ปัญหาฟิตเนสปิด หรือไม่มีเวลาเดินทางไปยิม จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป หากคุณมีลู่วิ่งไฟฟ้าที่เป็นของคุณเอง ซึ่งมันจะให้คุณสามารถออกกำลังกาย เมื่อไหร่ก็ได้โดยไม่มีการรบกวนจากสิ่งรอบตัว อีกทั้งยังคุ้มค่ามากกว่าการซื้อคอร์สในฟิตเนสเป็นไหน ๆ Show
“ลู่วิ่งไฟฟ้า” จะช่วยเผาผลาญพลังงานของเรา ช่วยเรียกเหงื่อในการออกกำลังกายได้ดี อีกทั้งยังสามารถบริหารร่างกายได้ทุกส่วนอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญหากคุณมีลู่วิ่งเป็นของตัวเอง คุณก็สามารถเลือกความบันเทิงระหว่างวิ่งได้ อาจจะเป็นรายการทีวีหรือเพลงสำหรับวิ่งที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น Pop, R&B, Rock หรือ Hip-hop ผ่านหูฟังบลูทูธและจอทีวีเครื่องใหญ่ ที่จะให้คุณได้สนุกเพลิดเพลินในระหว่างการออกกำลังกาย แหมมันช่างสะดวกจริง ๆ ใช่ไหมคะ และแน่นอนค่ะวันนี้เราก็มีสินค้าถึง 10 รายการมาให้คุณได้พิจารณาและเลือกซื้อกันค่ะ ลู่วิ่งไฟฟ้า แบบไหนเหมาะกับคุณมากที่สุด
ลู่วิ่งไฟฟ้า VS Cross Trainers (ครอสเทรนเนอร์) แตกต่างยังไง?ก่อนอื่นเลย เราต้องทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง ลู่วิ่งไฟฟ้ากับ Cross Trainers ก่อนค่ะ ครอสเทรนเนอร์ เป็นเครื่องออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอที่เน้นการเผาผลาญพลังงานและไขมัน และไม่เน้นการกระแทกแรง ๆ ลักษณะการออกกำลังกายจึงไม่เหมือนการวิ่ง ที่ต้องมีการกระแทกตามข้อเข่า เหมาะสำหรับคนที่กระดูกไม่แข็งแรงหรือคนที่มีน้ำหนักเกินที่ไม่สามารถวิ่งได้ แต่ถือว่าอุปกรณ์ฟิตเนสที่ให้ใกล้เคียงกับการวิ่งมากที่สุด Cross Trainers (ครอสเทรนเนอร์)9 วิธีเลือกซื้อ ลู่วิ่งไฟฟ้า ที่ดีที่สุดสำหรับคุณลู่วิ่งไฟฟ้าในบ้านนั้นถือว่าเป็นการลงทุนที่ยอดเยี่ยม ที่จะทำให้คุณมีทางเลือกมากขึ้น สำหรับการออกกำลังกาย เมื่อคุณไม่สามารถไปยิมหรือออกไปข้างนอกได้ ก่อนที่คุณจะตัดสินใจว่าจะเป็นลู่วิ่งไฟฟ้าหรือไม่นั้น ให้พิจารณาปัจจัยเหล่านี้ 1. งบประมาณหากคุณต้องการลู่วิ่งที่มีคุณภาพเทียบเท่าลู่วิ่งในโรงยิม คุณจะต้องจ่ายในราคาสูงมาก แต่ก็แลกมาด้วยความคุ้มค่าอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากคุณเป็นนักวิ่งมือใหม่ คุณควรเลือกลู่วิ่งที่มีราคาตามงบประมาณที่คุณสามารถจ่ายไหว และต้องคำนึงถึงคุณภาพด้วยว่าสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานหรือไม่ มีความแข็งแรงคงทนมากน้อยเพียงใด โดยคุณสามารถอ่านรีวิวลู่วิ่งได้จากรีวิวของผู้ใช้จริง 2. ความแรงของมอเตอร์ลู่วิ่งไฟฟ้าส่วนใหญหากเป็นแบบใช้เล่นที่บ้าน