ในถนนที่เป็นทางตรงก็มีมุมในการเกิดอันตรายมากเช่นกัน

ขับรถควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ากี่เมตร ทิ้งระยะห่างจากรถคันหน้าประมาณเท่าใดถือว่าปลอดภัย และลดการเกิดอุบัติเหตุได้

ทุกวันนี้การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนหลายคันขับกันแบบรีบเร่ง รีบร้อนที่จะไปให้ถึงจุดหมายได้ทันเวลา อาจเพราะมีธุระด่วน หรือเหตุจำเป็นต่าง ๆ เราจึงมักเห็นรถยนต์ที่ขับตามกันแบบติด ๆ ใกล้ชิดกันมาก หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่า "ขับจี้ตูด" สาเหตุส่วนใหญ่มักเกิดจากรถคันหน้าอาจจะขับช้าเกินกว่ารถคันอื่น ๆ เว้นระยะห่างจากคันหน้าอีกทีมากเกินไป หรือคันที่ขับตามรีบเกินไปนั่นเอง

แต่การขับรถโดยเว้นระยะให้ห่างจากคันหน้าพอสมควรนั้นเป็นสิ่งที่ผู้ขับขี่ทุกคนควรทำ เพราะนอกจากความปลอดภัยแก่ตัวผู้ขับขี่แล้ว ยังเป็นการป้องกันอันตรายจากอุบัติเหตุชนท้ายหากรถคันหน้าต้องเบรกหรือหยุดรถอย่างกะทันหัน ซึ่งถ้าเราเว้นระยะห่างไม่เพียงพอต่อให้ระบบเบรกจะดีแค่ไหนก็ไม่สามารถหยุดรถได้ทัน และที่สำคัญเรื่องการขับรถเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้ปลอดภัยนั้น อยู่ในหัวข้อการอบรมและการสอบใบขับขี่ด้วย

ใครที่สอบใบขับขี่ไปนานมากแล้ว หรือบางคนที่เพิ่งได้ใบขับขี่แต่ก็อาจจะลืมแล้ว วันนี้เราจะพาไปดูกันว่าการขับรถอย่างปลอดภัยควรเว้นระยะให้ห่างจากคันหน้ากี่เมตร หรือประมาณเท่าใดจึงปลอดภัยและลดการเกิดอุบัติเหตุได้

กฎหมายกำหนดให้ขับรถห่างจากคันหน้ากี่เมตร

หากจะดูที่ตัวบทกฎหมายพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 นั้นไม่ได้มีการระบุเป็นตัวเลขไว้อย่างชัดเจนว่าต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้าเท่าใด มีเพียงมาตรา 40 ที่ระบุไว้ว่า ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างรถคันหน้าพอสมควรในระยะที่จะหยุดรถได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถขึ้นสะพานหรือทางลาดชันต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถถอยหลังไปโดนรถคันอื่น

ขับรถเว้นระยะห่างจากคันหน้าดียังไง

ข้อดีของการขับรถเว้นระยะให้ห่างจากคันหน้าก็คือ เมื่อรถคันหน้าที่คุณขับตามอยู่เกิดเบรก หรือหยุดกะทันหันไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม หากเราเว้นระยะไว้มากพอก็สามารถที่จะหยุดรถ หรือเปลี่ยนเลนหลบหลีกได้ทัน แต่ถ้าเราขับชิดคันหน้ามากไปโอกาสที่จะหยุดรถอย่างปลอดภัยก็จะเหลือน้อยมากนั่นเอง

ขับรถเว้นระยะห่างจากคันหน้าเท่าใดจึงจะปลอดภัย

การขับรถให้ห่างจากคันหน้าในระยะที่ปลอดภัย แม้จะไม่ได้มีตัวเลขกำหนดไว้ชัดเจนว่าต้องห่างเท่าใด ส่วนใหญ่จะอาศัยการกะระยะคร่าว ๆ ด้วยตัวเอง ตามความรู้สึกหรือประสบการณ์ของตัวผู้ขับขี่ว่าแบบไหนจึงจะปลอดภัย แต่สำหรับมือใหม่หรือใครที่เพิ่งขับรถอาจจะยังกะไม่ถูก บางคนขับใกล้คันหน้ามาก หรือบางคนก็เว้นห่างคันหน้ามากเกินไป จนกลายเป็นขับช้าส่งผลให้การจราจรติดขัดได้ โดยการขับรถเว้นระยะให้ห่างจากคันหน้ามีวิธีสังเกตหรือกะระยะง่าย ๆ ดังนี้

  • เว้นระยะให้ห่างจากคันหน้าครึ่งหนึ่งของความเร็ว

วิธีแรกคือการเว้นระยะให้ห่างจากรถคันหน้าจากครึ่งหนึ่งของความเร็วที่เราใช้ เช่น เราขับรถด้วยความเร็ว 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระยะห่างที่เราควรเว้นให้ห่างจากรถคันหน้าคือ 30 เมตร แต่ถ้าเกิดฝนตก ถนนลื่น หรือสภาพถนนไม่เอื้ออำนวย ควรเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้นเป็นสองเท่า

  • สังเกตจากวัตถุหรือสภาพแวดล้อมบนถนน

หากยังไม่รู้ว่าจะเว้นระยะเท่าใดจึงจะปลอดภัยให้ลองสังเกตจากเสาไฟฟ้า ต้นไม้ หรือหลักกิโลเมตร เป็นตัวช่วยในการกะระยะ เช่น เมื่อรถคันหน้าขับถึงสิ่งที่เรากำหนดให้นับ 1 2 หากถึงจุดที่กำหนดไว้พอดีถือว่าเราขับห่างในระยะที่เหมาะสม แต่ถ้าถึงก่อนที่จะนับถึง 2 ให้ลดความเร็วลงแปลว่าเราขับใกล้รถคันหน้ามากเกินไป หรือถ้านับเกินกว่า 2 แล้วยังไม่ถึงควรเพิ่มความเร็วหรือเปลี่ยนไปอยู่เลนที่ขับช้ากว่า จะได้ไม่กีดขวางรถคันอื่น ๆ

นอกจากนี้ถนนบางเส้น เช่น ทางหลวงสายหลักต่าง ๆ หรือมอเตอร์เวย์ บนพื้นผิวถนนจะมีการทำสัญลักษณ์วงกลมสีขาว พร้อมป้ายกำกับให้ขับเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าสองจุด

บริเวณที่ควรเว้นระยะให้หากจากคันหน้ามากกว่าเดิม

การขับรถเว้นระยะห่างจากคันหน้าบนถนนปกติแล้ว ยังมีบางจุดที่เราควรเว้นระยะให้ห่างกว่าเดิม เช่นสะพาน ทางยกระดับ ทางขึ้นลานจอดรถ เพื่อป้องกันรถคันหน้าไหลมาชน โดยเฉพาะเมื่อต้องขับรถตามหลังรถบรรทุก และรถส่งของ ควรเว้นระยะเผื่อไว้ป้องกันเหตุฉุกเฉิกที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม การขับรถห่างจากคันหน้า ควรอยู่ในระยะที่เหมาะสม ไม่ใกล้หรือห่างจนเกินไป เพราะใกล้เกินไปนั้นเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุชนท้ายหากรถคันหน้าเบรกกะทันหัน ส่วนเว้นระยะห่างเกินไปก็อาจทำให้การจราจรติดขัด รถที่ตามหลังมาอาจรู้สึกว่าเรากำลังขับรถแช่เลนอยู่ก็เป็นได้ 

ถอยห่างอีกนิด อีกนิดนั่นแหละ.. ร้องเพลงน่ะเล่นๆ แต่ถ้าเป็นการขับรถล่ะก็ ไม่เล่นนะ ต้องห่างจริงๆ!

ระยะห่างจากรถคันหน้า คือ อะไร ทำไมผู้ขับขี่ทุกคนถึงให้ความสำคัญกับระยะห่างนี้ ?

