หลายคนคงเคยประสบปัญหา พกสกินแคร์ เครื่องสำอาง ใส่กระเป๋าขึ้นเครื่องบิน แต่โดนเจ้าหน้าที่ตรวจค้นไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง เพราะผิดกฎการบิน
วันนี้ (30 มี.ค.64) เพจเฟซบุ๊ก "AOT Official" โดย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. โพสต์ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการพกสิ่งของขึ้นเครื่องบิน โดยเฉพาะ สกินแคร์ เครื่องสำอาง หากจะนำติดตัวขึ้นเครื่องบินทำอย่างไรดี
1.ใช้สกินแคร์แบบซอง หรือ ขนาดทดลอง
เพื่อไม่ให้เกินกำหนดตามมาตรการการนำของเหลวขึ้นอากาศยาน โดยตามกฎระบุไว้ว่า ขนาดต้องไม่เกิน 100 มิลลิลิตรต่อชิ้น และรวมกันไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร
2.เปลี่ยนรูปแบบของเครื่องสำอาง
เช่น ใช้กระดาษเช็ดหน้า แทนการพกผลิตภัณฑ์เช็ดเครื่องสำอางแบบน้ำ เพื่อลดปริมาณของเหลว
3.เลือกใช้เครื่องสำอางทดแทนกันได้
เช่น ลิปสติก ทาตา และปัดแก้มในชิ้นเดียวกัน ช่วยประหยัดพื้นที่และน้ำหนักกระเป๋า แต่ใน 1 บรรจุภัณฑ์ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนดตามข้อ 1
4.กรณีของเหลวรวมกันเกิน 1,000 มิลลิลิตร หรือมีขนาดเกิน 100 มิลลิลิตรต่อชิ้น
ต้องนำของเหลวที่มีปริมาณเกินเกณฑ์โหลดลงใต้ท้องเครื่องบิน
ทั้งนี้ สามารถอ่านรายละเอียด ประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ได้ที่ //www.caat.or.th/
ขอบคุณข้อมูลจาก AOT Official
ในวันที่ 1 พ.ค. เริ่มมีสายการบินในไทยเปิดให้บริการแล้ว ใครจำเป็นต้องเดินทางต้องรู้ และเตรียมตัวขึ้นเครื่องบินให้พร้อมไว้ก่อน เพื่อที่ว่าเมื่อไปถึงสนามบินจะได้ขึ้นเครื่องแน่ๆ และวิธีปฏิบัตินี้อาจเป็นวิถีใหม่ (New Normal) ในการเดินทางนับจากนี้
สายการบินไทยแอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์ ออกประกาศข้อปฏิบัติไว้ โดยยึดตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก และองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ดังนี้
1.ไม่ต้องมีใบรับรองแพทย์
เมื่อไปถึงสนามบิน แต่ต้องถูกตรวจอุณหภูมิร่างกาย และสังเกตอาการก่อนขึ้นเครื่องบิน หากพบผู้โดยสารมีอุณหภูมิร่างกายสูงกว่า 37.3 องศาเซลเซียส มีอาการไอ หายใจเหนื่อยหอบ หรือเข้าข่ายต้องเฝ้าระวัง สายการบินอาจปฏิเสธการเดินทาง คือไม่ให้ขึ้นเครื่อง
2.อย่าลืมนำหน้ากากอนามัยไปด้วย
ควรเป็นหน้ากากอนามัย 3 ชั้นที่มีฟิลเตอร์ หรือชนิด N95 สวมใส่อย่างถูกต้อง และมีหน้ากากอนามัยสำรอง หากไม่นำไปด้วย สายการบินอาจปฏิเสธการเดินทาง
3.จำกัดขนาด น้ำหนักกระเป๋าหิ้วขึ้นเครื่อง
ไทยไลอ้อนแอร์ อนุญาตให้ผู้โดยสารถือกระเป๋าขึ้นเครื่องได้ 1 ใบ ขนาดไม่เกิน 30x40x20 เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัม
ส่วนไทยแอร์เอเชีย อนุญาตกระเป๋าขนาดไม่เกิน 40x30x10 เซนติเมตร น้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมเช่นกัน ส่วนสัมภาระอื่นๆ ให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน
4.เดินทางถึงสนามบินก่อนเที่ยวบินออก 3 ชั่วโมง
5.เช็กอินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์
ช่องทางเช็คอินมีทั้งผ่านเว็บไซต์สายการบิน พิมพ์บัตรโดยสาร หรือบอร์ดดิ้งพาส ก่อนที่จะมาถึงสนามบิน หรือใช้อีบอร์ดดิ้งพาสได้ โดยเช็กอินผ่านแอปพลิเคชันสายการบิน หรือมาที่เคาน์เตอร์เช็กอิน และตู้คีออสเช็กอินด้วยตนเอง
