ลงทุน อะไร ได้ กํา ไร ดี

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้

คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน

คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

หลายคนอาจคิดว่าต้องมีเงินเดือนสูงๆ จึงจะสามารถเริ่มลงทุนได้ แต่ที่จริงแล้ว ไม่ว่าคุณจะมีรายได้ เท่าไหร่ หากแบ่งสรรปันส่วนให้เหมาะสม ก็สามารถนำเงินไปลงทุนเพื่อให้เงินงอกเงย สร้างช่องทางใหม่ๆ ให้กับรายได้ที่นอกเหนือจากเงินเดือนได้เช่นกัน


สำหรับคนที่เพิ่งเรียนจบหรือเพิ่งเริ่มทำงาน อาจจะยังมีเงินเดือนเริ่มต้นไม่สูงมาก เราลองมาดูไอเดียการลงทุนสำหรับคนที่มีรายได้ 15,000 บาทกันว่า เงินเดือนเท่านี้จะมีวิธีออมเงินแบบไหนดีจะแบ่งสัดส่วน การเงินอย่างไร  และสามารถนำไปลงทุนอะไรเพื่อให้เงินทำงานแทนเราได้บ้าง


เมื่อเราได้รับเงินเดือนมาแล้ว อันดับแรกให้เราแบ่งเงินที่ได้มาออกเป็น 3 ส่วน ตามวัตถุประสงค์ของ การนำเงินไปใช้ และกำหนดจำนวนเงินของแต่ละส่วนให้สอดคล้องกับตัวเรามากที่สุด

        ตัวอย่างการแบ่งเงิน 15,000 บาท ออกเป็น 3 ส่วน

        1. ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 60%  = 9,000 บาท
        2. เก็บออมเป็นเงินสำรอง 10%  = 1,500 บาท
        3. ลงทุน 30%  = 4,500 บาท

หากอยากจะลงทุน จะเริ่มอย่างไรดี? มาดูแนวทางการนำเงินเก็บไปลงทุนให้งอกเงยกัน


1.ขายของ

ขายของตลาดนัด : ช่วงนี้มีตลาดนัดเปิดใหม่มากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะตลาดนัดกลางคืนที่เป็นแหล่งรวมนักช้อปตัวจริง หากใครมีความชอบด้านการขาย ก็สามารถนำเงินไปลงทุนขายของตามตลาดนัดได้โดยเน้นสินค้าที่มีคุณภาพและการสร้างแบรนด์ให้น่าสนใจ เช่น เสื้อผ้า อาหาร น้ำปั่น ของกินเล่นต่างๆ ซึ่งก็ขึ้นกับความถนัดและความคิดสร้างสรรค์ของเรา หากยังมีเงินทุนไม่มาก ก็เก็บรวบรวมให้ได้จำนวนหนึ่งก่อนแล้วค่อยลงทุน เท่านี้ก็สามารถต่อยอดสร้างรายได้ช่องทางใหม่ๆ ได้ไม่ยาก


ขายสินค้าทางออนไลน์ : นอกจากการขายของตามตลาดนัดแล้ว ตลาดที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ก็คือ ตลาดออนไลน์ เพราะยุคนี้ใครๆ ก็ใช้อินเทอร์เน็ต ลองหาสินค้าที่น่าสนใจมาสร้างหน้าร้านบนเว็บไซต์ และ Social Media ต่างๆ เช่น Facebook, IG, LINE แล้วทำการโปรโมตให้ถูกวิธี เช่น ทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับการค้นหาบน google หรือจะใช้เงินซื้อเพื่อโปรโมต โดยการทำ SEM และสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการโฆษณาบน Facebook เพียงเท่านี้ก็มีช่องทางการสร้างรายได้ใหม่ๆ และหากได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด ก็สามารถพัฒนาต่อยอดไปเป็นธุรกิจส่วนตัวแบบจริงจังได้เลย

2. การฝากประจำ/ซื้อกองทุน/เล่นหุ้น

ถ้าไม่อยากลงแรงก็นำเงินส่วนนี้ไปออมฝากประจำทุกเดือน เพื่อเป็นการสร้างวินัยในการออมเงิน หรือหากอยากได้ผลตอบแทนมากขึ้นอีกหน่อยก็นำไปซื้อกองทุนรวม โดยเลือกกองทุนจากผลประกอบการ หรือลักษณะการลงทุนของกองทุนนั้นๆ สามารถกระจายความเสี่ยงโดยการซื้อหลายๆ กองทุนก็ได้

คำถามว่ามีเงินเท่านั้นเท่านี้ ลงทุนอะไรดี เป็นคำถามที่เรามักได้ยินกันบ่อย ๆ บางคนมีเงินเย็นหลักหมื่น หลักแสนก็อยากหาทางลงทุนต่อยอดให้เงินงอกเงย แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปลงหุ้นตัวไหน กระจายความเสี่ยงยังไงดี แถมในสภาวะที่ตลาดผันผวนแบบนี้จะวางเงินลงทุนแต่ละทีก็ใจหาย 

บล็อกนี้ PeerPower เลยจะมาตอบคำถามว่า ถ้ามีเงิน 100,000 บาท นอนอยู่ในบัญชีเฉย ๆ คุณจะสามารถลงทุนอะไรได้บ้าง และลงทุนอะไรดีที่สุดสำหรับคุณ เคสนี้อาจเป็นแนวทางให้ลองไปประยุกต์เป็นวิธีของตัวเองได้ 

สเต็ปการเริ่มลงทุน อาจแบ่งคร่าว ๆ ได้ประมาณนี้

1. ก่อนเริ่มลงทุน โปรดแบ่งเงินสำรอง

แน่นอนว่าทุกคนต้องการรวยเร็ว ลงทุนหลักแสนทั้งทีก็อยากที่จะรวยไวเลยเทหมดหน้าตัก ซึ่งเสี่ยงมากเพราะเรื่องเงินทองไม่มีอะไรแน่นอน อาจมีเรื่องฉุกเฉินต่าง ๆ ที่ทำให้ต้องเสียเงินอย่างไม่คาดฝัน

ดังนั้นก่อนที่จะลงทุนในสินทรัพย์ใด ๆ ก็ตาม แม้จะมีความเสี่ยงน้อยแค่ไหน โปรดออมเงินสำรอง บางคนแนะนำให้ออมไว้ 20% จำนวนเท่านั้นอาจเห็นภาพยาก โดยส่วนตัวเราขอแนะนำให้กันเงินสำรองไว้ส่วนหนึ่งโดยคำนวณไว้เผื่อสัก 3-6 เดือน 

เช่น หากโดยเฉลี่ยคุณมีรายจ่ายประจำราว 10,000 บาท คุณอาจจะกันเงินส่วนนี้สำรองไว้สัก 3 เดือน คิดเป็น 30,000 ซึ่งเงินจำนวนนี้ต้องเก็บเป็นเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินจริง ๆ ไม่ควรเอามาจ่ายตามใจ 

2. เลือกลงทุนอะไรดี ? คำถาม checklist ตั้งเป้าหมายการลงทุน

สมมุติถ้าหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว คุณเหลือเงินที่พร้อมลงทุนทั้งสิ้น 100,000 บาท ขั้นตอนต่อมาคือคุณต้องตั้งคำถามว่าจะลงทุนไปทำไม เราขอแนะนำให้คุณลองตั้งคำถามเหล่านี้เพื่อที่จะสโคปลงได้ว่าสินทรัพย์ประเภทไหนที่น่าจะตอบโจทย์เป้าหมายการลงทุนของคุณ

1. ลงทุนไปเพื่ออะไร ?