เรามาดูสถานการณ์สมมติกัน

คุณกำลังขับรถอยู่บนถนนสายหนึ่ง คุณขับขี่ด้วยสติและมีเป้าหมายที่จะมุ่งหน้าไป ด้วยเทคนิคขับขี่ที่ปลอดภัยทั้งหมดที่คุณรู้

แต่ไม่น่าเชื่อว่า ในถนนที่เป็นทางตรงก็มีมุมในการเกิดอันตรายมากเช่นกัน เมื่อคุณหันมองกระจกหลังเพื่อดูสถานการณ์ด้านหลังรถของคุณ คุณกลับพบว่า มีรถคันหนึ่งขับอยู่ด้านหลังคุณและมันอยู่ใกล้ท้ายรถของคุณมากเหลือเกิน!

คุณเริ่มกังวลว่า ใช่.. คุณควรกังวล เพราะถ้าคุณตัดสินใจเบรกรถกระทันหัน รถคันนั้นต้องชนเข้ากับท้ายรถของคุณแน่ๆ!

ซึ่งถ้าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง มันก็น่าหงุดหงิดและอันตรายเสียเหลือเกิน ทำไมรถคันข้างหลังไม่เว้นระยะห่างจากรถคันหน้าเลยนะ..

..หรือว่า เขาเว้นแล้วแต่ยังไม่ปลอดภัยพอ ? ถ้าอย่างนั้น รถคันข้างหลัง ควรเว้นระยะห่าง รถคันหน้า กี่เมตร หรือเท่าไหร่ ถึงจะปลอดภัย ?

ความสำคัญ..มาจากสถิติจริง

ข้อมูลจากระบบบัญชีข้อมูลด้านคมนาคม MOT Data Catalog โดยกระทรวงคมนาคม ปี พ.ศ. 2563 – มิ.ย. 2564 สรุปโดยสำนักข่าวกรุงเทพธุรกิจ ซึ่ง คาร์แทรค นำมาสรุปอีกทอดให้เข้าใจง่ายกว่าเดิม สั้นๆ คือ

  • ประเภทของรถที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ รถบรรทุก 4 ล้อแบบปิคอัพ 37% รถส่วนบุคคล-รถสาธารณะ 27% และรถจักรยานยนต์ 20% ตามลำดับ
  • ลักษณะเส้นทางถนนที่เกิดอุบัติเหตุมากที่สุด คือ ทางตรงแบบไม่ลาดชัน 70% ทางโค้งกว้างไม่ลาดชัน 13% และทางโค้งกว้างลาดชัน 8% ตามลำดับ
  • รูปแบบของอุบัติเหตุที่พบมากที่สุด คือ พลิกคว่ำ ตกถนนในทางตรง 43% ชนท้าย 31% และพลิกคว่ำ ตกถนนในทางโค้ง 13% ตามลำดับ

ทั้งนี้จากตัวเลขของอุบัติเหตุน่าสังเกตว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ เกิดบนถนนทางตรงราบเรียบที่เรามักคิดว่า “ไม่มีอะไรน่ากลัว”

รวมถึงรูปแบบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยถึง 1 ใน 3 ของอุบัติเหตุทั้งหมด คือ การชนท้ายรถคันข้างหน้า ด้วย ซึ่งเป็นปริมาณใกล้เคียงกับที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ทั่วโลก เช่น สหรัฐอเมริกา

ระยะห่างจากรถคันหน้า คือ ระยะเท่าไหร่ ?

หลักการขับขี่สากล ทั้งในสหรัฐฯ และประเทศต่างๆ จะมีวิธีที่เรียกว่า “กฎ 3 วินาที”

กฎ 3 วินาที หรือ Three-second rule มีความหมายคือ หากคุณขับรถตามหลังรถคันอื่นอยู่ คุณจะต้องไปถึงจุดที่รถคันหน้าของคุณอยู่ ก็ต่อเมื่อคุณนับ 3 จบ แล้ว

ตัวอย่างการนับ เช่น 1 คาร์แทรค, 2 คาร์แทรค, 3 คาร์แทรค เมื่อนับจบ 3 คุณถึงจะขับถึงจุดที่รถคันหน้าของคุณอยู่