6.งดจำหน่ายอาหาร และไม่อนุญาตให้นำอาหารมาทานบนเครื่อง
7.เว้นระยะห่างอย่างปลอดภัย
ตั้งแต่จุดเช็กอิน พื้นที่ในรถบัส สะพานเทียบอากาศยาน บันไดเทียบอากาศยาน จัดที่นั่งเว้นที่นั่งบนเครื่องบินในทุกเที่ยวบิน
8.ผู้โดยสารจะต้องกรอกแบบฟอร์มด้านสุขภาพ
สายการบินจะแจกให้ผู้โดยสารก่อนเดินทางที่ประตูขึ้นเครื่องในแต่ละเที่ยวบิน
9.กำหนดปริมาณการนำของเหลวขึ้นเครื่อง
อนุญาตให้ผู้โดยสารสามารถนำของเหลวขึ้นเครื่องได้ตามปริมาณที่กำหนด อย่างเจลล้างมือสามารถนำขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 350 มิลลิลิตร แต่ต้องมีปริมาณรวมกับของเหลวอื่น ไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร ซึ่งบรรจุภัณฑ์ที่ผู้โดยสารนำขึ้นเครื่องจะต้องปิดสนิท และมีข้อความระบุปริมาณของบรรจุภัณฑ์ที่ชัดเจน
10.ดูแลลูกเรือเต็มที่
สายการบินจะได้รับการตรวจวัดอุณหภูมิในร่างกายก่อนปฏิบัติการบิน สวมหน้ากากอนามัยพร้อมถุงมือตลอดการให้บริการ และหลังจากการปฏิบัติการบินนั้น สายการบินจะทำความสะอาดและฆ่าเชื้อภายในเครื่องบินทุกครั้ง
ก่อนเดินทางทุกครั้งต้องตรวจเช็คสิ่งของที่จะนำขึ้นเครื่องกันให้ดีก่อน วันนี้ TraveliGo จึงมีเช็คลิสต์ ของต้องห้ามนำขึ้นเครื่องบินมาฝาก หากพลาดอาจจะต้องเสียของสิ่งนั้น ๆ ไปเมื่อโดนตรวจเจอ หรือบางสิ่งคุณอาจจะไม่เคยรู้ว่าก่อน ว่า ของเหล่านี้ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ จะมีอะไรบ้างไปเริ่มดูกันเลย
1. ของเหลวที่มีขนาดเกิน 100 ml. หรือ 100 มิลลิลิตร
ของเหลวเจ้าปัญหาที่นำขึ้นเครื่องไม่ได้ ถ้าไม่ศึกษาให้ดีอาจจะทำให้คุณต้องทิ้งไว้ตรงจุดตรวจสัมภาระ เพราะตามมาตรการป้องกันการก่อการร้าย หลังจากเกิดเหตุการณ์ 911 ที่สหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดมาตรการตรวจคุมเข้มเพื่อคัดกรองของเหลวเกิดขึ้นทั่วโลก โดยกำหนดเป็นข้อห้ามไว้ว่าของเหลวทุกชนิด เช่น น้ำหอม ครีมอาบน้ำ เจล สเปรย์ ที่มีความจุต่อชิ้นเกิน 100 มล. รวมไม่เกิน 1 ลิตร (1,000 มล.) ห้ามพกติดตัวขึ้นเครื่องบินหรือห้ามนำใส่กระเป๋าหรือถือขึ้นห้องโดยสาร
ย้ำว่าเจ้าหน้าที่จะดูจากขนาดบรรจุภัณฑ์ต้องห้ามเกิน เกิน 100 มล. ต่อชิ้น ถึงแม้ว่า ของเหลวจะเหลือน้อยกว่า 100 มล. แต่ถ้าขนาดบรรจุภัณฑ์ที่ใส่ขนาดเกิน ก็ไม่สามารถพกติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ และขนาดรวมกันต้องไม่เกิน 1 ลิตร (1,000 มล.) ต้องโหลดลงใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น แต่หากเป็นยารักษาโรค จะพิจารณาตามความเหมาะสม
สำหรับท่าอากาศยานไทย ทุกสนามบิน มีการประกาศเพิ่มเติม โดยห้ามนำ น้ำพริกทั้งแบบชนิดน้ำแบบเยอะหรือน้อย เช่น น้ำพริกหนุ่ม รวมทั้งน้ำจิ้มต่างๆ ที่มีขนาดเกิน 100 มล. หิ้วขึ้นเครื่องบินด้วย
2. แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank และแบตเตอรี่ลิเธียม ที่มีขนาดเกิน 32,000 mAh
แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank มักจะถูกพกไปใช้ในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว และได้กลายเป็นสิ่งของต้องระวังห้ามพกขึ้นเครื่อง ซึ่งมีข้อกำหนดไว้ดังนี้
▪︎ แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ที่มีขนาดความจุไฟฟ้าไม่เกิน 20,000 mAh สามารถพกขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้นต่อคน