มักจะมีความแรงของมอเตอร์ไม่สูง เพราะยิ่งความแรงสูงมากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น โดยปกติแล้วลู่วิ่งไฟฟ้าที่บ้านจะมีความแรงอยู่ที่ประมาณ 1-4 แรงม้า ซึ่งเป็นความแรงที่เพียงพอต่อความต้องการในการออกกำลังกายทั่ว ๆ ไปแล้วค่ะ สำหรับคนที่รักในการวิ่ง คุณอาจจะต้องมองหาลู่วิ่งไฟฟ้าที่ราคาสูงขึ้น เพื่อที่จะได้ลู้วิ่งไฟฟ้าเทียบเท่าลู่วิ่งที่ใช้ในโรงยิมหรือฟิตเนส หลาย ๆ คนอาจจะสงสัยว่าความแรงของมอเตอร์นั้นสำคัญอย่างไร? แน่นอนค่ะว่ายิ่งมีความแรงของมอเตอร์มาก ความเร็วของเครื่องสูงสุดก็จะมากขึ้นด้วย ความเร็วของเครื่องก็คือความเร็วในการวิ่งนั้นเองค่ะ ดังนั้นเราควรเลือกกำลังมอเตอร์ตามความต้องการ และความเหมาะสมที่เราสามารถใช้ได้จริง บางคนเลือกลู่วิ่งที่มีแรงม้าสูงไว้ก่อน แต่เมื่อถึงเวลาจริงกลับใช้งานไม่ถึงตามที่ซื้อไว้ก็มีเยอะไปนะคะ กำลังมอเตอร์น้ำหรักผู้วิ่งที่เหมาะสมการใช้งาน1 แรงม้า45-55 kgเดินช้าหรือเดินเร็ว1.5 แรงม้า55-65 kgเดินช้าหรือเดินเร็ว2 แรงม้า65-80 kgวิ่ง2.5 แรงม้า70-90 kgวิ่ง3 แรงม้าขึ้นไป100 kg ขึ้นไปวิ่ง3. ขนาดของลู่วิ่ง พับเก็บได้คุณควรตรวจสอบขนาดของลู่วิ่งที่คุณสนใจอย่างละเอียด เพราะบางรุ่นมีขนาดใหญ่มาก คุณอาจจะมีพื้นที่ไม่เพียงพอต่อการจัดวางลู่วิ่งในห้องนั้น ๆ แต่ลู่วิ่งหลาย ๆ รุ่นก็สามารถจัดพับเก็บได้ นี่จึงอาจเป็นทางเลือกอีกที่ดีในการพิจารณาเลือกซื้อลู่วิ่งของคุณ เพราะคุณสามารถพับเก็บให้เรียบร้อยหลังการใช้งานได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดพื้นได้ดี โดยเฉพาะรุ่นที่พับสูงสุดถึง 90 องศา ถือว่าเหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ใช้สอยอย่างประหยัด อาทิเช่น คอนโด หอพัก หรืออพาร์ทเม้นท์ เป็นต้น นอกจากนี้ก่อนซื้อลู่วิ่งคุณควรเตรียมและหาพื้นที่ในวางหรือติดตั้งลู่วิ่งไฟฟ้าก่อนซื้อ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาพื้นที่ไม่เพียงทีหลังได้ค่ะ ลู่วิ่งไฟฟ้าพับเก็บได้4. ความเร็วของลู่วิ่งไฟฟ้าความเร็วของลู่วิ่งไฟฟ้าจะขึ้นกับกำลังมอเตอร์ที่เราเลือกว่ากี่มากน้อยเท่าไหร่ ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างลู่วิ่งไฟฟ้าในครัวเรือนและลู่วิ่งในเชิงพาณิชย์หรือในฟิตเนส คือความเร็วสูงสุดที่มีให้ ลู่วิ่งในฟิตเนสส่วนใหญ่มักจะมีความเร็วถึง 19-22.5 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ลู่วิ่งที่ที่ใช้ในครัวเรือนมักจะมีความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 12-16 กิโลเมตร/ชั่วโมง