หากเราจะลบ google site ถาวรให้ทำตามขั้นตอนใด

หลายคนคงรู้ว่า Google เป็น Search Engine ที่มีประโยชน์มากสำหรับการค้นหาข้อมูลออนไลน์ต่างๆ แต่หากคุณเป็นนักการตลาดหรือแบรนด์ในบางครั้งก็อาจไม่อยากให้ข้อมูลบางประเภทปรากฏในหน้า SERPs เพราะหากข้อมูลหรือเนื้อหานั้นขาดการอัปเดตหรือเป็นข้อมูลที่ผิดพลาดจะสร้างปัญหาที่ใหญ่เกินจะแก้ไขมาให้ในภายหลังได้

อย่างไรก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะลบเนื้อหาเหล่านั้นออกจากหน้า Google Search ได้อย่างสะอาดหมดจด แต่อย่างน้อยถ้าข้อมูลหรือหน้าเว็บไม่เป็นที่ต้องการแล้วก็ต้องพยายามลบเท่าที่จะทำได้ หรือไม่ก็ทำให้อัลกอริทึมของกูเกิลมองเห็นคอนเทนต์เหล่านั้นให้น้อยลง ในบทความนี้จะมาแนะนำ 4 วิธี เพื่อช่วยเหลือนักการตลาดหรือแบรนด์ที่ต้องการลบข้อมูลออกจากหน้า Google Search กัน

วิธีที่ 1 ลบข้อมูลจากเนื้อหาที่เราเป็นคนสร้างเอง

เริ่มจากอะไรที่สามารถทำตามได้ง่ายที่สุด แน่นอนว่าสำหรับประเภทของข้อมูลที่สามารถลบเพื่อไม่ให้ปรากฏบนหน้า Google Search ได้ทันทีก็คือเนื้อหาที่ถูกสร้างขึ้นมาเอง ไม่ว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ บล็อก หรืออื่นๆ โดยมีวิธีดังนี้

ลบหน้าเว็บที่ไม่ต้องการ สำหรับในขั้นตอนนี้อาจแตกต่างออกไปขึ้นอยู่กับระบบของ CMS (Content Management System) ที่ใช้ ในบทความนี้ขอยกตัวอย่าง WordPress เนื่องจากเป็นเครื่องมือยอดนิยมของคนทำเว็บไซต์ในปัจจุบัน

  • ล็อกอินไปที่หน้า Dashboard ของ WordPress 
  • เลือกหน้าเว็บหรือบล็อกที่ต้องการลบ
  • เลือก Trash

โดยหน้าเว็บที่ถูกลบจะถูกเก็บไว้ในโฟลเดอร์ Trash และยังสามารถกู้คืนได้ในขั้นตอนนี้ แต่หากไม่ต้องการกู้คืนก็สามารถลบออกจากโฟลเดอร์ Trash อย่างถาวรได้

บล็อกหรือลบ URL สำหรับ Google Search การลบหน้าเว็บยังไม่เพียงพอ เนื่องจาก Google ได้ทำรายการ Index ในหน้าเว็บเอาไว้แล้วทำให้หน้าเพจที่ถูกลบออกไปอาจมีลิงก์ URL ที่เชื่อมโยงกับหน้าอื่นๆ ในเว็บไซต์อยู่ สำหรับวิธีการแก้ไขปัญหาในขั้นตอนนี้ แนะนำให้ใช้เครื่องมืออย่าง Google Search Console ในการลบหรือบล็อก URL ที่ไม่ต้องการ โดยเริ่มจาก

  • ไปที่ Google Search Console
  • คลิกที่ Temporary Removals 
  • เลือก New Request
  • เลือก Temporarily Remove URL
  • คลิก Next เป็นอันเสร็จสิ้น  

วิธีที่ 2 ติดต่อ Site Owner หรือ Web Master 

แน่นอนว่าหากเนื้อหาหรือข้อมูลที่ไม่ต้องการไปปรากฏอยู่บนหน้าเว็บไซต์ของคนอื่น การติดต่อเจ้าของบ้านให้ลบออกก็เป็นเรื่องคุ้มค่าที่จะลองทำ ข้อแนะนำคือให้แสดงความเป็นมืออาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยผ่านโทรศัพท์ อีเมล หรือข้อความส่วนตัว 