คำตอบแรกที่เราได้ยินบ่อย ๆ คือ ลงทุนเพราะอยากรวย อันนี้เราเห็นด้วย แต่ควรตอบให้ได้ด้วยว่า “รวย” ในที่นี้หมายถึงอะไร 

สำหรับบางคน “รวย” อาจหมายถึงมีเงินใช้ไม่ขาดมือ ดังนั้นการลงทุนประเภทที่น่าจะตอบโจทย์คือการสร้างกระแสเงินสดเพื่อความยั่งยืนทางการเงินให้กับตัวเอง เน้นลงทุนระยะสั้น  สินทรัพย์ที่สามารถลงทุนได้อาจเป็นหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยทุกเดือน หรือ กองทุนรวมประเภท Income Fund ต่าง ๆ 

สำหรับบางคน “รวย” อาจหมายถึงมีเงินใช้หลังเกษียณแบบที่อยู่ได้ไม่ลำบาก ดังนั้นคุณอาจจะต้องการลงทุนระยะยาวใน ตราสารหนี้ หรือ พันธบัตรรัฐบาล รอเก็บเงินทบต้นทบดอกให้ผลตอบแทนงอกเงยในเวลา 10-20 ปี พอเกษียณก็มีเงินก้อนใช้ เราเขียนบล็อกวางแผนลงทุนรับมือเกษียณด้วยนะ ลองอ่านได้ที่นี่

สำหรับบางคน “รวย” อาจหมายถึงมีเงินกองท่วมหัว สมมุติคุณต้องการที่จะรวยแบบนี้ ลองถามข้อต่อไปกับตัวเอง 

2. รับความเสี่ยงได้แค่ไหน ?

การลงทุนมีความเสี่ยง 3 ประเภท คือ ความเสี่ยงจากตลาด ความเสี่ยงจากธุรกิจเอง และความเสี่ยงที่เป็นผลมาจากเวลาหรือการคาดการณ์ต่าง ๆ สินทรัพย์แต่ละประเภทมีความเสี่ยงต่างกัน อ่านรายละเอียดที่นี่ 

สินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนมากมักต้องแลกกับความเสี่ยงมาก แต่ละคนสามารถรับความเสี่ยงได้ต่างกัน นักลงทุนบางคนรับได้ที่จะเสียหลักแสนแลกกับผลตอบแทนหลักล้าน ในขณะที่บางคนเงินหลักพันยังเสียดาย ลองถามตัวเองว่าจะรับได้แค่ไหนถ้าต้องเสียเงินไปเปล่า ๆ จะยังหลับสบายเหมือนเดิมหรือกินข้าวอร่อยมั้ย? เพราะหากลงทุนในสินทรัพย์ที่ต้องลุ้นตลอดเวลาว่าจะเป็นยังไงต่อไป อนาคตการลงทุนคุณอาจจะหาความสบายใจยาก 

คุณอาจลองเลือกดูว่ามีสินทรัพย์อะไรบ้างที่คุณลงทุนได้ตามความเสี่ยงที่คุณที่รับไหว ซึ่งภาพข้างล่างอาจตอบได้ส่วนหนึ่งว่าคุณควรลงทุนอะไรดี

ระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ เรียงขึ้นจากน้อยไปมาก

สมมุติในกรณีที่คุณยินดีรับความเสี่ยงได้สูงมาก ตราสารอนุพันธ์อาจตัวเลือกลงทุนที่เหมาะสม แต่ถ้าคุณรับความเสี่ยงได้ในระดับต่ำ - กลาง สินทรัพย์อื่น ๆ ก็อาจจะตอบคำถามได้ว่าคุณควรลงทุนอะไร

เราลองทำตารางมาว่า ถ้าลงทุน 100,000 บาท ถ้วน คุณจะได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยต่อปีเท่าไหร่ ข้อมูลนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่อย่างน้อยที่สุดคุณอาจจะพอเห็นภาพว่าควรลงทุนอะไรดี และมีอะไรเป็นตัวเลือกให้คุณได้บ้าง 

