ถอดความ หมาย กาพย์ห่อโคลง ประพาส ธาร ทองแดง บท ที่ 8

     ให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติ ผู้อ่านจะได้รู้จักพืช-สัตว์นานาชนิด ทั้งที่คุ้นตาและแปลกตา ทั้งที่ปรากฏในอดีตและปัจจุบัน ในขณะเดียวกันก็จะได้ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำของกวีที่สามารถเลือกสรรคำที่เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้กรัจ่างชัด สื่อจินตภาพการเคลื่อนไหว สีและเสียง ตลอดจนการเล่นเสียงคำอย่างไพเราะ ทำให้การเสนอภาพธรรมชาติดังกล่าวมีชีวิตชีวา น่าสนใจ แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้ววรรณคดีไม่ใช่เรื่องที่อ่านยาก เข้าใจยาก หรือน่าเบื่อ

 ���ͷ���ͧ���    ��Ѻ�ͧ�������

�͡�������µ�     ������Ҵ����ҹ��

��������ٹ��     ������Ф�áѺ�Ҥ�

����š�����»�       ����������¹�������

�Ժ��������ó������      ��͹��ѧ�ء�����

����´�ҧ��ѧ�      ����ͪԴ��Ѻ��Ѻ��ѹ

��ͧ�ͧ�ͺ������     ����Թ���§�ӴѺ�ѹ

�٧�˭������Ӥѭ     �����硵�����¸�����

����������֡    �ٺ����֡��͹����

��ǧ���ǡ������    �ҡ���㹽�����

�����Թ�Ҵ�    �ѧ�Ҵ������й����

����觢ͧ��駤��    ���Դ��觪еҵ�  

��������������ͧ    ����¤������Ф�

�áѹ�մ��¡�    �Թ��ź�з����

����˭�٪Ѵ��   ��մ��ҧ����ش����

�������ҡ��Ш��    �Ң��ҧ�Ѵ�ҢѴ��

�ѧ����ա�����Ժ   ��Ҵ�������ش�

������㨨�����   ŧ�Դ���������͵��

ʹ����������觹ѡ   ����¹�觨֧�������

�ǧ�����ҡ���   �ǧ���Ե��������

���Ǫ���ª�����   ���ͺ�ŧ����繢ͧ��

�����͹��������   ����ê���ҷء���

����ͷ���ͧ���    �����ҡ�����鹺ѭ��

��й����ԭ�ҳ�   �Ӫ��Ե�ԪԵ���  #���������˹��¹Ф�

            เมื่อเราได้ศึกษากาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงแล้ว จะเห็นได้ว่ากาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดงมีคุณค่าและความจรรโลงใจให้กับผู้อ่านได้มากมาย ทั้งยังทำให้ผู้อ่านมีความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณต่าง ๆ สัตว์นานาชนิด ในขณะเดียวกันก็จะได้ศึกษาวิธีการใช้ถ้อยคำของกวีที่สามารถเลือกสรรคำที่เข้าใจง่าย สื่อความหมายได้อย่างชัดเจนอีกด้วย และยังทำให้เห็นว่าวรรณคดีไม่ใช่เรื่องที่อ่านยาก เข้าใจยาก หรือน่าเบื่อแต่อย่างใด

Satoshi
ถอดความ หมาย กาพย์ห่อโคลง ประพาส ธาร ทองแดง บท ที่ 8

« ตอบ #1 เมื่อ: 05 มกราคม 2009, 11:45:PM »

ถอดความ หมาย กาพย์ห่อโคลง ประพาส ธาร ทองแดง บท ที่ 8
ชุมชน

๖ พังพลายหมู่หลายซร้อง    ในเถื่อนท้องร้องระงมดง
 ธารน้ำคร่ำกันลง    เล่นน้ำแน่นแตร้นชมกัน ฯ
 โขลงช้างซึ่งมีทั้งช้างพลาย(ช้างตัวผู้)และช้างพัง(ช้างตัวเมีย)มีอยู่ในป่า(เถื่อน) ส่งเสียงร้องและพากันเล่นน้ำในลำธาร

ฝูงช้างสล้างใหญ่น้อย      พังทลาย
 ทอกโทนพินายหลาย     ส่ำถ้วน
ทองแดงเผือกเนียมราย      ในเหล่า
 ลงท่าน้ำดำป้วน     เล่นร้องฮูมแปร๋น ฯ
โขลงช้างมีทั้งช้างพลายและช้างพังซึ่งมีขนาดแตกต่างกันไปทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก มีทั้งจ่าฝูง(ทอก) ช้างโทน (ช้างที่ชอบหากินตัวเดียว มักมีนิสัยดุร้าย) ช้างพินาย(ช้างที่ลักษณะไม่เป็นมงคล หรือ ทุรลักษณ์ในอัคนิพงศ์ (พระอัคนีเป็นผู้สร้าง) ตระกูลหนึ่งใน 80 ตระกูล ซึ่งตามตำราคชลักษณ์ ระบุว่ามี มีงาซ้ายข้างเดียว) ช้างทองแดง (น่าจะหมายถึง ตามพหัตถี 1 ในตระกูลช้างมงคลทั้ง 10 ซึ่งมีผิวกายสีทองแดง) ช้างเผือก(ช้างมงคล ซึ่งมีผิวกายสีผิดปกติ) ช้างเนียม (ช้างมงคลซึ่งมีงานสั้นไม่งอกยาวแม้จะโตเต็มวัย) ซึ่งบรรดาช้างเหล่านั้นได้เล่งเล่นน้ำในลำธารและส่งเสียงร้องอยู่