หรืออาจจะต่ำกว่านั้นขึ้นอยู่ราคา ซึ่งคุณจะเลือกตามความชอบหรือความเหมาะสมในการใช้งานจริง รวมถึงงบประมาณที่คุณมีด้วยค่ะ ความเร็วการใช้งาน0-5 km/hrเดินเร็ว6-10 km/hrจ็อกกิ้ง11-15 km/hrวิ่งเร็ว16-20 km/hrสปรินท์ 5. ขนาดของสายพานขนาดของสายพาน ก็เป็นอีกสิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ ยิ่งมีขนาดกว้างและยาวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งวิ่งได้อิสระมากขึ้นเท่านั้น โดยขนาดความกว้างขั้นต่ำ สำหรับที่จะแน่ใจได้ว่าคุณสามารถวิ่งได้อย่างสะดวก คือ 40-45 cm ส่วนความยาวของสายพานนั้น ถ้าเป็นขนาดพื้นฐานเราขอแนะนำที่ 120 cm หากคุณต้องการเลือกจากการใช้งาน ก็ดูว่าคุณเน้นใช้งานแบบไหน ถ้าคุณเน้นเดินช้าหรือเดินเร็ว ก็ไม่ควรต่ำกว่า 100 cm หรือถ้าคุณต้องการวิ่งทั่ว ๆ ไป ความยาวไม่ควรต่ำกว่า 120 cm นอกจากนี้ส่วนสูงเองก็เป็นอีก หนึ่งปัจจัยในการเลือกความยาวของสายพานเช่นกันค่ะ หากคุณสูงเกิน 180 cm คุณจะต้องใช้สายพานอย่างน้อย 130 cm สำหรับการเดิน และสายพานขนาด 140 cm สำหรับการวิ่ง การใช้งานความยาวสายพานเดินช้าหรือเดินเร็ว> 100 cmวิ่งทั่ว ๆ ไป> 120 cmการใช้งาน ผู้ที่สูงเกิน 180 cmความยาวสายพานเดินช้าหรือเดินเร็ว> 130 cmวิ่งทั่ว ๆ ไป> 140 cm6. ความชันของลู่วิ่งไฟฟ้าลู่วิ่งส่วนใหญ่จะสามารถปรับระดับความชันได้อยู่ที่ 0% -15% จากพื้น อย่างไรก็ตามบางรุ่นก็สามารถเพิ่มความชันได้มากถึง 40% ทำให้เป็นลู่วิ่งที่ดีที่สุดสำหรับโหมดการวิ่งบนเนินเขา ยิ่งสามารถปรับความชันได้มากเท่าไร่ ก็ยิ่งออกกำลังกายเผาผลาญไขมันได้มากเท่านั้น ซึ่งสามารถปรับความชันได้ 2 แบบ คือปรับด้วยตัวเองและใช้ปุ่มกดในการปรับ บางเครื่องอาจจะมีฟังก์ชันปรับความเองอัตโนมัติ 7. การรับแรงกระแทก และความเสถียรลู่วิ่งที่ดีควรดูดซับแรงกระแทกได้ดี และสายพานไม่ควรขยับไปมาทุกครั้งจากการรับแรงกระแทกที่เท้า ยิ่งลู่วิ่งรับแรงกระแทกได้ดีเท่าไหร่ ก็ยิ่งลดอาการบาดเจ็บจากข้อเข่าเสื่อมสภาพระหว่างการวิ่งได้มากเท่านั้น ซึ่งการรองรับแรงกระแทกนั้นก็แล้วแต่เทคโนโลยีของแต่แบรนด์ที่ใช้ในการผลิต สำหรับความเสถียรนั้น ลู่วิ่งที่ความเสถียรดีไม่ควรสั่น เมื่อคุณวิ่งหรือเดินบนเครื่อง 8. โปรแกรมที่ตั้งไว้ล่วงหน้าสำหรับบางโปรแกรมตั้งไว้ล่วงหน้านั้น มันเป็นเรื่องที่สามารถช่วยเราได้จริง ๆ บางเครื่องสามารถตั้งโปรแกรมไว้ล่วงหน้าได้ 12-15 โปรแกรม ซึ่งหมายความว่าคุณจะไม่พลาดความสนุกในการเผาพลาญพลังงานอย่างแน่นอน 🙂 9. การรับประกันสินค้าอย่างน้อยที่สุดแล้วลู่วิ่งควรจะมีการรับประกัน 2 ปี เป็นขั้นต่ำแต่หากมากกว่านั้นก็จะดีสำหรับคุณค่ะ ควรเลือกสินค้าที่มีประกันทุกครั้ง เพราะหากเกิดความเสียหายก็สาามารถส่งเคลมได้ค่ะ เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับวิธีเลือกลู่วิ่งไฟฟ้า เราหวังว่าคุณจะมีสเปคของสินค้าไว้ในใจแล้วนะคะ และอย่าลืมว่าก่อนซื้อต้องหาที่จัดวางสำหรับลู่วิ่งก่อนนะคะเพราะอาจจะไม่มีที่วางในภายหลัง อีกทั้งควรเลือกสินค้าที่มีการรับประกันสินค้าทุกครั้ง ข้อนี้สำคัญมาก ๆ ค่ะทุกคน ตอนนี้ทางเราได้รวบรวมข้อมูลไว้แล้ว ไปเลือกกันเลยค่ะ THAI SUN SPORT ลู่วิ่งไฟฟ้า พร้อมเครื่องสั่นสลายไขมัน รุ่น TA07รูปภาพจาก thaisunsport.comราคา 6,101 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้า 2 แรงม้าที่ความเร็วอยู่ที่ 0.8-12 km/hr และปรับระดับความชัดได้ถึง 16 องศา (3 ระดับ) ที่มาพร้อมเครื่องสั่นสลายไขมันช่วยการเผาผลาญได้ดี ทำให้คุณได้ออกกำลังกายได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ สามารถเล่นได้อย่างต่อเนื่อง หน้าจอ LED ที่มาพร้อมลำโพง ช่องเสียบ AUX, USB, MP3 และที่วัดชีพจร แผ่นกระดานมีความหนาแน่นสูงดูดซับแรงกระแทกที่อ่อนนุ่ม ตัวเครื่องแข็งแรงทนทาน ทำจากเหล็กอย่างดี สามารถรองรับน้ำหนัก 100 กิโลกรัม มี Safety Key ป้องกันอันตรายจากการใช้งาน สามารถพับเก็บได้มีล้อลากในตัว จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee B&G ลู่วิ่งไฟฟ้าและที่วัดชีพจร รุ่น F18รูปภาพจาก B&Gราคา 6,990 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้าขนาด 3 แรงม้า ความเร็วในการวิ่ง 0.8-12 km/hr สามารถปรับความชันได้ 3 ระดับ ตั้งแต่ 0-5 องศา โดยการปรับแบบใช้มือ มาพร้อมที่วัดชีพจรและโช้คคู่แบบพิเศษที่รับแรงกระแทกได้ดี ทำงานได้เงียบมาก ไร้เสียงรบกวน โดยเฉพาะเข่าและข้อเท้า ขนาดสายพานกว้างวิ่งได้อย่างรู้สึกสบาย มีการเชื่อมต่อกับ App ผ่าน Bluetooth เล่นเพลงโดยใช้มือถือหรือสาย USB มี Safety Key ป้องกันอันตราย พับเก็บด้วยระบบไฮโดรลิก Hydraulic Folding พับได้ 90 องศา ทำให้ประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บได้ดี รับน้ำหนักสูงสุด 100 kg ออกแบบมาให้ประหยัดพลังงาน มีโปรแกรมมาให้เลือกเล่น 15 โปแกรม ทั้งยังมีฟังก์ชั่นตรวจจับชีพจร จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee Gsports ลู่วิ่งไฟฟ้า พร้อมที่ปั่นเอว GS-T880CMรูปภาพจาก GSPORTราคา 7,150 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้าจาก GSPORT มาในราคาประหยัดไม่ถึงหมื่นบาท สามารถรับน้ำหนักสูงสุดได้ 90 กิโลกรัม แต่ให้มอเตอร์ขับเคลื่อนสูงสุดถึง 1.5 