▪︎ แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank ที่มีขนาดความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh สามารถพกขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 2 ชิ้นต่อคน
▪︎ แบตเตอรี่สำรอง หรือ Power Bank
ที่มีขนาดความจุไฟฟ้าเกิน 32,000 mAh ห้ามพกขึ้นเครื่องเด็ดขาด
ข้อควรระวัง แบตเตอรี่ที่จะสามารถพกขึ้นเครื่องได้ จะต้องมีข้อความแสดงขนาดความจุไฟฟ้าบนแบตเตอรี่สำรองชิ้นนั้น ๆ อย่างชัดเจน หากแสดงข้อมูลไม่ชัดเจน จะไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้
3. เนื้อสัตว์สดหรือแช่แข็ง น้ำแข็งแห้ง และอาหารที่มีกลิ่นแรง
สำหรับสายกินที่ชอบหอบหิ้วของกินขึ้นเครื่องบินไปที่ต่าง ๆ ต้องห้ามพลาด อย่าพกพาสิ่งของต้องห้ามขึ้นเครื่อง เช่น เนื้อสัตว์สดหรือแบบแช่แข็ง ทุเรียน ปลาร้า รวมถึงน้ำแข็งแห้งที่บรรจุมาในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หากต้องการนำไปด้วย จะต้องทำการบรรจุหีบห่ออย่างแน่นหนา
4. ไม้ตียุงไฟฟ้า
รู้หรือไม่ อุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ตามบ้านบางอย่างไม้ตียุง ก็ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้ เช่น ไม้ตียุงไฟฟ้า หลายสายการบินก็ไม่อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ จะต้องใช้วิธีการโหลดลงใต้ท้องเครื่องพร้อมสัมภาระของคุณเท่านั้น
5. อุปกรณ์กีฬา
สำหรับนักกีฬา อุปกรณ์กีฬาที่มีขนาดใหญ่ ทางสายการบินจะแนะนำให้ทำการโหลดเป็นสัมภาระใต้ท้องเครื่องบิน แต่อย่ามองข้ามอุปกรณ์กีฬาลักษณะที่สามารถดัดแปลงเป็นอาวุธหรือสามารถก่อเหตุร้ายบนเครื่องบินได้ ทางสายการบินก็ไม่อนุญาตให้นำติดตัวขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับคุณได้เช่นกัน ได้แก่ ไม้แบดมินตัน ไม้เทนนิส ไม้กอล์ฟ ไม้เบสบอล เป็นต้น
6. ขาตั้งกล้อง
นักท่องเที่ยวที่นิยมพกพากล้องถ่ายรูปไปยังที่ต่างๆ บางครั้งอาจจะต้องมีอุปกรณ์เสริมอย่างขาตั้งกล้อง พกพาไปตามที่ต่างๆ ด้วย แต่อย่าลืมว่า สายการบินต่างๆ ไม่อนุญาตให้คุณนำขาตั้งกล้องพกติดตัวขึ้นเครื่องบิน จะต้องทำการบรรจุลงในกระเป๋าสัมภาระ หรือใส่ลงในบรรจุภัณฑ์พร้อมโหลดลงใต้ท้องเครื่อง
7. สารเคมีที่มีพิษหรือสารอันตราย
สำหรับสารเคมีที่มีพิษหรือสารอันตรายต่างๆ มีการระบุไว้ชัดเจน ว่า ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน ได้แก่
▪︎ สารมีพิษ เช่น ยาฆ่าแมลง, สารหนู
▪︎ สารกัมมันตรังสี สารติดเชื้อ ผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
▪︎ สารกัดกร่อน เช่น ปรอทหรือเทอร์โมมิเตอร์ กรด ด่าง เป็นต้น
สารเคมีเหล่านี้ ถือเป็นวัตถุอันตราย ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสารทุกท่าน
8. วัตถุระเบิด วัตถุไวไฟ ของเหลวไวไฟ ก๊าซไวไฟและไม่ไวไฟ
สำหรับวัตถุที่จะก่อให้เกิดอันตรายระหว่างการเดินทาง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สายการบินไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นของเหลว หรือของแข็ง ที่จะก่อให้เกิดประกายไฟ เกิดการระเบิด หรือที่ถูกจัดเป็นวัตถุไวไฟ เช่น ทินเนอร์ ไม้ขีดไฟ ไฟแช็ค สีสเปรย์ ระเบิด ประทัด ดอกไม้ไฟ เป็นต้น ก็ไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบินได้