วิธีที่ 3 เนื้อหาละเมิดข้อกำหนด Google จะลบให้ทันที

มีบางกรณีที่สามารถนำเนื้อหาออกจาก Google Search ได้โดยตรง โดยที่ไม่จำเป็นต้องติดต่อ Site Owner ให้เป็นเรื่องวุ่นวาย ดังนี้ 

ตรวจสอบว่าเนื้อหาว่าตรงข้อกำหนดของกูเกิลหรือไม่ หากเนื้อหาที่ต้องการลบตรงกับข้อกำหนดก็จะทำให้กูเกิลลบเนื้อหาหรือทำ De-Index (ดีอินเด็กซ์) โดยข้อกำหนดต่างๆ มีดังนี้

  • เนื้อหาที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องเพศอย่างโจ่งแจ้ง
  • เนื้อหาที่เป็นการโจรกรรมข้อมูล
  • เนื้อหาที่เป็นประเด็นทางกฎหมาย
  • การละเมิดสิทธิทางปัญญา

จากนั้น ให้ไปที่หน้า Support Page เลือกข้อกำหนดที่ตรงตามคอนเทนต์ที่ต้องการลบ กดส่ง Removal Request เป็นอันเสร็จสิ้น

วิธีที่ 4 อย่าลืมตรวจสอบว่าลบสำเร็จแล้วหรือไม่

หากทดลองใช้วิธีต่างๆ ด้านบนแล้ว อย่าลืมลองทดสอบด้วยการลองใช้ URL ที่ถูกลบไปแล้วบน Search Engine เพื่อตรวจสอบว่าเนื้อหาที่ไม่ต้องการยังคงปรากฏบนหน้า SERPs หรือไม่ หรืออาจต้องรอให้อัลกอริทึมของกูเกิลรวบรวมข้อมูลของหน้าเว็บใหม่ก่อน สุดท้ายต้องเข้าใจว่าการลบเนื้อหาที่ไม่ต้องการเป็นเรื่องยากที่จะลบเนื้อหาออกจากหน้า SERPs ทั้งหมด ดังนั้นกระบวนการลบหน้าที่ไม่ต้องการนี้อาจใช้เวลาสองสามเดือนหรือสองสามปีจนกว่าเนื้อหาที่ไม่ต้องการจะถูกกูเกิลลดการมองเห็นลงในที่สุด

รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience

Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย

หากคุณใช้ Gmail และบริการอื่น ๆ ของ Google account คุณรู้ไหมว่าบัญชี Google ของคุณเป็นหนึ่งในทรัพย์สินออนไลน์ที่มีค่าที่สุด และหากอยากให้บัญชี Google ปลอดภัย ลองทำตาม 7 ขั้นตอนนี้ เพื่อป้องกันบัญชี Google ของคุณจากการถูกแฮก

 

หากชีวิตออนไลน์ของคุณวนเวียนอยู่กับ Gmail, Chrome, Google software และบริการอื่น ๆ ของ Google บัญชี Google ของคุณก็นับว่าเป็นแหล่งข้อมูลออนไลน์ที่มีค่าที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณใช้ Gmail address เป็นที่อยู่อีเมลหลักของคุณ

 

Table of Contents

  • ► เหตุผลสำคัญที่เราควรต้องป้องกัน Google account
  •  ► ขั้นตอนที่ 1: สร้าง STRONG PASSWORD
  • ▶︎ ขั้นตอนที่ 2: เปิด TWO-STEP VERIFICATION
  • ► ขั้นตอนที่ 3: เซฟ Recovery codes
  • ▶︎ ขั้นตอนที่ 4: เพิ่ม Recovery email address (อีเมลสำรอง)
    • ► ควรใช้ email address สำรองของเจ้าไหนดี?
  • ▶︎ ขั้นตอนที่ 5: ตั้งค่ามือถือของคุณเป็น AUTHENTICATOR (ผู้ตรวจสอบสิทธิ์) 
  • ► ขั้นตอนที่ 6: ลบข้อความ SMS ที่มาจากการให้ยืนยัน
  • ► ขั้นตอนที่ 7: ใช้ HARDWARE SECURITY KEY เพื่อการตรวจสอบสิทธิ์

► เหตุผลสำคัญที่เราควรต้องป้องกัน Google account

 

 