แรงม้า ที่สามารถเร่งความเร็วได้ 0.8-10 กิโลเมตร/ชั่วโมง และปรับความชันได้ 3 ระดับ โดยมี 12 โปรแกรมมาให้อัตโนมัติ อีกทั้งยังมีหน้าจอแสดงผลแบบ LCD ที่สามารถบอกได้ทั้งความเร็ว, ระยะทาง, เวลาที่ใช้, อัตราการเผาผลาญแคลอรี่ และอัตราการเต้นของหัวใจ ถือว่ามีฟังก์ชั่นพื้นฐานที่ครบถ้วนตามที่ลู่วิ่งไฟฟ้าควรจะมี นอกจากนี้รุ่น GS-T880CM นี้ ยังสามารถพับเก็บได้ ทำให้ประหยัดพื้นเป็นอย่างมาก และยังมีฟังก์เสริมเป็นปุ่มพลาสติกอย่างหนา ที่ช่วยสำหรับยึดเกาะขณะวิ่ง พร้อมทั้งใช้เป็นเครื่องนวดเพื่อลดอาการปวดเมื่อยได้อีกด้วย จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee ดูได้ที่ Central KING FITNESS รุ่น KF-DK32At AUTO Incline (3.5แรงม้า)รูปภาพจาก technogym.comราคา 9,999 บาท* KING FITNESS รุ่น KF-DK32At ขนาด 3.5 แรงม้า เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่มีฟังก์ชันครบถ้วนและระบบสุดอัจฉริยะ อย่างการปรับความชันของเครื่องได้กว่า 18 ระดับ หรือจะเป็นการเชื่อมต่อเครื่องกับแอปพลิเคชันของทางแบรนด์ ที่จะคอยแนะนำให้คุณได้วางแผนการออกกำลังและการแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังที่ถูกต้อง เปรียบเสมือนกับได้เทรนเนอร์ส่วนตัวมาเทรนให้ถึงที่ภายในบ้าน ทั้งนี้ยังมีการรองรับ MP3 และสาย AUX สำหรับเชื่อมต่อเพื่อการเปิดเพลง ในขณะเดียวกันระบบความปลอดภัยของเครื่องเองก็ดีไม่แพ้ไปกว่ากัน เพราะมันจะมี Auto-Lubrication System ซึ่งจะคอยแจ้งเตือนให้หยอดน้ำมันเพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องเกิดปัญหาการติดขัด หรือจะเป็น Six-Level Shock Absorption ที่ทำหน้าที่ในการซัพพอร์ตเข่าและข้อเท้า ส่วน Safety Key ก็เป็นกุญแจหยุดเครื่อง เมื่อเกิดอันตรายข้ึนในระหว่างการวิ่ง จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee ลู่วิ่งไฟฟ้า KingSmith K12รูปภาพจาก runnergadget.comราคา 11,790 บาท* มอเตอร์ของลู่วิ่ง KingSmith K12 จะเป็น High Torque ที่นำเข้ามาจากประเทศเยอรมัน ซึ่งมีกำลังแรงม้าอยู่ในช่วง 1 - 3 แรงม้า สามารถสร้างความเร็วได้เป็นอย่างดีและมีความเสถียรค่อนข้างสูง อีกทั้งฟังก์ชันของเครื่องเองก็เป็นระบบที่อัจฉริยะแบบ 2in1 นั่นคือการเลือกได้ว่าจะใช้โหมดสำหรับการวิ่งและเดินตามที่คุณต้องการ ผ่านการสั่งงานบนหน้าจอ LCD นอกจากนี้โครงสร้างของเครื่องก็ใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียมที่ทั้งเบารวมไปถึงรองรับน้ำหนักกว่า 100 - 120 กิโลกรัม จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Shopee