ค่า แป๊ะ เจี๊ ยะ สัญญาเช่า

“แป๊ะเจี๊ยะ” เป็นภาษาปากคำยืมจากภาษาแต้จิ๋ว แปลว่า “เงินกินเปล่า” คำนี้มักจะเป็นที่คุ้นเคยกันในวงการศึกษา เนื่องจากมักจะมีข่าวดังหลายระลอกออกมาถึงกรณีโรงเรียนดี ๆ ดัง ๆ มักจะเรียก “แป๊ะเจี๊ยะ” จากผู้ปกครองที่ยื่นซองประมูลเก้าอี้ในห้องเรียนโรงเรียนชั้นนำให้กับลูก ๆ  มีหลายคนแก้ต่างให้กับระบบแป๊ะเจี๊ยะว่า “ก็มันเป็นความสมยอม ไม่มีใครเสียหายอะไรนิ” แต่ข้ออ้างดังกล่าวมิได้พิจารณาบนฐานที่ว่า การศึกษาเป็นสวัสดิการสังคมขั้นพื้นฐานที่ประชาชนควรได้รับอย่างเท่าเทียม การรักษาระบบแป๊ะเจี๊ยะไว้ในแวดวงการศึกษาจึงเป็นการรักษาความได้เปรียบทางสังคมให้กับคนที่มีกำลังจ่าย เพื่อแลกกับผลประโยชน์เป็นตัวเงิน ต่อให้คนให้เต็มใจให้ และคนรับเต็มใจรับ ทั้งสองฝ่ายอาจไม่เสียหายก็จริง แต่สังคมโดยรวมย่อมเสียหาย ถึงอย่างนั้น การประมูลเรียกแป๊ะเจี๊ยะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องเสียหายไปทั้งหมด ข้อดีสำคัญของแป๊ะเจี๊ยะก็คือ การช่วยให้เจ้าของทรัพย์สินแสวงหาประโยชน์สูงสุดในตลาดทุนนิยมเท่าที่สภาวะตลาดในขณะนั้นอำนวย กล่าวคือ หากทรัพย์สินนั้นเป็นที่ต้องการสูงคนย่อมเสนอราคาที่สูง แต่หากตลาดซบเซาเจ้าของทรัพย์ก็ยังสามารถหาประโยชน์จากทรัพย์นั้นได้สูงสุดเท่าที่ตลาดจะสนองได้  เช่นในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ที่การเรียก “แป๊ะเจี๊ยะ” ยังเป็นธรรมเนียมที่แพร่หลาย และมีหลักฐานเก่าแก่อย่างน้อยถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยตัวอย่างสำคัญก็คือ ระบบประมูลเช่าที่ดินของ “พระคลังข้างที่”  ในวิทยานิพนธ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ของ ชลลดา วัฒนศิริ เรื่อง พระคลังข้างที่กับการลงทุนธุรกิจในประเทศ พ.ศ. 2433-2475 ได้กล่าวถึงระบบการหาผู้เช่าที่ดินของพระคลังข้างที่เอาไว้ว่า  "วิธีการประมูลค่าเช่านี้เริ่มปรากฏมาตั้งแต่ช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 สำหรับกรณีที่มีผู้เช่าหลายรายต้องการเช่าตึกแถวของพระคลังข้างที่พร้อมกัน พระคลังข้างที่จะใช้วิธีให้ผู้ต้องการเช่าเหล่านี้ประมูลเสนอเงินกินเปล่า หรือที่เรียกกันว่า 'แป๊ะเจี๊ยะ' แข่งกัน ผู้ที่ประมูลเงินกินเปล่าสูงสุดจะได้รับอนุญาตให้เช่าสถานที่นั้น ระยะเวลาตามที่กำหนดในสัญญา วิธีการประมูลสมัยนั้นใช้วิธีประมูลด้วยวาจาในที่สาธารณชน เมื่อพนักงานเคาะไม้เป็นอันตกลงว่าผู้นั้นเป็นผู้ประมูลสูงสุด และได้เป็นผู้เช่าต่อไป" ชลลดากล่าวต่อไปว่า "วิธีการประมูลแป๊ะเจี๊ยะแข่งกันในกรณีที่มีผู้ต้องการเช่าเหมาตึกจำนวนมากเช่นนี้เป็นทางเพิ่มผลประโยชน์รายได้ให้พระคลังข้างที่จำนวนมาก โดยไม่รวมถึงค่าเช่ารายเดือนที่ได้รับต่างหาก จนบางครั้งมีหนังสือพิมพ์วิจารณ์ว่าเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้พระคลังข้างที่หาวิธีที่จะให้มีการประมูลบ่อย ๆ โดยทำสัญญาเช่ากำหนดช่วงเวลาให้สั้นลง  “นอกจากนี้ ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นตามมาจากผลของการประมูลคือ ผู้ที่ประมูลได้นำตึกแถวหรือห้องเช่าไปแบ่งให้มีผู้เช่าช่วงเพื่อเอากำไรต่อ และเรียกเก็บเงินกินเปล่าจากผู้เช่ารายย่อยอีกครั้งหนึ่งทำให้ผู้เช่าหลายรายได้รับความเดือดร้อนมาก เพราะส่วนใหญ่แล้วผู้เช่ารายย่อยเป็นพ่อค้าที่ค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ พอมีพอกินเท่านั้น ไม่สามารถไปประมูลแข่งกับพ่อค้ารายใหญ่ได้ จึงต้องใช้วิธีเช่าช่วงต่อจากพ่อค้ารายใหญ่เหล่านี้" แม้จะมีการประมูลอย่าง “โปร่งใส” แต่จะเห็นว่า ระบบแป๊ะเจี๊ยะสมัยนั้นก็ออกจะคุ้มครองประโยชน์ให้กับเจ้าที่ดินกับคนกลางเป็นหลัก ส่วนผู้ที่อยู่ระดับล่างสุดซึ่งเป็นผู้ที่ต้องดิ้นรนทำให้ที่ดินตรงนั้นงอกเงยผลประโยชน์ขึ้นมาก็ถูกรีดผลประโยชน์สูงสุด เมื่อคนกลางพร้อมที่จะประมูลในราคาสูง เพราะรู้ว่าตัวเองยังสามารถนำไปหาประโยชน์ต่อได้อย่างแน่นอน และการที่พระคลังข้างที่กำหนดว่าผู้เช่าจะต้องจ่ายแป๊ะเจี๊ยะทุกครั้งที่ทำสัญญาก็เกิดปัญหาเมื่อคนกลางเกิดผิดสัญญา  เช่นในสมัยรัชกาลที่ 6 คนกลางที่ชื่อว่า “ยู่กิม” ได้ประมูลเช่าห้องแถวด้วยเงินแป๊ะเจี๊ยะ 5,000 บาท กับค่าเช่าเดือนละ 171 บาท ทำสัญญา 1 ปี เขาได้นำไปปล่อยเช่าต่อ พร้อมเรียกเก็บเงินแป๊ะเจี๊ยะอีกทอดด้วยราคาห้องละ 700-1,300 บาท ค่าเช่าอีกเดือนละ 12-15 บาทต่อห้อง ปรากฏว่า ยู่กิมเกิดผิดสัญญาขึ้นมา พระคลังข้างที่จึงเรียกตึกคืนทั้งหมดแล้วนำไปประมูลใหม่ ขณะที่ผู้เช่าช่วงจ่าย “แป๊ะเจี๊ยะ” ให้กับยู่กิมไปก่อนแล้ว ผู้เช่าจึงพากันร้องเรียนว่าการประมูลใหม่จะทำให้พวกเขาเสียหายหลายซ้อน สุดท้ายพระคลังข้างที่จึงหาทางออกด้วยการยกเลิกการประมูล แต่เรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะจากผู้เช่าในอัตราห้องละ 100-400 บาทแทน  ซึ่งก็แปลว่า ถึงอย่างไรผู้เช่าลำดับสุดท้ายก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ดี ชลลดากล่าวว่า “ปัญหาดังกล่าวได้มีผู้ร้องเรียนอยู่เนือง ๆ โดยเฉพาะช่วงสมัยรัชกาลที่ 6 และ รัชกาลที่ 7 และเจ้าหน้าที่พระคลังข้างที่ก็มักตอบเพื่อเลี่ยงการแก้ปัญหาเสมอ เช่น ว่า ถ้าแพงก็ไม่ต้องเช่าเพราะมิได้บังคับเป็นความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย" ต่อมา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระราชดำริไม่ประสงค์ให้เกิดปัญหาเหล่านี้อีก โดยมีพระราชหัตถเลขาตอนหนึ่งว่า "...ในการที่ยอมให้ผู้อื่นไปให้เช่าช่วงขูดเลือดเช่นนี้ ฉันไม่อยากให้มีเสียงอย่างนี้เลย เวลานี้การให้เช่าช่วงตึกของพระคลังข้างที่ ก็ออกจะเอิกเกริกอื้อฉาวเงินงามอยู่แล้ว..."  