เดือน พฤษภาคม ไป เที่ยว ไหน ดี

เปิดพิกัดสถานที่ท่องเที่ยวในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นอีกหนึ่งเดือนที่มีวันหยุดเยอะ เหมาะกับการไปเที่ยวคลายร้อนชิล ๆ ต้อนรับฤดูฝน มาปักหมุดที่เที่ยวทั่วไทยไปด้วยกัน จะเหนือ ใต้ ออก ตก ก็น่าไปเที่ยวหมด เดินทางง่าย สะดวก ไม่ไกลจากกรุงเทพ จะไปเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับหรือค้างคืนชาร์จแบต เติมพลังไฟก็ได้เหมือนกัน

แนะนำ 12 ที่เที่ยวเดือนพฤษภาคม 2566 เดินทางง่าย ใกล้กรุงเทพ

ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวในเดือนพฤษภาคม ประจำปี 2566 ถือเป็นช่วงที่ไม่ควรพลาดในการเก็บกระเป๋าไปพักผ่อนหย่อนใจ ในวันนี้เราจะพาทุกคนมาเปิดพิกัดแหล่งท่องเที่ยวประจำเดือนพฤษภาคม เดือนที่ 5 ของปีที่มีวันหยุดเยอะ แถมยังมีสถานที่หลายแห่งที่น่าสนใจ แต่หลายคนอาจจะยังคิดไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ไม่ต้องกังวลไป วันนี้ The Thaiger ได้รวบรวมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมาให้คุณแล้ว ดังนี้

1. สวนละไม จ.ระยอง

มาส่งท้ายฤดูร้อนด้วยการไปเที่ยวในสวนผลไม้ แวะทานผลไม้แบบสด ๆ ใหม่ ๆ กันได้ที่ สวนละไม จังหวัดระยอง โดยภายในสวนจะมีผลไม้เมืองร้อนมากมายให้เราได้รับประทาน ไม่ว่าจะเป็น ทุเรียนหมอนทอง เงาะ มังคุด สับปะรด สละ แตงโม ขนมไทย และอื่น ๆ อีกมากมาน กินเท่าไหร่ก็ได้หมด หากใครรับประทานอิ่มแล้วก็สามารถเข้าไปแวะชมฟาร์มแกะ ที่เราสามารถถ่ายรูป ป้อนหญ้าให้น้อง ๆ ได้อย่างสนุกสนาน แถมที่นี่ยังอากาศดี บรรยากาศร่มรื่น นอกจากจะอิ่มอร่อยไปกับผลไม้ตามฤดูกาลแล้ว ยังมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปลงโซเชียลอีกด้วย สายคอนเทนต์ไม่ควรพลาดเลยแหละ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• อัปเดต 12 ห้างในกรุงเทพ 2023 ห้างเก๋ ช้อปปิ้งเริ่ด เงินไม่หมด เราไม่กลับ

  10 ชั่วโมง ago

• เก็บภาษีเที่ยวต่างประเทศ 1000 บาทต่อคน กรมสรรพากรชี้แจงแล้ว

  1 วัน ago

• ชวนเที่ยวโครงการ ‘วิจิตร 5 ภาค’ ระบำสายน้ำ ณ ไอคอนสยาม เริ่ม 29 เม.ย.-7 พ.ค. 66

  5 วัน ago

• ที่เที่ยวเชียงใหม่ เดือนพฤษภาคม 2566 รวมสถานที่ยอดฮิต ใกล้ชิดธรรมชาติ

  1 สัปดาห์ ago

• พิกัด : 19/9 ถนนบ้านบึง-แกลง (สาย 344) ตำบลป่ายุบใบ อำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง

ภาพจาก : suanlamai

2. อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จ.นครราชสีมา

สายธรรมชาติไม่ควรพลาดที่จะแวะไปเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ยิ่งเป็นช่วงใกล้เข้าสู่ฤดูฝนแบบนี้ ทำให้ผืนป่าชุ่นฉ่ำ ป่าไม้ทุ่งหญ้าเริ่มผลิดอกออกผลเต็มไปด้วยใบไม้เขียวขจี ทำให้รู้สึกสดชื่นมาก ๆ อีกทั้งยังมีที่เที่ยวธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นน้ำตก เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติในป่า แถมยังเดินทางง่าย ไม่ไกลจากกรุงเทพมหานครอีกด้วย หากวันหยุดเสาร์อาทิตย์ใครรู้ที่อยากแวะพักใจ เติมพลังกาย ชาร์จแบตก่อนกลับมาทำงานในวันจันทร์ แนะนำให้มาที่เขาใหญ่เลยค่ะ

• พิกัด : อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

ภาพจาก Facebook Page : อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ – Khao Yai National Park

3. แคมป์บ้านกร่าง แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

เมื่อเรานึกถึงที่เที่ยวในเดือนพฤษภาคม หนึ่งในที่เที่ยวที่เราไม่ควรพลาดเลย คือ เทศกาลดูผีเสื้อ แคมป์บ้านกร่าง แก่งกระจาน ภายในจะมีฝูงผีเสื้อบินนับพันตัว มากกว่า 200 สายพันธุ์ ให้ทุกท่านได้ตื่นตาตื่นใจกันในช่วงเดือนมีนาคม ถึงเดือนพฤษภาคมของทุกปี หากใครอยากมาชมผีเสื้อที่นี่แนะนำให้มาในช่วง 10 โมงเช้า ไปจนถึงบ่าย 3 โมงเย็น จะมาถ่ายรูปผีเสื้อเฉย ๆ แบบไปเช้าเย็นกลับก็ได้ หรือจะตั้งแคมป์ค้างคืนบนพะเนินทุ่งก็ได้เหมือนกัน เพราะจะได้มีเวลาเดินเที่ยวสำรวจธรรมชาติในอุทยานแก่งกระจานอีกด้วย

• พิกัด : ตำบลแก่งกระจาน อำเภอแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี

ภาพจาก : กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

4. หุบป่าตาด จ.อุทัยธานี

เข้าสู่โค้งสุดท้ายแห่งฤดูร้อน ต้อนรับฝนที่กำลังโปรยปรายลงมา ทำให้ผืนป่าสดชื่น เขียวชะอุ่มมองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด เหมาะแก่การมาเที่ยวที่หุบป่าตาด จังหวัดอุทัยธานี ถ้ำป่าหินปูนที่ให้ความรู้สึกเหมือนเดินหลงเข้าไปในยุคไดโนเสาร์ ความพิเศษของหุบป่าตาด ก็คือป่าของที่นี่ถูกล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนรอบด้าน และมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การเติบโตของพืช ทำให้เกิดเป็นระบบนิเวศน์เฉพาะตัว ทั้งสัตว์ป่าและพันธุ์ไม้ โดยเฉพาะต้นตาด พืชตระกูลปาล์มที่ไม่สามารถปลูกได้ จะขึ้นเองตามธรรมชาติเท่านั้น และต้องใช้เวลามากกว่า 10 ปีถึงจะออกผลได้

เชื่อว่านักเดินป่าหลายคนจะต้องฟินสุด ๆ เมื่อได้มาเที่ยวในป่าแห่งนี้ เพราะการจะเข้าไปเดินชมภายในป่าตาด จะมีเพียงแค่ไฟฉาย ยากันยุง และรองเท้าผ้าใบเท่านั้น ซึ่งระหว่างทางเราอาจจะได้พบเจอกับสัตว์ประจำถิ่น อาทิเช่น เลียงผา ไก่ฟ้า และกิ้งกือมังกรสีชมพู ถือเป็นสัตว์หายากที่ถูกค้นพบในประเทศไทยในหุบป่าตาดแห่งนี้เลยแหละ

