เข้าใจผู้ที่เป็นหนี้ทุกท่านเลยนะครับ เพราะปัญหา โควิด, เศรษฐกิจ
และการบริหารบ้านเมืองแบบน่าเหนื่อยจิต มันฉุดทุกอย่างให้แย่ลง
แต่ไม่เป็นไรครับ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แม้อาจจะไม่ถึงขั้นกับแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
แต่ก็ผ่อนหนักเป็นเบาได้
ลูกหนี้ทุกท่านที่เริ่มไม่ไหว ยันเครดิตพังไปแล้ว และถึงขึ้นต้องถูกบังคับคดี
ยังพอมีหนทางผ่อนหนักเป็นเบาได้ครับ
หากตามคอลัมน์นี้มาตลอด ท่านคงเห็นผมแชร์โครงการต่าง ๆ จากแบงก์ชาติ
ที่ช่วยเหลือเยียวยาหนี้ให้ประชาชน ซึ่งหลายโครงการก็หมดโปรไปแล้ว
แต่ก็เอาเถอะ ยังมีวิธีการทั่วไป ตามสิทธิของลูกหนี้ให้พึงใช้อยู่ เพื่อขอไกล่เกลี่ยหนี้ ดังนี้
1. "ทางด่วนแก้หนี้" สำหรับท่านที่เริ่มจ่ายหนี้ไม่ไหว แต่ยังไม่เป็นหนี้เสีย
ให้ไปขอเข้าร่วมเลย เพราะเป็นหน่วยงานกลางจากแบงก์ชาติ ที่จะช่วยไกล่เกลี่ยหนี้ให้ท่าน
ให้ทุกคนเดินหน้าต่อไปได้ แบบต้นทุนต่ำที่สุด ซึ่งกว่า 1 ปีที่ผ่านมาช่วยเหลือได้มากกว่า 70%
ผู้สนใจโทร 1213 ได้เลย หรือเว็บไซต์ www.1213.or.th
2."ศูนย์ไกล่เกลี่ยหนี้ ของศาลยุติธรรม" อันนี้สำหรับลูกหนี้ที่เริ่มหยุดจ่ายแล้ว
และเจ้าหนี้ตามทวงยิก ๆ แต่ยังไม่ฟ้องดำเนินคดี ลูกหนี้มีสิทธิไกล่เกลี่ยหนี้ก่อนถูกฟ้องได้
โดยหากเจรจาตกลงหาจุดเหมาะสมระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ได้แล้ว
จะมีการบันทึกข้อตกลง หรือ คำพิพากษาตามยอม ใหม่สำหรับการชำระหนี้ต่อไป
ส่วนช่องทางการติดต่อมี 2 หน่วยงาน คือ "ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท สำนักงานศาลยุติธรรม"
โทร 025128498 ต่อ 2618 หรือ //mediation.coj.go.th อีกช่องทางคือ
"กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม" ติดต่อได้ที่สำนักงานศาลยุติธรรมจังหวัดทั่วประเทศ
หรือโทร 1111 ต่อ 77 รวมถึงช่องทางเว็บไซต์ //emediation.rlpd.go.th/
3."ไกล่เกลี่ยในชั้นศาล" กรณีนี้คือถูกฟ้องไปแล้ว เราก็ยังสามารถขอให้ศาลเป็นผู้ไกล่เกลี่ยได้
โดยจะมีบุคคลที่ขึ้นทะเบียนผู้ไกล่เกลี่ยของศาลมาเป็นคนกลางให้ และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย
และหากตกลงกันได้ ศาลจะออกเป็น "คำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ"
และกำหนดการชำระหนี้ใหม่ หากชำระเสร็จสิ้น ก็จะถอนฟ้อง ดังนั้นเมื่อถูกฟ้องแล้ว
มีหมายศาลแล้ว เราก็ยังขอเจรจาไกล่เกลี่ยที่ศาลได้นะครับ
แต่ถ้ามาถึงขั้นนี้แล้วยังจ่ายไม่ไหว เจ้าหนี้สามารถนำเรื่องไปออกหมายบังคับคดีได้เลย
ไม่ต้องฟ้องใหม่ เพราะถือว่ามีคำพิพากษาแล้ว ดังนั้นเวลาเจรจาต้องเอาที่เราไหวจริงๆ
ไม่ใช่พูดไปก่อนเรื่อยเปื่อย และหากไกล่เกลี่ยได้ตามต้องการ ก็ควรมีวินัยในการใช้หนี้เด้อ
4."ไกล่เกลี่ยก่อนบังคับคดี" ขั้นนี้คือ ศาลพิพากษาแล้ว แต่ยังไม่บังคับคดี
ลูกหนี้ก็มีสิทธิขอไกล่เกลี่้ยได้อีกครั้ง โดยไปที่ศาลหรือศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี
หากตกลงกันได้ก็บันทึกข้อตกลง แล้วชำระกันไปจนกว่าจะหมดหนี้
5."ไกล่เกลี่ยหลังบังคับคดี" ใช่ครับ ! แม้จะถูกบังคับคดีแล้ว ก็ยังสามารถขอไกล่เกลี่ยได้
โดยยื่นเรื่องที่ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรมบังคับคดี นั่นแหล่ะ โทร 1111 กด 79
หรือไปที่สำนักงานได้ทุกแห่ง ขั้นตอนนี้เพื่อเลี่ยงการถูกอายัดทรัพย์ เป็นการยื้อขั้นสุดท้าย
และเมื่อตกลงกันได้ ก็จะมีหมายงดการอายัดทรัพย์และขายทอดตลาด
เห็นไหมครับว่ายังมีวิธีการไกล่เกลี่ยหนี้ตามสิทธิพื้นฐานตั้ง 5 ขั้น ดังนั้นอย่าละเลย
รีบไปเจรจา อย่ารีบชิง ไม่มี หนี และไม่จ่าย เพราะสุดท้ายเป็นหนี้ยังไงก็ต้องใช้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อ้อ...ระหว่างที่เคลียร์หนี้เก่า ก็อย่าริไปสร้างหนี้่ใหม่เด้อ โดยเฉพาะนอกระบบเขาไม่ใจดีให้ไกล่เกลี่ยง่าย ๆ แน่นอน
