยาณไมตรี ก็มีส่วนช่วยในการร่างรัฐธรรมนูญด้วย โดยรัฐธรรมนูญที่พระยากัลยาณไมตรี ร่างนั้นมีเพียง ๑๒ มาตรา เรียกว่าเป็น “Outline of Preliminary Draft”
4.1.1. มาตรา ๑ ว่าด้วยการยืนยันว่าพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งอำนาจสูงสุดในราชอาณาจักร
4.1.2. มาตรา ๒ - มาตรา ๖ กำหนดให้พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งและถอดถอนนายกรัฐมนตรีซึ่งบริหารราชการแผ่นดินโดยรับผิดชอบต่อพระมหากษัตริย์ โดยให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งรัฐมนตรีและถอดถอนรัฐมนตรี ซึ่งรับผิดชอบในการบริหารกระทรวงต่อนายกรัฐมนตรี เมื่อคณะรัฐมนตรีประชุมปรึกษากันแล้ว นายกรัฐมนตรีต้องนำข้อราชการสำคัญขึ้นกราบบังคมทูล เพื่อขอพระบรมราชวินิจฉัย
พระยากัลยาณไมตรี (ดร. ฟรานซิส บี. แซร์) ชาวอเมริกัน ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษากระทรวงการต่างประเทศของไทยสมัยรัชกาลที่...
Posted by ประวัติศาสตร์น่ารู้ on Sunday, February 25, 2018ระหว่างศาลาว่าการกระทรวงกลาโหมและวังสราญรมย์อันเป็นศาลาว่าการกระทรวงการต่างประเทศเดิม มีถนนอยู่สายหนึ่ง ตั้งนามถนนตามราชทินนามของชาวต่างประเทศผู้มีคุณอย่างมากแก่วงการกฎหมายไทย ถนนนั้นมีนามว่า “ถนนกัลยาณไมตรี” เพื่อเป็นเกียรติแก่ พระยากัลยาณไมตรี (ดร.ฟรานซิส บี. แซร์)
การตั้งนามถนนสายกลางพระนครสายหนึ่งให้เป็นเกียรติแก่ท่านนี้ ไม่ได้มากเกินไปเลยสำหรับสิ่งที่ท่านได้บำเพ็ญไว้แก่ประเทศไทย โดยเฉพาะแก่วงการกฎหมายของไทย เพราะท่านเป็นผู้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเรียกคืนสิทธิสภาพนอกอาณาเขตที่เสียไปในสมัยที่ไทยเผชิญกับลัทธิจักรวรรดินิยมกลับมาได้เป็นผลสำเร็จ
พระยากัลยาณไมตรี มีนามเดิมว่า ฟรานซิส บี.แซร์ เกิดเมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2428 เป็นชาวอเมริกันโดยกำเนิด เป็นบุตรของนายโรเบิร์ต แซร์ และนางมาร์ธา เนวิน บ้านเกิดอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเซาท์เบทเลเฮม รัฐเพนซิลเวเนีย ในชั้นต้นได้รับการศึกษาที่วิทยาลัยวิลเลียมส์ จากนั้นเข้าศึกษาและสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนกฎหมายแห่งมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด และต่อมาก็ได้สำเร็จการศึกษาระดับดุษฎีบัณฑิต เป็นดร.ทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
ดร.ฟรานซิส บี. แซร์ ได้เริ่มทำงานในสายวิชาการ โดยดำรงตำแหน่งผู้ช่วยอธิการบดีวิทยาลัยวิลเลียมส์ ระหว่าง พ.ศ. 2457 ถึง 2460 อธิการบดีมหาวิทยาลัย Princeton ระหว่าง พ.ศ. 2456 ถึง 2464 นอกจากนี้ในเวลาที่ดำรงตำแหน่งบริหารนี้ท่านยังคงเป็นผู้บรรยายวิชาการปกครองและศาสตราจารย์ทางกฎหมายด้วย ด้านชีวิตครอบครัว ดร.แซร์ เข้าพิธีสมรสกับนางสาวเจสซี วูดโรว์ วิลสัน บุตรีของ ฯพณฯ วูดโรว์ วิลสัน ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ที่ทำเนียบขาว เมื่อพุทธศักราช 2456
กระทั่งพุทธศักราช 2466 รัฐบาลสยามในเวลานั้นได้ทาบทามไปยังสหรัฐอเมริกาผ่านทางมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ต้องการหานักกฎหมายชาวต่างประเทศที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาเป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน ท่านได้ปรึกษากับมิชชันนารีที่เคยเข้ามาเผยแผ่ศาสนาในประเทศไทยว่าสภาพสังคมบ้านเมืองและความเป็นอยู่เป็นอย่างไร แล้วในที่สุด ท่านก็ได้ตัดสินใจเดินทางมารับตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่นดินในประเทศไทย