• พิกัด : หุบป่าตาด อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี

ภาพจาก : Amazing Thailand

5. แหลมประทับ จ.นครศรีธรรมราช

ซัมเมอร์นี้หลายคนอาจจะไปเที่ยวทะเลจนเบื่อแล้ว แต่ขอการันตีเลยว่าการแวะมาเที่ยวแหลมประทับและอ่าวแขวงเภาจะไม่เหมือนที่อื่นแน่นอน เพราะเราจะพาทุกคนมานั่งเรือชมโลมาสีชมพู บอกเลยว่าที่นี่เป็นแหล่งของโลมาสีชมพูที่อาศัยอยู่ประมาณ 50 ตัว โดยทุกท่านจะสามารถนั่งเรือออกไปชมได้อย่างใกล้ชิด ปกติแล้วจะสามารถล่องเรือไปดูโลมาสีชมพูได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถือเป็นช่วงเวลาที่คลื่นลมน้อย ไม่ค่อยมีมรสุม ทำให้มีโอกาสพบเจอเจ้าโลมาได้ง่ายกว่าช่วงอื่น ๆ นั่นเอง

• พิกัด : ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

ภาพจาก : Amazing Thailand

6. ป่าฮาลาบาลา จ.ยะลา

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดอันซีน ที่ชีวิตนี้ควรไปสักครั้ง มาล่องเรือชมผืนป่าอันงดงามที่ ป่าฮาลาบาลา จังหวัดยะลา ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Amazon of Asia ผืนป่าดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของแม่น้ำหลายสาย โดยที่นี่เราจะสามารถพบเจอกับนกเงือกที่อาศัยอยู่ในบริเวณผืนป่าแห่งนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งนอกจากนกเงือกก็ยังมีช้าง กระทิง หมูป่า เลี้ยงผ้า สมเสร็จ กระซู่ ชะนี หรือแม้แต่กระทั่ง เซียมัง ที่เป็นชะนีชนิดใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วยค่ะ

• พิกัด : ป่าฮาลาบาลา ต.อัยเยอร์เวง อ.เบตง จ.ยะลา

ภาพจาก : Amazing Thailand

7. หาดปากน้ำปราณ จ.ประจวบคีรีขันธ์

สำหรับใครที่อยากแวะไปเที่ยวทะเลสงบ ๆ แถมใกล้กรุงเทพ ขอแนะนำให้ทุกท่านลองไปเที่ยวที่หาดปากน้ำปราณ ทะเลใกล้หัวหินที่ให้ความสงบและร่มรื่นอยู่มาก เหมาะแก่การมาพักผ่อนที่ยังคงความเป็นธรรมขาติ มองออกไปเบื้องหน้าก็จะเป็นชายหาดให้ความรู้สึกอบอุ่น ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้าสดใสชวนให้จรรโลงใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งถ้าเป็นช่วงตอนเย็น ขอบอกเลยว่าที่หาดปากน้ำปราณแห่งนี้เหมาะแก่การมาเดินรับลมทะเล หรือจะนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจก็เพลินไปอีกแบบ ใครที่กำลังจะเวลาไปพักผ่อนกับแฟน ถือได้ว่าหาดปากน้ำปราณแห่งนี้จะเพิ่มความโรแมนติกให้กับคุณและคนรักอย่างแน่นอน