ลู่วิ่งไฟฟ้า Amazfit Airrun Smart Treadmillรูปภาพจาก lazada.co.thราคา 15,990 บาท* Amazfit สามารถนำไปใช้ได้ภายในห้องทุกขนาด เพราะการดีไซน์ของเครื่องจะสามารถพับเก็บได้ และยังใช้เวลาในการพับเพียงแค่ 5 วินาทีเท่านั้น ช่วยประหยัดพื้นที่กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนด้านหลังของเครื่องจะออกแบบให้สามารถ Build-in ลำโพงคุณภาพอย่าง JBL ได้ ซึ่งตรงนี้จะช่วยทำให้การออกกำลังกายของคุณสนุกและเพลิดเพลินไปกับเพลง ส่วนฟังก์ชันของเครื่องก็จะมีการตรวจสอบอัตราการเต้นของหัวใจและนาฬิกา Amazfit ที่จะช่วยทำให้คุณประเมินร่างกายและเพิ่มความปลอดภัยในขณะออกกำลังกาย รวมไปถึงระบบการแจ้งเตือนเพื่อให้คุณแก้ไขจุดที่บกพร่องบนเครื่อง อย่างไรก็ดีถ้าหากเกิดการล้มลงบนลู่วิ่ง ตัวเครื่องก็จะซัพพอร์ตเข่าของคุณไม่ให้ได้รับอันตรายที่รุนแรง จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee TEMPO ลู่วิ่งไฟฟ้า รุ่น T81รูปภาพจาก homepro.co.thราคา 19,120 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้ามอเตอร์ขนาด 1.75 แรงม้า ความเร็วที่ 0.8-15 km/hr มาพร้อมโปรแกรมออกกำลังกายทั้งหมด 4 โปรแกรม ได้แก่ (Cal Goal, การลดน้ำหนัก, Leg Toner และ10K Steps) ปรับระดับความชันได้ที่ 0-10% โครงสร้างทำจากเหล็กที่มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ 115 kg มีระบบรองรับการกระแทก "IdealZone Cushioning System" และ "Variable Response Cushioning" สามารถวัดอัตราการเต้นหัวใจแบบ Hand Pulse มีช่องเสียบหูฟังและลำโพงให้คุณได้สนุกไปการวิ่งอีกระดับ นอกจากนี้ยังมีโหมดประหยัดพลังงานอีกด้วย จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee FITEX ลู่วิ่งไฟฟ้า F1 AC 5 แรงม้าลู่วิ่งไฟฟ้า FITEX F1 AC 5 แรงม้าราคา 31,190 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้า FITEX เป็นลู่วิ่งไฟฟ้าอีกหนึ่งรุ่นที่ได้ความนิยมในหมู่นักออกกำลังกาย มาพร้อมมอเตอร์ AC 5 แรงม้า สามารถเทียบเท่ากับลู่วิ่งที่ใช้ในฟิตเนสเลยทีเดียวแต่มีราคาที่ประหยัดกว่า ลู่วิ่งไฟฟ้ามีความเร็วอยู่ที่ 1 -20 km/hr สามารถปรับความชันไฟฟ้าได้ถึง 20 ระดับ ตัวเครื่องทำงานเงียบและไร้เสียงรบกวน ความพรีเมียมมันอยู่ตรงที่ว่าเราสามารถเลือกหน้าจอแสดงผลได้ค่ะ แบบแรกคือหน้าจอ LCD 7.5 นิ้ว แบบที่ 2 คือ หน้าจอระบบสัมผัส 10.1 นิ้วแถมระบบ Wifi มาให้ด้วย โดยราคาของหน้าจอระบบสัมผัสจะแตกต่างจากราคาของหน้าจอ LCD ประมาณ 4,000 บาทค่ะ แต่ให้ความคุ้มค่าที่สูงมาก ในระบบหน้าจอจะมีโปรแกรมออกกำลังกายถึง 12 