แฮกเกอร์ที่ขโมยข้อมูลส่วนตัว อาจทำให้ชีวิตในโลกออนไลน์ของคุณเกิดความวุ่นวาย และสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงได้เลย ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่เราควรต้องป้องกันบัญชี Google จากการถูกแฮก และเพื่อความปลอดภัยขั้นสูงสุด ควรเพิ่ม physical hardware อย่างน้อยหนึ่งรายการ พร้อมกับติดตั้งแอป Google Authenticator และลบที่อยู่อีเมลส่วนตัวสำรองที่ใช้ในการยืนยันทิ้งไป การตั้งค่าดังกล่าวอาจจะยุ่งยากก็จริง แต่มันก็ทำให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวคุณได้ยากเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตาม การตั้งค่าดังกล่าวอาจต้องลงทุนซื้อฮาร์ดแวร์มาเพิ่ม และแน่นอนว่ามันอาจจะยุ่งยากเวลาที่ต้อง sign-in เข้าใช้งาน แต่วิธีนี้ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการปกป้องบัญชี Google ของคุณ

 

 ► ขั้นตอนที่ 1: สร้าง STRONG PASSWORD

 

 

อันดับแรกในการสร้าง Google account คุณต้องมีรหัสผ่านที่รัดกุมและไม่ซ้ำกับใคร วิธีที่ดีที่สุดคือการใช้ Password Manager tool เพื่อสร้างรหัสผ่านใหม่ การสร้างรหัสผ่านใหม่จะช่วยให้คุณสบายใจได้ว่าบัญชีของคุณไม่ได้ถูกแชร์กับบัญชีอื่น

 

วิธีเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่ ให้ไปที่หน้า Google Account Security ที่ //myaccount.google.com/security  จากนั้นก็ Sign in (หากจำเป็น) แล้วก็คลิกรหัสผ่าน (อยู่ในหัวข้อ Signing In To Google) และปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่อเปลี่ยนรหัสผ่าน

 

จากนั้นให้บันทึกรหัสผ่านใหม่โดยใช้ Password Manager tool และอย่าลืมจดบันทึกไว้เผื่อเวลาที่คุณต้อง physical backup อีกทั้งควรเก็บกระดาษที่บันทึกรหัสผ่านใหม่ไว้ในที่ที่ปลอดภัย เช่น ลิ้นชัก แฟ้ม หรือตู้เซฟ

 

▶︎ ขั้นตอนที่ 2: เปิด TWO-STEP VERIFICATION

 

 

 

อย่าเพิ่งออกจากหน้า Google Account Security ให้เลื่อนขึ้นไปที่ Two-Step Verification (การยืนยันสองขั้นตอน) ก่อน และตรวจสอบให้แน่ใจว่าตัวเลือกนี้เปิดอยู่ จากนั้นคลิก default option เพื่อรับรหัสผ่านที่จะส่งเข้าไปในมือถือ ขั้นตอนการตั้งค่านี้จะช่วยยืนยันว่าคุณสามารถรับข้อความ verification ได้ หลังจากนั้นก็ให้ทำตามขั้นตอนต่อไป

 

► ขั้นตอนที่ 3: เซฟ Recovery codes

 

 

ขั้นตอนต่อไปคือการเซฟ recovery codes (รหัสสำรอง) การใช้รหัสสำรองจะช่วยให้คุณ sign in เข้าใช้บัญชีของคุณได้กรณีที่คุณลืมรหัสผ่านหรือทำโทรศัพท์หาย เพราะหากไม่มีรหัสสำรองนี้คุณอาจเสี่ยงต่อการถูกล็อกอย่างถาวรได้

 

วิธีเอา recovery codes ให้ไปหน้า Google Account Security แล้วคลิกที่ Backup Codes จากนั้นคลิก Set Up ซึ่งจะมี pop-up เด้งขึ้นมาพร้อมรหัส backup 10 ชุด รหัส backup 10 ชุดนี้จะใช้ต่อเมื่อคุณได้รับการแจ้งเตือนให้ยืนยัน verification factor ครั้งที่สอง จากนั้นให้ปริ้นหน้ารหัส backup นั้นและเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัย

 

นอกจากนี้คุณยังสามารถกลับมาที่หน้า Google Account Security ได้ตลอดเวลา เพื่อดูลิสต์รหัส backup ของคุณ แต่รหัส backup จะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียว และเมื่อใช้แล้วระบบจะแจ้งว่า “Already used” ซึ่งหากคุณพิมพ์ลิสต์รหัสซ้ำ การสร้างชุดรหัสใหม่จะทำให้ชุดรหัสเก่า invalid ทันที