• พิกัด : ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์

ภาพจาก : Amazing Thailand

8. ทุ่งดอกเวอร์บีน่า เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

หลายคนอาจจะยังไม่เชื่อว่าช่วงเดือนพฤษภาคมจะมีทุ่งดอกไม้ให้ชม และคงไม่สวยเท่ช่วงปลายปีแน่นอน เราอยากให้คุณลองเปิดใจมาดูทุ่งดอกไม้สวย ๆ อย่างทุ่งเวอร์บีน่า ดอกไม้สีม่วงหวาน ๆ ที่จะบานสะพรั่งในช่วงฤดูฝน สามารถเข้าชมได้ในช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงปลายเดือนมิถุนายน สายคอนเทนต์เตรียมมาถ่ายรูปเก็บภาพสวย ๆ ลงโซเชียลกันได้เลย หรือจะชวนครอบครัวมาพักผ่อนหย่อนใจก็ดีไปอีกแบบ แต่ทางเราแนะนำว่าให้ทุกท่านแวะมาเที่ยวที่ทุ่งดอกเวอร์บีน่าในช่วงเย็น ๆ ประมาณ 4 โมงเย็นเป็นต้นไป แสงอาทิตย์จะออกนวล ๆ สบายตา ดูอบอ่น เวลาถ่ายรูปออกมาก็จะดูสวยเป๊ะปังทุกช็อต

• พิกัด : หมู่บ้านเพชรดำ ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์

ภาพจาก : เขาค้อ

9. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี

สำหรับใครที่อยากออกจากเมืองกรุงสักหนึ่งวัน แต่ไม่อยากเดินทางไกล แนะนำให้มาที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี ขับรถเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ก็จะได้แวะมานั่งชิล รับลมเย็น ๆ ถ่ายรูปสวย ๆ โดยภายในบริเวณเขื่อนจะมีสวนเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ริมอ่างเก็บน้ำ สามารถมาพักผ่อนชมวิวธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์กัน นอกจากนี้ยังสามารถเอาเสื่อมาปูนั่งเล่นนอนเล่นกัน หรือจะนั่งชิลรับประทานอาหาร ถ่ายรูปวิวสวย ๆ ให้อาหารปลาในอ่างเก็บน้ำก็ย่อมได้

นอกจากสวนเฉลิมพระเกียรติในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ภายในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังมีจุดให้แวะเที่ยวอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น สถานีรถไฟเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ อาคารเอนกประสงค์ริมอ่างเก็บน้ำ หอคอยเฉลิมพระเกียรติ และสันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สามารถพาครอบครัวมาเที่ยวได้ในวันหยุดกันแบบไม่มีเบื่อ จะมาถ่ายรูปทำคอนเทนต์ หรือแวะพักผ่อนหนีห่างจากโซเชียลก็ได้เหมือนกัน ใครที่กำลังหาสถานที่ท่องเที่ยวในวันหยุดช่วงเดือนพฤษภาคมไม่ควรพลาด

• พิกัด : ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

ภาพจาก : Amazing Thailand

10. วัดถ้ำกระบอก จ.สระบุรี

หากพูดถึงวัดถ้ำกระบอก หลายคนอาจจะนึกถึงการบำบัดยาเสพติดเพียงอย่างเดียว แต่ภายในวัดถ้ำกระบอกยังมีสถานที่ที่น่าสนใจหลากหลายจุด โดยเฉพาะประติมากรรม พระหินลาวา ที่เกิดจากการนำหินแร่จากทั่วประเทศมาหลอมด้วยความร้อนสูงจนหลอมละลายกลายเป็นลาวา และหล่อขึ้นรูปเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่องค์สีดำในอิริยาบถต่าง ๆ และยังมีโบสถ์ที่รายล้อมไปด้วยพระพุทธรูปในอิริยาบถต่าง ๆ ที่ดูแปลกตาเช่นนี้ ใครที่เป็นสายบุญ หรือนิสิตนักศึกษาสายประวัติศาสตร์ โบราณคดี หรือสถาปัตยกรรมศาสตร์ไม่ควรพลาดที่จะมาชมสถาปัตยกรรมและประติมากรรมของวัดถ้ำกระบอก

• พิกัด : วัดถ้ำกระบอก ถนนพหลโยธิน ต.ขุนโคลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