โปรแกรมและมาพร้อมลำโพงขนาดใหญ่ทำให้ฟังเพลงได้อย่างสะดวก ในเรื่องของความแข็งแรงนั้นลู่วิ่งไฟฟ้าสามารถรองรับน้ำหนักได้ถึง 170 กิโลกรัมเลยทีเดียวค่ะ จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee FIT 2 FIRM ลู่วิ่งไฟฟ้า รุ่น DK-55ADรูปภาพจาก central.co.thราคา 37,900 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้าจาก FIT 2 FIRM รุ่น DK-55AD มีขนาดมอเตอร์สูงถึง 4 แรงม้า ที่เทียบเท่ากับลู่วิ่งในฟิตเนส สามารถปรับความเร็วได้ตั้งแต่ 1-18 km/hr และยังปรับความชันได้ 0-18% โดยผ่านการควบคุมการปรับระดับที่แฮนด์จับ จึงทำง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน ตัวเครื่องดูดซับแรงกระแทกได้ดี มีความแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้ถึง 140 kg สายพานกว้างสะดวกแก่การวิ่ง สามารถพับเก็บได้ด้วยระบบ Hydraulic ทั้งยังมีระบบล็อคที่จะทำให้การเก็บปลอดภัยมากยิ่งขึ้น จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Shopee ดูได้ที่ Central World Master Fitness ลู่วิ่งไฟฟ้า รุ่น GT5รูปภาพจาก worldmasterfitness.comราคา 39,900 บาท* ลู่วิ่งไฟฟ้าลู่วิ่งไฟฟ้าที่มีขนาดมอเตอร์ถึง 4 แรงม้า เรียกได้ว่าใครที่เป็นสายวิ่งในฟิตเนสจะต้องรักสิ่งนี้แน่นนอนค่ะ โดยสามารถปรับความเร็วได้ถึง 18 km/hr มีระบบซึมซับแรงกระแทกที่ใช้ Shock-Absorber จะช่วยดูดซับแรงกระแทกแบบหลายชั้น สามารถปรับความชันช่วงเอียง 1-18% เพียงแค่กดปุ่ม มีช่องเชื่อมต่อเพื่อเล่น MP3 ที่มาพร้อมกับลำโพง ทำให้คุณสนุกสนานได้เต็มที่ หน้าจอมีพัดลมในตัวที่สลสามารถปรับความแรงของลมได้ มีระบบป้องกัน 2 ระดับ สามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจแบบสัมผัส มีโปรแกรมอัจฉริยะ 12 โปรแกรม และกำหนดได้เอง 3 โปรแกรม จุดเด่น
ข้อควรพิจารณา
ดูได้ที่ Lazada ดูได้ที่ Shopee * หมายเหตุ: ราคาสินค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลง ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข และโปรโมชั่นของแต่ละร้านค้า ตารางเปรียบเทียบ รีวิว 10 อันดับ ลู่วิ่งไฟฟ้า ยี่ห้อไหนดีที่สุด ปี 2023ยี่ห้อ/รุ่นสินค้าคุณสมบัติดูเพิ่มเติมรูปภาพจาก thaisunsport.com
สิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับลู่วิ่ง1. การลดน้ำหนัก
2. การฝึกหนักเกินไป