ทั้งนี้ ตารางนี้เป็นแค่ข้อมูลคร่าว ๆ เพราะในประเภทสินทรัพย์เดียวกัน ก็ยังมีโอกาสได้ผลตอบแทนและความเสี่ยงไม่เท่ากัน

เช่น หุ้นหรือกองทุนรวมที่อยู่ในตลาดเกิดใหม่หรือ emerging market (นึกถึงกองทุนจีน เวียดนาม) หรือบริษัทขนาดเล็ก (small-cap) นั้นมีโอกาสขึ้นเร็วลงแรง อาจจะกำไรมหาศาลหรือขาดทุนได้ในพริบตา จึงเหมาะกับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้มาก ในขณะที่นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้น้อยกว่าก็อาจจะเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทประเภท defensive ที่เติบโตแบบช้าแต่ชัวร์มากกว่า

พอรู้ข้อมูลความเสี่ยงกับอัตราผลตอบแทนแบบนี้แล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของเราในฐานะนักลงทุนว่าจะเลือกแบ่งเงินไปลงทุนในสินทรัพย์ไหน ในสัดส่วนเท่าไหร่บ้าง ที่จะให้ผลตอบแทนอย่างที่เราต้องการ โดยไม่เสี่ยงเกินกว่าที่เรารับไหว ที่สำคัญอย่าลืมศึกษาข้อมูลสินทรัพย์ที่เราจะลงทุนอย่างละเอียด เพราะนั่นจะทำให้เราลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

3.สินทรัพย์นอกกระแส ตัวเลือกลงทุนที่ดีเหมือนกัน

นอกจากสินทรัพย์ที่กล่าวมาข้างต้น ยังมีสินทรัพย์ทางเลือกหรือสินทรัพย์นอกกระแสอื่น ๆ ที่สามารถลงทุนได้เหมือนกัน เช่น 

ทองคำ

เงิน 100,000 ลงทุนซื้อทองคำได้ประมาณ 4 บาท (ถ้าตีว่าทองคำบาทละ 25,000 บาท) แต่ถ้าซื้อวันนี้ขายวันนี้ ทองรูปพรรณราคาจะตกลงทันทีเกือบ 1,000 บาท เพราะทองเป็นสินทรัพย์ประเภทที่ออกจากร้านเมื่อไหร่ ก็จะขาดทุนในวันนั้นทันที แต่ถ้าเป็นทองคำแท่ง ราคาขายจะถูกหักไปน้อยกว่า และมูลค่าของทองคำขึ้นอยู่กับน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักของทองสามารถหายไปได้ถ้าเก็บไว้นาน ๆ หรือมีการหยิบจับใช้งานบ่อย ๆ

ดังนั้นถ้าเลือกจะลงทุนกับทองคำ เลือกเป็นทองคำแท่งจะเสียโอกาสน้อยกว่า และถ้าดูสถิติราคาทองคำย้อนหลัง จะพบว่าในระยะสั้น ๆ เช่น 1 ปี การลงทุนกับทองคำมีโอกาสจะขายถูกกว่าซื้ออยู่มาก การลงทุนกับทองจึงน่าจะเหมาะกับการลงทุนระยะยาว คือเก็บไว้ 3 - 5  ปีขึ้นไปมากกว่า แต่ทั้งนี้ด้วยสภาพคล่องของทองคำที่ดีมาก การลงทุนกับทองจึงได้รับความนิยมในทุกยุคทุกสมัย

อสังหาริมทรัพย์

เงิน 100,000 บาท อาจจะดูน้อยเกินไปหากจะซื้อที่ดินหรือคอนโดมิเนียมให้ปล่อยเช่า แต่เงินจำนวนนี้สามารถใช้เป็นการลงทุนระยะสั้นจากการซื้อใบจองอาคารชุดหรือคอนโดมิเนียมแล้วปล่อยขายต่อได้ ซึ่งการขายใบจองสามารถทำกำไรได้ราว 10 - 15% แล้วแต่ทำเลที่คอนโดแห่งนั้นตั้งอยู่ 