ภาพจาก : Museum Thailand

11. วัดวงก์วิเวการาม (เก่า) จ.กาญจนบุรี

ชวนมาเที่ยวรับบรรยากาศดี ๆ กันที่วัดวงก์วิเวการาม หรือวัดจมน้ำ หากมาเที่ยวในช่วงเดือนพฤษภาคมจะทำให้เราสามารถเห็นความงามของวัดได้อย่างชัด ๆ เพราะน้ำในแม่น้ำจะลดลงมาก จนสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์ได้ แต่จะเห็นแค่ส่วนของกำแพงด้านนอกโบสถ์เพียงเท่านั้น ไม่มีส่วนหลังคาโบสถ์ให้เห็นอีกแล้ว แต่ภายในยังสามารถเห็นสถาปัตยกรรมฝาผนังแบบศิลปะมอญให้เห็นอยู่บ้าง ซึ่งจะเป็นลายของซุ้มองค์พระพุทธรูปที่จะอยู่ตามผนัง เรียกได้ว่าใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวแบบอันซีน แถมยังได้ความรู้ทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม แนะนำให้มาเที่ยวที่วัดวงค์วิเวการามกันได้เลยค่ะ

• ติดตามเราได้ที่ :

• พิกัด : วัดใต้น้ำ วัดวังก์วิเวการาม (เก่า) ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี

ภาพจาก : Thailand Tourism Directory

12. น้ำตกเจ็ดสี จ.บึงกาฬ

มาปิดท้ายกันที่น้ำตกเจ็ดสี จังหวัดบึงกาฬ น้ำตกที่เปิดให้เข้าชมได้ในช่วงเดือนเมษายน-ธันวาคมของทุกปี แต่การมาเที่ยวน้ำตกเจ็ดสีในช่วงเดือนพฤษภาคมขอบอกเลยว่าคุ้มเอามาก ๆ เพราะช่วงนี้จะเริ่มมีฝนตกลงมาให้ป่าโดยรอบสดชื่น สำหรับไฮไลท์เด็ดของที่นี่คือ ตอนที่สายน้ำกระทบกับแสงแดดแล้วจะทำให้เกิดสีต่าง ๆ เหมือนกับสายรุ้ง จึงเป็นที่มาของชื่อ น้ำตกเจ็ดสี นั่นเองค่ะ ใครที่คิดว่าช่วงหน้าฝนไปน้ำตกแล้วจะหมดสนุก อาจจะไม่เป็นแบบนั้นเสมอไป เพราะที่นี่สามารถมานั่งแช่น้ำใส ๆ หรือจะมาเล่นสไลเดอร์โขดหินกลางธรรมชาติก็สนุกไปอีกแบบค่ะ

• พิกัด : น้ำตกเจ็ดสี ต.บ้านต้อง อ.เซกา จ.บึงกาฬ

ภาพจาก : Thailand Tourism Directory

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ 12 ที่เที่ยวเดือนพฤษภาคม 2566 ที่เรานำมาเสนอให้กับทุกคนในวันนี้ พอจะปักหมุดหาสถานที่ท่องเที่ยวในดวงใจกันได้หรือยัง ถ้าใครยังนึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี แนะนำให้ศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวที่เรานำมาเสนอในลิสต์ได้เลย เดือนพฤษภาคมมีวันหยุดเยอะขนาดนี้ ต้องออกไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ คลายร้อนจากเดือนที่ผ่านมากันสักหน่อย เพื่อเพิ่มแรงใจในการเรียนและการทำงานให้แก่ทุกคน

Tags

ที่เที่ยวเดือนพฤษภาคม 2566

Wilasinee2 สัปดาห์ ago

667 2 minutes read

Wilasinee

นักเขียนออนไลน์ผู้เชี่ยวชาญข่าวบันเทิงและบทความไลฟ์สไตล์ แฟชั่น จบการศึกษาด้านประวัติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา รู้ลึกรู้จริงทั้งเรื่องวิชาการและเทรนด์กระแสโซเชียลที่สำคัญ