3. ลู่วิ่งสามารถจำลองการเดินขึ้นเขาได้คุณสามารถจำลองการเดินหรือวิ่งขึ้นเขา ซึ่งจะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และแน่นอนมันจะเผาผลาญแคลอรีมากขึ้นทุกนาทีที่คุณออกกำลังกายเช่นกัน 4. ดูทีวีในระหว่างการวิ่งจริง ๆ แล้วไม่แนะนำให้ดูทีวีระหว่างการวิ่ง เพราะจะทำให้คุณวิ่งผิดท่าและจะส่งผลเสียให้คุณบาดเจ็บขณะการวิ่งได้ กรณีต้องการเปิดทีวีในการวิ่งควบคู่ไปด้วยจริง ควรจะให้จอทีสีนั้นอยู่ตรงหน้าลู่วิ่งพอดี เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเกร็งกล้ามเนื้อส่วนคอไปมา อาทิเช่น ต้องก้มหน้า หรือต้องชะเง้อ เป็นต้น แต่ถ้าคุณชอบฟังเพลง คุณอาจจะใช้หูฟังไร้สายหรือลำโพงดี ๆ สักตัว เปิดระหว่างการออกกำลังกายไปด้วยก็ได้ค่ะ บทส่งท้ายเป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับลู่วิ่งไฟฟ้าที่ได้นำเสนอกันไปในวันนี้ เราหวังว่าคุณจะสามารถเลือกซื้อสินค้าได้อย่างถูกใจนะคะ และหากจะพูดถึงการออกกำลังกายที่บ้านหรือโฮมฟิตเนสนั้น ถือว่าปัจจุบันนี้ได้มีวิธีการออกกำลังกายต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการจักรยานออกกำลังกายที่บ้าน ที่จะช่วยให้ขาของคุณกระชับและปราศจากไขมันส่วนเกิน อย่างแทรมโพลีนเองก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ได้ทั้งสุขภาพเกี่ยวกล้ามเนื้อและความสนุก สามารถเล่นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หรือจะเป็นการยกดัมเบลหรือลูกกลิ้งบริหารหน้าท้องที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่ในการออกกำลังกายอย่างจำกัด อีกทั้งยังเป็นอุปกรณ์เวทเทรนนิ่งที่หาซื้อได้ง่าย แม้แต่การต่อยมวยที่ใช้แค่กระสอบและนวม ก็ดูเหมือนจะเป็นอุปกรณ์ที่หาซื้อได้ไม่ยากเช่นกัน ถือได้ว่าเป็นกีฬาที่สร้างกล้ามเนื้อได้และเผาผลาญพลังงานได้ดี นอกจากนี้ยังมีโยคะที่เป็นกิจกรรมยอดฮิตสำหรับคุณผู้หญิง เพียงแค่ใช้เสื่อโยคะหรือลูกบอลโยคะ ก็สามารถออกกำลังกายได้แล้ว แต่สำหรับผู้หญิงเรานั้นเนื่องด้วยสรีระทางร่างกาย เราอาจจะต้องพิถีพิถันในการเลือกใช้เกงกางเลกกิ้ง และ Sport Bra หน่อย หากคุณไม่อยากให้ส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายของคุณหย่อนยาน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของก้น หรือทรวงอก ก็ล้วนแต่ต้องการการดูแลเข้าใจเป็นพิเศษนะคะ 🙂 และนอกจากออกกำลังกายแล้วอย่าลืมรับประทานอาหารรให้ครบ 5 หมู่ด้วยนะคะโดยเฉพาะโปรตีน เพราะโปรตีนมีส่วนในการช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อและส่วนที่สึกหรอของร่างกาย แต่ถ้าหาากคุณอยากได้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบโปรตีนล่ะก็ เราขอแนะนำ เวย์โปรตีน ซึ่งตัวเวย์จะช่วยให้คุณมีกล้ามเนื้อที่สมบูรณ์แข็งแรงและจะได้ผลดีมากขึ้นหากคุณรับประทานควบคู่ไปกับการออกกำลังกายค่ะ |