สินทรัพย์ Niche Market 

Niche Market คือตลาดเฉพาะกลุ่ม มีทั้งกลุ่มเล็ก - กลุ่มใหญ่ และมีกำลังซื้อมากพอจะผลักดันให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นไปอย่างคุ้มค่า การลงทุนในลักษณะนี้คือการลงทุนในของสะสมหรือของฟุ่มเฟือยต่าง ๆ เช่น ตลาดพระเครื่อง รถยนต์ซูเปอร์คาร์ นาฬิกา ของแบรนด์เนม งานศิลปะ กระเพาะปลา (กระเพาะปลาเก่ามีมูลค่าได้หลักล้าน!) ฯลฯ

ข้อดีของสินทรัพย์ประเภทนี้คือ ถ้าเจอคนซื้อที่มี Passion ในสิ่งนั้น พร้อมจ่าย (แถมถ้าเก็งราคาเก่ง) คุณจะได้ผลตอบแทนเป็นกอบเป็นกำ แต่ในขณะเดียวกัน ความยากของการลงทุนในลักษณะนี้คือต้องมีความรู้ในสิ่งนั้นจริง ๆ เพราะไม่ใช่ว่านาฬิกาแบรนด์เดียวกันจะให้ผลตอบแทนในระดับเดียวกันทุกรุ่น และต้องหาให้เจอว่าคนซื้อของคุณคือใคร

ทำธุรกิจส่วนตัว

หมายถึงลงทุนโดยการทำธุรกิจ ซึ่งเป็นการลงทุนพร้อม ๆ กับลงแรง ความเสี่ยงของการลงทุนทำธุรกิจมีเท่ากับความผันผวนของระบบเศรษฐกิจ สมมุติถ้ามีเงิน 100,000 ลงทุนทำธุรกิจแบบร้านกาแฟที่เป็น Kiosk เล็ก ๆ หรือซื้อเฟรนไชน์ร้านก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนได้ (เราเคยเขียนเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจ เผื่อใครสนใจลองอ่านได้)

หรือถ้าหากไม่อยากลงแรงตัวเอง ก็สามารถลงเงินให้ผู้ประกอบการในแพลตฟอร์มของ PeerPower ไปต่อยอดธุรกิจก็ได้เช่นกัน 

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างของสินทรัพย์ที่น่าจะตอบคำถามได้ว่าคุณควรลงทุนอะไรดี คุณสามารถลองปรับสัดส่วนการลงทุน จัดพอร์ตกระจายความเสี่ยงเพื่อให้เหมาะกับคุณได้ หรือจะลองลงทุนในหลาย ๆ อย่าง สร้าง multi asset class ก็ได้อีกเช่นกัน 

สุดท้ายนี้ และเป็นสิ่งที่สำคัญมาก อย่าลืมลงทุนในตัวเอง การศึกษาให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ในสิ่งที่ลงทุน และตัดสินใจโดยอ้างอิงจากข้อมูลที่ครบถ้วนรอบด้าน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จในการลงทุนได้เป็นอย่างดี

คำเตือน : การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงผ่านเพียร์ พาวเวอร์ เป็นการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้ความเข้าใจเพียงพอทั้งด้านความเสี่ยง และความสามารถในการตัดสินใจลงทุนด้วยตนเอง ความเสี่ยงในที่นี้หมายถึงความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหลักทรัพย์และความเสี่ยงในการสูญเสียเงินจากการลงทุน การลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเป็นการลงทุนที่เหมาะสมกับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตการลงทุน นักลงทุนจะสามารถเริ่มลงทุนได้ต่อก็ต่อเมื่อนักลงทุนทำการลงทะเบียนและผ่านแบบประเมินความรู้ความเข้าใจในการลงทุนแล้ว

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้