 

▶︎ ขั้นตอนที่ 4: เพิ่ม Recovery email address (อีเมลสำรอง)

 

 

 

การลงทะเบียนอีเมลสำรองเป็นการป้องกันที่สำคัญ เพราะในกรณีที่ Google ตรวจพบกิจกรรมที่น่าสงสัยใน account ของคุณ คุณจะได้รับการแจ้งเตือนตามที่อยู่อีเมลสำรองที่กรอกไว้

 

ในกรณีที่คุณลืมรหัสผ่าน การมีอีเมลสำรองนั้นมีประโยชน์มาก และคุณจะต้องรีเซ็ตรหัสผ่านใหม่โดยใช้  two-step verification การรีเซ็ตรหัสผ่านใหม่จำเป็นต้องมีการยืนยันตัวตนอย่างน้อยสองรูปแบบ เช่น รหัส backup (ที่พิมพ์ออกมา) และรหัสจากอีเมลที่ลงทะเบียนไว้ มิฉะนั้นคุณอาจเสี่ยงต่อการถูกล็อกอย่างถาวร

 

จากนั้นให้กลับไปที่หน้า Google Account Security แล้วคลิก Recovery Email (อยู่ในหัวข้อ Ways We Can Verify It’s You) จากนั้นให้ป้อนหรือเปลี่ยนที่อยู่อีเมลสำรอง คุณจะได้รับการแจ้งเตือนการกู้คืนรหัสผ่านตามที่อยู่อีเมลสำรองนั้น

 

► ควรใช้ email address สำรองของเจ้าไหนดี?

 

Email address สำรองฟรีอย่าง Microsoft Outlook.com ไม่ค่อยเป็นที่ยอมรับในเรื่องของความปลอดภัยเท่าไหร่ แต่ business email address (อีเมลบริษัท) นั้นมีผู้ดูแลระบบคอยควบคุมดูแลอยู่ ทำให้การแฮกเข้าถึงได้ยากกว่าอีเมลส่วนตัว

 

▶︎ ขั้นตอนที่ 5: ตั้งค่ามือถือของคุณเป็น AUTHENTICATOR (ผู้ตรวจสอบสิทธิ์) 

 

 

หากคุณจะลงทะเบียนให้มือถือของคุณเป็นอุปกรณ์ที่เชื่อถือได้ Google จะให้วิธีในการตรวจสอบสิทธิ์อยู่ 2 วิธี

 

  • วิธีแรกหากคุณใช้อุปกรณ์ Android ที่ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google คุณสามารถลงชื่อเข้าใช้บริการ Google service ต่าง ๆ ได้เลย เพียงแค่ตอบรับข้อความจาก Google เท่านั้น ไม่ต้องตั้งค่าเพิ่มเติมอะไร

 

  • หากคุณใช้  iPhone หรือ iPad คุณต้องดาวน์โหลดแอป Google หรือ Gmail แล้วลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google จากนั้นให้เปิดแจ้งเตือนไว้  (ลองดูคำแนะนำทั้งหมดของ Google Support ที่นี้: “ลงชื่อเข้าใช้ด้วย Google prompts”)

 

 

นอกจากนี้คุณสามารถใช้ Google Authenticator หรือแอปในมือถืออื่น ๆ ที่สามารถสร้างรหัส Time-based One-time Password Algorithm (TOTP) สำหรับการตรวจสอบสิทธิ์แบบหลายปัจจัยได้

 

ในการตั้งค่า Google Authenticator (หรือแอปตรวจสอบสิทธิ์อื่น ๆ ) เพื่อใช้กับบัญชี Google ให้ไปที่หน้า Google Account 2-Step Verification ที่อยู่ในหัวข้อ Authenticator App แล้วคลิก Set Up (หากคุณจะเปลี่ยนมือถือให้คลิก Change Phone) จากนั้นก็ติดตั้งแอป แล้วทำตามคำแนะนำเพื่อเพิ่มบัญชีของคุณโดยใช้บาร์โค้ดในแอป authenticator

 

► ขั้นตอนที่ 6: ลบข้อความ SMS ที่มาจากการให้ยืนยัน

 

 