คีย์สำคัญ คือ คุณต้องไม่ขับรถไปถึงจุดนั้น ก่อนที่คุณจะนับ 3 จบ

ทั้งนี้ ระยะห่างจากรถคันหน้าด้วยเวลา 3 วินาที ถือเป็นระยะห่างที่ปลอดภัยแบบขั้นต่ำเท่านั้น

เพราะในการขับขี่จริง ยิ่งมีระยะห่างระหว่างรถคันหน้ากับรถคันหลังเท่าไหร่มากเท่าไหร่ ยิ่งปลอดภัยปลอดอุบัติเหตุมากขึ้นเท่านั้น ด้วยเหตุผลสำคัญ 2 ข้อ

ข้อแรก ในความเป็นจริง สภาพถนนไม่ได้ราบเรียบหรือมีภาวะวิสัยเหมาะสมกับการขับขี่เสมอไป อาจจะมีฝนตก น้ำขัง ถนนลื่น ที่เพิ่มความเสี่ยงการขับขี่รออยู่

อีกข้อหนึ่ง ยานพาหนะอาจจะมีขนาดใหญ่พิเศษ ที่ต้องใช้เวลามากกว่ารถยนต์ ในการควบคุมตัวรถให้เคลื่อนที่ได้อย่างเหมาะสม

ขับขี่ปลอดภัย ทำได้ถ้ามีเทคนิค

นอกจากการกะระยะห่างจากรถคันหน้า 3 วินาที ซึ่งเป็นพื้นฐาน ผู้ขับขี่สามารถเพิ่มความปลอดภัยด้วยการนับได้อีก

เช่น เพิ่มจำนวนวินาทีเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วเพิ่มขึ้นจากปกติ ซึ่งที่ไทย ความเร็วปกติของท้องถนน คือ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

หรือจะนับเป็นจำนวนคัน เช่น ถ้าขับรถยนต์ ก็ห่างกัน 10 คัน ขับรถบรรทุกก็ห่าง 15 คัน

หรือถ้านับจำนวนคันไม่สะดวก ด้วยสภาพถนนหลวงที่คนขับรถกันจนเบียดเสียดแน่นเต็มถนน ผู้ขับขี่อาจใช้วิธีขับขี่รถให้ช้าลง ค่อยๆ ไป เน้นออกจากบ้านเร็วหน่อย หรือใช้เส้นทางที่รถน้อย เพื่อให้สามารถขับขี่ได้เร็วขึ้น

ปัจจุบัน เทคโนโลยีการขับขี่ก็ช่วยผู้ขับขี่รถได้ อย่างเช่นที่ CARTRACK เรามีระบบ GPS พร้อมระบบกล้องติดรถอัจฉริยะ ADAS ที่จับระยะยานพาหนะคันข้างหน้า และแจ้งเตือนผู้ขับขี่ในรถที่ติดระบบ GPS พร้อม ADAS ว่า ใกล้รถคันข้างหน้าเกินไป

ขณะที่แจ้งเตือนหรือพบเหตุการณ์การขับขี่ที่น่าสนใจ ระบบ CARTRACK จะบันทึกภาพและเก็บข้อมูลเหตุการณ์ขับขี่เหล่านี้ พร้อมส่งเข้าสู่ระบบ เพื่อให้ผู้ดูแลระบบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของรถ หรือผู้จัดการขนส่ง เก็บไว้เป็นหลักฐานหรือเพื่อปรับปรุงการขับขี่ให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้นต่อไปได้

ต้องการข้อมูลว่า ระบบ GPS และระบบกล้องติดรถอัจฉริยะของ CARTRACK เปลี่ยนรถของคุณให้ปลอดภัยขึ้นและประหยัดค่าน้ำมันได้อย่างไร โทรเลยที่ 02-136-2929 หรือคลิกปุ่ม “ติดต่อเราฟรีที่นี่!” และกรอกข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับโดยเร็วที่สุด

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้