เมื่อท่านเข้ามารับตำแหน่งที่ปรึกษาราชการแผ่นดินนั้น ประเทศสยามเพิ่งเสร็จจากการส่งทหารไปร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ไทยเรียกร้องที่จะยกเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ผูกพันไทยไว้ตั้งแต่สมัยล่าอาณานิคม สำหรับประเทศคู่สัญญาที่เป็นประเทศฝ่ายแพ้สงคราม สนธิสัญญาที่ไทยเสียเปรียบทั้งหลายนั้นก็เป็นอันเลิกไป หากแต่สำหรับประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งเป็นฝ่ายชนะสงครามด้วยกัน การเจรจาเพื่อยกเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกำลังเป็นปัญหาสำคัญ เพราะนอกจากสหรัฐอเมริกาซึ่งยอมยกเลิกสนธิสัญญาโดยง่ายแล้ว ประเทศอื่น ๆ ที่เป็นฝ่ายชนะสงครามด้วยกัน ต่างก็ยังหวงผลประโยชน์ของตนที่ได้จากสนธิสัญญาเดิมอยู่การเจรจาขอยกเลิกสนธิสัญญาจึงเป็นไปอย่างยากลำบาก
ผลงานที่สำคัญของ ดร.ฟรานซิส บี. แซร์ จึงได้แก่การใช้ความรู้ความสามารถเดินทางไปเจรจากับประเทศต่าง ๆ เพื่อยกเลิกสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมกับไทย เนื่องจากในเวลานั้นการคมนาคมยังไม่สะดวกเช่นในปัจจุบันจึงทำให้การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบากและใช้เวลานาน ประเทศที่ ดร.แซร์ เดินทางไปเจรจามีตัวอย่างเช่น ประเทศฝรั่งเศส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี โปรตุเกส สเปน เดนมาร์ก นอร์เวย์ และสวีเดน
โดยความสามารถของท่าน ทำให้ท่านสามารถเจรจาขอยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตกับประเทศต่าง ๆ ได้รวมถึง 11 ประเทศ ซึ่งนับว่าเป็นการทำให้ไทยได้รับเอกราชทางการศาลกลับคืนมาเป็นส่วนใหญ่ นับได้ว่าเป็นคุณานุคุณอย่างยิ่งแก่ประเทศไทยและวงการกฎหมายไทย
กระทั่งพุทธศักราช 2468 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า ดร.แซร์ มีผลการรับราชการสนองพระเดชพระคุณเป็นอย่างดี สามารถช่วยเหลือประเทศไทยได้เป็นอันมาก จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระยากัลยาณไมตรี” ถือศักดินา 1000 มีตำแหน่งราชการอยู่ในกระทรวงต่างประเทศตามประเพณี
แม้ว่าต่อมาท่านเจ้าคุณจะได้ถวายบังคมลาออกจากราชการกลับไปยังสหรัฐอเมริกา และได้รับตำแหน่งอันสูงต่าง ๆ ในรัฐการของสหรัฐอเมริกา หากแต่ท่านก็ยังช่วยเหลือประเทศไทยอยู่ โดยดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนประเทศสยามประจำศาลอนุญาโตตุลาการณ กรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมื่อพุทธศักราช 2472
ในช่วงบั้นปลายแห่งชีวิต ท่านเจ้าคุณยังได้เดินทางกลับมาเยี่ยมประเทศไทยอีกสองครั้ง คือเมื่อพุทธศักราช 2496 ในครั้งนี้ได้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ชั้นที่ 1 แก่ท่านเจ้าคุณเป็นบำเหน็จความชอบแต่หนหลังด้วย และครั้งที่ 2 เมื่อพุทธศักราช 2505 ครั้งนี้ท่านได้บริจาคเงินสร้างสิ่งสาธารณประโยชน์ไว้ในประเทศไทยหลายอย่าง แสดงถึงความผูกพันของท่านกับประเทศไทย หลังจากการกลับมาเยี่ยมประเทศไทยครั้งนี้แล้วท่านก็ไม่ได้กลับมาเยือนประเทศไทยอีกเลย