ทางแก้ไขในตอนนั้นก็คือ ให้ผู้เช่าเหมาทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะไม่นำไปให้เช่าช่วงโดยเรียกเก็บแป๊ะเจี๊ยะซ้ำอีก โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพระคลังข้างที่ ปัญหาดังกล่าวจึงพอทุเลาลงไปบ้าง ทั้งนี้ คำว่าแป๊ะเจี๊ยะนั้น ตามธรรมเนียมจีนอาจจะต่างจากธรรมเนียมไทย ตรงที่ฝ่ายไทยนำมาใช้ในการเรียกกระบวนการหาผลประโยชน์สูงสุดตามระบบทุนนิยม แต่ทางธรรมเนียมจีน แป๊ะเจี๊ยะเป็นเรื่องของ “มารยาท” มากกว่า  "คนจีนมีวัฒนธรรมว่า ไปหาใครต้องเอาของไปให้" ผศ. ดร. ถาวร สิกขโกศล ผู้เชี่ยวชาญธรรมเนียมจีนกล่าวกับ Thai PBS ก่อนเสริมว่า "อย่างคนจะไปค้าขายที่ไหนเขาก็จะต้องเอาของไปกำนัลไปเป็นค่าน้ำร้อนน้ำชาของผู้มีอิทธิพล” “มันเกิดจากผู้ให้สมัครใจเองโดยผู้รับไม่ได้เรียกร้อง" ถาวรกล่าว ด้วยเหตุนี้ “การเรียกแป๊ะเจี๊ยะ” ในสังคมไทยจึงต่างจากธรรมเนียมจีน (ตามที่ถาวรอ้างถึง) เนื่องจากผู้ประกอบธุรกิจของไทย “เรียกร้อง” แป๊ะเจี๊ยะ เพื่อให้ผลประโยชน์อื่นใดเป็นการต่างตอบแทน ต่อให้ทั้งสองฝ่ายสมัครใจ แต่ฝ่ายหนึ่งเป็นผู้เรียกร้อง ซึ่งหากอีกฝ่ายไม่ทำตามก็ย่อมไม่ได้รับการสนองประโยชน์ สำหรับ "พระคลังข้างที่" นั้นมีรากประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่ยาวนานนับร้อยปี แต่เพิ่งมีการปฏิรูปตั้งขึ้นเป็นกรมตามพระราชบัญญัติเมื่อสมัยรัชกาลที่ 5 มีใจความสำคัญในกฎหมายดังกล่าวบางตอนว่า "...เพื่อทำหน้าที่ดูแลจัดการพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ทั้งในด้านของการเบิกจ่าย การจัดการหาผลประโยชน์รายได้เพื่อเพิ่มพระราชทรัพย์ และจัดการนำส่งกระทรวงพระคลังสมบัติ...บรรดาเงินภาษีอากรต่าง ๆ ซึ่งแบ่งเป็นเงินงวด และเงินพระคลังข้างที่ทั้งปวงให้บวกเป็นเงินแผ่นดินอย่างเดียวกันทั้งสิ้น และเงินแผ่นดินปีหนึ่งได้รับเท่าใด ให้หักเป็นเงินส่วนพระคลังข้างที่ ร้อยละ 15" สมัยรัชกาลที่ 5 จึงเป็นสมัยแรกที่มีการแยกเงินแผ่นดินกับพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ซึ่งพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ก็ยังได้รับแบ่งจากเงินแผ่นดินในอัตราที่สูง การตั้งกรมพระคลังข้างที่ยังช่วยส่งเสริมให้พระราชทรัพย์งอกเงยตามสภาพเศรษฐกิจ  พระคลังข้างที่จึงอยู่ในฐานะผู้ลงทุนรายใหญ่ที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นเจ้าของเงินทุนสำหรับให้กู้ที่สำคัญในยุคที่ธนาคารพาณิชย์ยังเพิ่งตั้งตัว มีการลงทุนในหลายด้าน และด้วยอำนาจรัฐเอื้ออำนวย จึงสามารถจับจองพื้นที่ได้ก่อนเมื่อมีโครงการตัดถนนใหม่ ๆ และยังมีการเวนคืนที่ดินจากหน่วยงานราชการมาอยู่กับพระคลังข้างที่ได้ตามพระราชประสงค์ (มีพระราชหัตถเลขาของรัชกาลที่ 5 ให้เหตุผลตอนหนึ่งว่า "...เมื่อที่ตกเปนเหลวงฉนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็มีอำนาจที่จะยกให้แก่ผู้ใดผู้หนึ่งเปนสิทธิ์ขาดได้ตามพระราชประเพณีซึ่งเปนพระบรมราชานุภาพแห่งพระเจ้าแผ่นดินอันเปนอยู่ในกาลบัดนี้”) จึงทำให้พระคลังข้างที่มีที่ดินมูลค่าสูงมากมายสืบมา