๗ กระบือโคโขล่ร้องเที่ยว     เขาเสี้ยมเสี้ยวเสียวใจหาย
 ลมเหล้าอาหารชาย     ป่าริมทุ่มวุ้งวงเขา ฯ
 ฝูงควายป่าและฝูงวัวป่าหากินอยู่ชายทุ่งเชิงเขา บางตัวกำลังเอาเขาเสี้ยมหรือชนกันซึ่งดูแล้วน่าใจหาย
กระบือโคโขล่ร้องเที่ยว     เหลือหลาย
 เขาเซี่ยมเสียวใจหาย    ขาดขว้ำ
 เลมเหล้าอาหารชาย     ริมป่า
 ลงล่องท่องท้องน้ำ     ปลักแฉ้กลางตม ฯ
ฝูงวัวและความป่าส่งเสียงร้องอยู่เป็นจำนวนมาก บางตัวกำลังชนกันดูน่าใจหาย บ้างมาเล็มกินหญ้าที่ชายป่า บ้างก็ลงเดินในน้ำน้ำ บ้างก็ลงแช่ปลักโคลน (นิสัยของควาย)

๘ กวางทรายร่ายกินหญ้า      สุกรป่าพาพวกจร’
สุนัขในไล่เห่าหอน      ตามเป็นหมู่พรูเพรียกเสียง ฯ
กวาง เนื้อทราย กำลังกินหญ้า หมูป่ามากันหลายตัว ฝูงมาในพากันเห่าหอนเรียกกันในฝูง

กวางทรายร่ายเสพย์หญ้า      ดงดอน
หมูป่าพาเพื่อนจร      ลูกล้อม
 สุนัขจิ้งจอกหอน     หลายเหล่า
เป็นหมู่พรูเพรียกห้อม     เห่าอื้ออึงเสียง ฯ
กวางและเนื้อทรายมากินหญ้า โดยมีฝูงหมู่ป่าซึ่งมีลูกห้อมล้อมอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีฝูงสุนัขจิ้งจอกที่เฝ้าเห่าหอนหากันอยู่ในฝูง

๙ กระทิงวิ่งทั้งคู่    ล่ำเติบตรูดูกำยำ
 หน้าด่อนท่อนตัวดำ    เขาเข้าวงก่งรอมงาม ฯ
 กระทิงสองตัววิ่งมา ดูตัวใหญ่กำยำ บริเวณหน้านั้นมีสีขาว (หน้าด่อน) ส่วนลำตัวนั้นมีสีดำ มีเขาที่โค้งเป็นวงสวยงาม)
 กระทิงวิ่งทั้งคู่      ขันขำ
 ล่ำเติบดูกำยำ     โป่งป้อม
 หน้าด่อนท่อนตัวดำ     แรงเลิศ
 เขาเค่าวงก่งง้อม     แปล่มเสี้ยมรอมงาม ฯ
 กระทิ้งทั้งสองตัวที่วิ่งมาดูน่าขบขัน ร่างกายนั้นดูกำยำ มีบริเวณหน้าสีขาว ส่วนตัวนั้นเป็นสีดำ มีเขาที่โค้งงาม

๑๐ มีหมีพลีดำขลับ    ขึ้นไม้ผับฉับไวถึง
 เรี่ยวแรงแขงขังขึง     กัดโพรงไม้ได้ผึ้งกิน ฯ
 หมีดำ ตัวใหญ่(พลี-พี ที่หมายความว่า อ้วน, ใหญ่) ขึ้นต้นไม้อย่างฉับไว แข็งแรง กัดโพรงต้นไม้เพื่อกินผึ้ง

 มีหมีดำขลับหน้า     เป็นมัน
ขึ้นไม้ผับฉับพลัน      ขบขึ้ง
เรี่ยวแรงแขงข้างขยัน      สามารถ
 กัดฉีกไม่ได้ผึ้ง     คาบเคี้ยวพลางหวาน ฯ
หมีดำหน้าเป็นมัน ขึ้นต้นไม้อย่างรวดเร็วด้วยความแข็งแรง สามารถที่จะกินน้ำหวานจากรังผึ้งได้ โดยไม่โดนผึ้งต่อย(กัดฉีกไม่ได้ผึ้ง)