เมื่อถึงตรงนี้คุณควรปลอดภัยไว้ก่อน นั่นหมายความว่าต้องลบลิงก์ที่ให้ยืนยันตัวตนที่ส่งมาจากข้อความ SMS สิ่งที่ทำให้ข้อความ SMS มีปัญหาด้านความปลอดภัย เพราะผู้โจมตีสามารถขโมยบัญชีมือถือของคุณได้

 

ก่อนที่คุณจะเปลี่ยนการตั้งค่า โปรดยืนยันว่าคุณมีรูปแบบการยืนยันทางเลือกอย่างน้อยสองรูปแบบ (เช่นที่อยู่อีเมลที่ปลอดภัยและแอป Google Authenticator) และคุณได้บันทึกรหัสสำรองสำหรับบัญชีไว้แล้ว จากนั้นไปที่ส่วนของ Voice Or Text Message ตรงนี้มันจะแสดงรายการหมายเลขโทรศัพท์แต่ละหมายเลขที่ลงทะเบียน 2FA ไว้

 

จากนั้นให้คลิกไอคอนดินสอทางด้านขวาของตัวเลข เพื่อเปิดคุณสมบัติและคลิก Remove Phone เพื่อลบรายการ แล้วทำขั้นตอนข้างต้นกับหมายเลขอื่น ๆ ที่ต้องการลบ

 

► ขั้นตอนที่ 7: ใช้ HARDWARE SECURITY KEY เพื่อการตรวจสอบสิทธิ์

 

 

ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่ยุ่งยาก และต้องใช้เงินในการซื้อฮาร์ดแวร์เพิ่ม แต่ข้อกำหนดในการเสียบอุปกรณ์เข้ากับพอร์ต USB หรือทำการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธ หรือ NFC จะเพิ่มระดับความปลอดภัยสูงสุดซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่า

 

ในการกำหนดค่า hardware key ให้ไปที่หน้า Google Account 2-Step Verification คลิก Add Security Key จากนั้นทำตามขั้นตอน นอกจากนี้คุณต้องใส่ PIN สำหรับ hardware key ของคุณ จากนั้นคลิกเพื่อเปิดใช้งาน เมื่อการตั้งค่าเสร็จสมบูรณ์ คุณจะสามารถ sign in เข้าใช้บริการใด ๆ ของบัญชี Google ได้โดยไม่ต้องยุ่งยากกับรหัสผ่านอีก

 

 

ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วในตอนต้นของบทความ คนส่วนใหญ่ไม่ชอบการตั้งค่าอะไรที่มันยุ่งยาก แต่ถ้าบัญชี Google Drive ของคุณมีเอกสารที่มีค่า เช่น เอกสารการคืนภาษี หรือใบแจ้งยอดหนี้จากธนาคาร มันก็จะเป็นการเซฟกว่าหากคุณจะเสียสละเวลาในการตั้งค่าสักนิด

หากต้องการลบหน้าเว็บไซต์จะต้องทำอย่างไร

เปิด Site ขึ้นมา แล้วเลือก Page ที่ต้องการลบ จากเมนูด้านซ้ายมือ เปิดเมนู More จากนั้นเลือก "Delete Page" จากนั้น Site จะแสดงหน้าจอยืนยันการลบ Site คลิกปุ่ม "Delete" เพื่อลบ Page.

ข้อใดเป็นข้อด้อยของ Google Sites

ข้อเสีย.
ไม่สามารถเพิ่มหรือปรับเปลี่ยน font อื่น ๆได้.
การปรับแต่ง Layout ในการใช้งานค่อนข้างจำกัด.
ไม่สามารถนำ CSS เข้ามาใช้งานได้.

พื้นที่จัดเก็บ Google Sites มีขนาดสูงสุดเท่าใด

100 MB. รายการที่เพิ่มเป็นไฟล์แนบหรือจัดเก็บไว้ในเว็บไซต์ (ในหน้าจัดการไฟล์) จะนับรวมในโควต้าด้วย จำนวนหน้า ไม่จำกัด (ไม่ควรเกิน 2,000 หน้าเพื่อประสิทธิภาพที่ดี)

ข้อใดคือประโยชน์ของ Google Sites

จุดเด่นของ Google Sites.
ให้บริการฟรี ไม่เสียค่าใช้จ่าย.
พื้นที่จัดเก็บข้อมูลไม่จำกัด.
มี Gadget มากมาย.
ใช้งานได้ง่าย.

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้