ค่าแปะเจี๊ยะคืออะไร

(ภาษาปาก) เงินกินเปล่า โรงเรียนนี้เก็บแป๊ะเจี๊ยะแพงมาก (ภาษาปาก) เงินใต้โต๊ะ, ค่าน้ำร้อนน้ำชา, สินบน

ค่าเช่าที่ คิดยังไง

1) นำราคาค่าเช่าบ้านต่อเดือน ÷ ขนาดพื้นที่ใช้สอย (35,000 ÷ 150 = 233 บาท) จะได้ราคาค่าเช่าบ้านอยู่ที่ 233 บาท/ตารางเมตร 2) นำราคาค่าเช่าต่อตารางเมตรที่ได้ มาคำนวณกับขนาดของพื้นที่ใช้สอย โดยใช้สูตร ราคาค่าเช่าต่อตารางเมตร x ขนาดของพื้นที่ห้อง (233 x 150 = 34,950 บาท) จะได้ราคาค่าเช่าบ้านเริ่มต้นที่ 34,950 บาท/เดือน

ค่าตอบแทนสิทธิการเช่า คืออะไร

1. ค่าสิทธิการเช่า หรือต้นทุนเพื่อการได้มาซึ่งสิทธิการเช่า หมายรวมถึง เงินแป๊ะเจี๊ยะ เงินกินเปล่า เงินช่วยค่าก่อสร้าง ค่าหน้าดิน ที่ผู้เช่าได้จ่ายเป็นก้อนให้แก่ผู้เช่า เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิการเช่าระยะยาว รวมทั้ง ค่าก่อสร้างอาคารแล้วยกให้แก่ผู้ให้เช่าเพื่อการได้สิทธิการเช่าตอบแทนระยะยาวด้วย

ค่าหน้าดิน คืออะไร

น. เงินกินเปล่าที่เจ้าของที่ดินเรียกจากผู้เช่าเป็นต้น เพื่อเป็นค่าตอบแทนการใช้ที่ดิน.

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้