ด้วยความห่วงไย หนึ่งเอง หนึ่งไง จะใครล่ะ ^^
“การบังคับคดี”
กรมบังคับคดีมีภารกิจในการให้บริการด้านการบังคับคดีแพ่ง คดีล้มละลาย การฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ การชำระบัญชี การวางทรัพย์ และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะมีความเกี่ยวข้องกับประชาชนทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงมีความจำเป็นที่จะต้องให้ประชาชนได้เข้าใจในสิทธิของตนเองด้านการบังคับคดี ทั้งความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายด้านการบังคับคดีและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และเข้าถึงบริการต่างๆของกรมบังคับคดี โดยกรมบังคับคดีมีบริการด้านต่างๆ ดังนี้
บริการด้านการสร้างการรับรู้
- การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายกู้ยืม ค้ำประกัน จำนำ จำนอง ขายฝาก วางทรัพย์ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน
- การให้ความรู้เรื่องการเสริมสร้างสุขภาพทางการเงิน
- การให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมายด้านการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
- กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรมบังคับคดี เช่น พระราชบัญญัติประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง พระราชบัญญัติล้มละลาย ฯลฯ
บริการด้านการให้ความช่วยเหลือ
- การให้คำปรึกษากฎหมายด้านการบังคับคดี และธุรกิจ SMEs
- การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี กลุ่มเปราะบาง ได้แก่ หนี้ครัวเรือน หนี้รายย่อย หนี้บัตรเครดิต หนี้ SMEs หนี้ กยศ. และหนี้เกษตรกร
- การจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs (SME Support & Rescue Center)
บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
- LED Property Application ระบบค้นหาทรัพย์ขายทอดตลาด
- LED Property Plus Application ระบบค้นหาทรัพย์ขายทอดตลาดแนวเขตรถไฟฟ้า
- ระบบการตรวจสอบข้อมูลการอายัดเงินในคดี (LED Debt Info Mobile Application)
- ระบบการตรวจสอบบุคคลล้มละลาย (LED ABC Application Bankruptcy Checking Application)
- ระบบการประมูลขายทอดตลาดทรัพย์ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Offering Auction)
- ระบบยื่นคำร้องผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Filling)
- ระบบการจ่ายเงินให้คู่ความและผู้มีส่วนได้เสียทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-payment)
- ระบบการวางเงินประกันด้วยบัตรเดบิต/เครดิต (EDC payment)
- ระบบนัดล่วงหน้า
- ระบบการถ่ายทอดสดการขายทอดตลาด (App LED Live Streaming)
- บริการข้อมูลข่าวสารผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยการสแกน QR Code
- การสร้างฐานข้อมูลลูกหนี้ล้มละลาย
- การเผยแพร่รายชื่อบุคคลล้มละลายเพื่อป้องกันการทำธุรกรรมต่างๆ
บริการด้านอำนวยความยุติธรรมลดความเหลื่อมล้ำ
- การเร่งรัดผลักดันทรัพย์สินออกจากระบบการบังคับคดี ได้แก่ การขายทอดตลาดวันเสาร์ มหกรรมการขายทอดตลาด การค้นหาทรัพย์ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สิน และรายงานผลการขายทอดตลาดทรัพย์สิน
- การบังคับโทษปรับคดียาเสพติด (Fast Track)
- การพัฒนาปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กฎ ระเบียบ และคำสั่งด้านการบังคับคดี
การบูรณาการกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน
- การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน
- กรมบังคับคดี ได้บูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงการคลัง สำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อร่วมแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการและยั่งยืน ในมิติที่ 3 การลดภาระหนี้นอกระบบด้วยการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้ โดยกรมบังคับคดีได้กำกับติดตามให้ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดีทั่วประเทศ ที่เป็นอนุกรรมการไกล่เกลี่ยและประนอมหนี้ในคณะอนุกรรมการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบประจำจังหวัดให้ความร่วมมือและให้ข้อมูลกับคณะอนุกรรมการฯ อย่างต่อเนื่องและเป็นประจำ
- เครือข่ายบังคับคดีและวิทยากรตัวคูณ เพื่อเป็นสื่อกลางในการทำงานกับประชาชน
- การร่วมมือกับธนาคารของรัฐ ในการส่งเสริมศักยภาพให้กับลูกหนี้ชั้นบังคับคดี เช่น ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
ธนาคารออมสิน
- ให้คำปรึกษากฎหมายด้านการบังคับคดีและรับเรื่องร้องเรียนร่วมกับ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
- การออกบูธประชาสัมพันธ์
- ลงพื้นที่ให้ความรู้ในชุมชนหรืออกหน่วยร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
“การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทชั้นบังคับคดี”
การไกล่เกลี่ย หมายถึง วิธีการระงับหรือยุติข้อพิพาทโดยมีบุคคลที่สามเรียกว่า “ผู้ไกล่เกลี่ย” ทำหน้าที่ในการช่วยเหลือเสนอแนะแนวทาง และเป็นสื่อกลางให้คู่กรณีหาทางออกของข้อพิพาทร่วมกัน โดยผู้ ไกล่เกลี่ยไม่มีอำนาจในการกำหนดข้อตกลงให้แก่คู่กรณี การจะตกลงหรือไม่เป็นการตัดสินใจของคู่กรณีเอง
ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี
มีหน้าที่ดำเนินการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภายหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้ว ทั้งก่อนการบังคับคดีและภายหลังจากที่มีการบังคับคดีแล้ว โดยผู้สนใจสามารถยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยได้ที่กรมบังคับคดีและสำนักงานบังคับคดีทุกสาขาทั่วประเทศ
ผลดีของการไกล่เกลี่ยชั้นบังคับคดี
- รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก
- ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
- เป็นที่ยุติโดยการตัดสินใจของคู่กรณีเอง
- ข้อยุติที่ได้นั้นมีความเหมาะสมกับคู่กรณีเป็นความลับ
- ข้อตกลงระหว่างคู่กรณีสามารถบังคับได้
- รักษาความสัมพันธ์ระหว่างกันได้หรือก่อให้เกิดความสัมพันธ์ในระยะยาว
- มีความยืดหยุ่น
- ยังคงสิทธิในการบังคับคดี
ขั้นตอนการไกล่เกลี่ย
ขั้นตอนที่ 1 คู่ความหรือผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดียื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ย
ขั้นตอนที่ 2 เจ้าพนักงานผู้รับคำร้องอธิบายขั้นตอนการบังคับคดีและวิธีการไกล่เกลี่ย ให้คำแนะนำชี้แนะแนวทางในการแก้ปัญหาเบื้องต้นให้กับผู้ร้อง
ขั้นตอนที่ 3 กำหนดวันนัดไกล่เกลี่ย
ขั้นตอนที่ 4 มีหนังสือแจ้งวันเวลานัดไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีทราบ
ขั้นตอนที่ 5 มาทำการไกล่เกลี่ยตามกำหนดนัด
เอกสารประกอบการยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ย
- คำร้องขอไกล่เกลี่ย
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- หนังสือมอบอำนาจพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของผู้มอบอำนาจและผู้รับมอบอำนาจ (กรณียื่นแทนผู้อื่น)
- สำเนาคำพิพากษาหรือหมายบังคับคดี
- เอกสารประกอบอื่นๆ (หากมี) เช่น สำเนาราบงานการยึดหรืออายัดทรัพย์ ประกาศขับไล่ ประกาศขายทอดตลาด ฯลฯ
ผู้ร้องขอไกล่เกลี่ยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมใดๆ ทั้งสิ้น
ติดต่อกรมบังคับคดี
เว็บไซต์ www.led.go.th
โทร. 0 2881 4999