9. อาวุธ ของมีคม สิ่งของเทียมอาวุธ
อาวุธ หรือของมีคม เช่น มีดชนิดต่าง ๆ เช่น มีดปอกผลไม้ มีดพก มีดพับ คัตเตอร์ ดาบ รวมถึงกรรไกรตัดสิ่งของ กรรไกรตัดเล็บ ไม้บรรทัดเหล็ก เข็มเย็บผ้า สนับมือ กระบองต่าง ๆ ล้วนถูกระบุอยู่ในข้อห้าม หากจะนำไปด้วยจะต้องมีการออกใบอนุญาตและตรวจสอบอย่างถูกต้อง โดยปืนหรืออาวุธต่าง ๆ ต้องแยกชิ้นส่วน ไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานในทันที แม้กระทั่งสิ่งของเทียมอาวุธ หรือมีลักษณะคล้ายอาวุธ เช่น ปืนเด็กเล่น ดาบของเล่น หรือสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายอาวุธ จะต้องมีการออกใบอนุญาตหรือผ่านการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว
10. สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย สิ่งมีชีวิตที่ติดโรค
สิ่งมีชีวิตที่มีพิษ สัตว์ที่มีนิสัยจัดเป็นสัตว์ดุร้าย หรือสิ่งมีชีวิตที่ติดโรคต่างๆ ทางสายการบินก็จะไม่อนุญาติให้นำขึ้นเครื่องบิน เพราะอาจจะทำให้ผู้โดยสารท่านอื่นๆ ได้รับอันตรายจากสัตว์เหล่านั้น รวมทั้งสัตว์บางชนิดจะต้องมีการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายในแต่ละประเทศ ดังนั้นทางสายการบินจึงไม่อนุญาตให้นำสัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย สิ่งมีชีวิตที่ติดโรค ขึ้นเครื่องบินไปพร้อมกับคุณได้
11. ของละเมิดลิขสิทธิ์
มาถึงสายแฟชั่น หากคุณรักการเดินทาง สินค้าหรือสิ่งของของใช้ถูกลิขสิทธิ์จะไม่ทำให้คุณโดนยึด แต่ในทางกลับกัน หากคุณพกพาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ไปยังประเทศต่าง ๆ คุณอาจจะทำผิดกฎหมายของประเทศนั้น ๆ ได้ ดังนั้นอย่าเสี่ยงใช้ของหรือพกพาสินค้าที่ละเมิดลิขสิทธิ์ขึ้นเครื่องบิน
12. โทรศัพท์หรือ Notebook บางรุ่น
ยุคแห่งเทคโนโลยี การพกพาโทรศัพท์มือถือหรือ Notebook ติดตัวขึ้นเครื่องบินไม่ใช้เรื่องแปลก เพราะอุปกรณ์เหล่านี้เป็นสิ่งของจำเป็นสำหรับคนทั่วไปหรือนักธุรกิจ แต่ในหลายๆ ครั้งจะมีการประกาศออกมาเป็นระยะสำหรับการระงับหรือไม่อนุญาตให้พกพาหรือนำโทรศัพท์มือถือหรือ Notebook ที่ทางบริษัทต้นสังกัดแจ้งว่า มีปัญหา เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในระหว่างเดินทาง ทำให้หลายสาบการบินมีการระบุไม่อนุญาตให้พกพาหรือโหลดโทรศัพท์มือถือหรือ Notebook บางยี่ห้อบางรุ่นขึ้นเครื่องบิน คุณควรตรวจสอบก่อนพกพาสิ่งเหล่านี้ขึ้นเครื่องบินทุกครั้ง
13. อุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตราย
เพื่อความปลอดภัยในทุกการเดินทาง ทางสายการบินต่างๆ จึงไม่อนุญาตให้นำอุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายระหว่างการทำการบิน ขึ้นมายังเครื่องบิน ได้แก่ แม่เหล็ก เป็นต้น
การเดินทางครั้งหน้า อย่าลืมตรวจสอบสิ่งที่คุณจะพกติดตัวขึ้นเครื่องบิน จะได้ไม่ต้องโดนตรวจยึดหรือต้องทิ้งสิ่งของที่ไม่เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัยในการเดินทางด้วยเครื่องบิน และเพื่อความถูกต้องครบถ้วนคุณสามารถติดต่อสอบถามกับสายการบินที่คุณใช้เดินทางโดยตรง เพื่อรับทราบรายละเอียดที่ครบถ้วนก่อนเดินทางทุกครั้ง นอกจากนี้เรายังสามารถเพิ่มความปลอดภัยให้สัมภาระสำคัญ ๆ ของคุณได้ ด้วยประกันการเดินทางต่างประเทศ เพื่อความสบายใจหายห่วงตลอดการเดินทาง