ทำยังไงให้เฟสบุ๊คเปิดการมองเห็น

โดนปิดการมองเห็น เป็นเรื่องปกติของ Facebook ที่เป็นแพลตฟอร์ม Social Media ที่มีผู้ใช้งานสูงที่สุดในโลกมากกว่า 2,600 ล้านคน (ข้อมูลปี 2021) เพราะฉะนั้นในหนึ่งวันจึงมีโพสต์มากมายเกิดขึ้นบน Facebook หลายสิบล้านโพสต์ที่จะแสดงอยู่บนแพลตฟอร์มดังกล่าว

ดังนั้นการจัดการโพสต์เหล่านี้เฟซบุ๊กจึงจำเป็นต้องมีวิธีการเลือกสรรคอนเทนต์คุณภาพหรือสิ่งที่คนสนใจมาแสดงให้ผู้ใช้งานได้ดูกัน หากเฟซบุ๊กยินยอมให้มีการโพสต์อะไรก็ได้บนแพลตฟอร์มของตนนั้นหมายความว่าคอนเทนต์จะอยู่กันเกลื่อนแพลตฟอร์มเลยทีเดียว จนทำให้กลุ่มผู้ใช้งานเฟซบุ๊กต้องย้ายไปใช้งานแพลตฟอร์มที่เหมาะกับตนเอง

การที่ผู้ใช้งานเยอะ และโพสต์ที่เกิดขึ้นมากมายในแต่ละวันนี่เอง จำเป็นสาเหตุที่ทำให้ เพจโดนปิดกั้นการมองเห็น หากใครที่คิดว่าเพจตัวเองเข้าข่าย โดนปิดการมองเห็น ก็ไม่ต้องกังวล มันก็มีวิธีแก้ไขอยู่ไม่ใช่ว่าจะแก้ไขไม่ได้เลย

Contents

Youtube Ref: Facebook ปิดกั้นการมองเห็น แก้ไงดี?! | LDA World

สาเหตุที่ทำให้เฟซ โดนปิดการมองเห็น

นอกจากนี้ต้องเข้าใจกับ มาตรฐานชุมชน Facebook ก่อน โดยแพลตฟอร์มเฟสบุ๊คถูกสร้างมาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิต ครอบครัว และการแสดงความคิดเห็นต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ที่เป็นไปตามความเหมาะสม มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเราจะเข้าเฟซบุ๊กมาแล้วเจอแต่เพจขายของเต็มหน้า Feed ไปหมด

โดยปกติแล้ว Facebook จะมีระบบ AI ที่ใช้อัลกอริทึมในการตรวจค้นหาคำที่ผิดกฎบน Facebook และถ้ามีการทำผิดกฎอย่างเช่นการขายของ การโพสต์บ่อยๆ ไลก์รัว ๆ ในแบบที่ดูผิดปกติ ก็จะโดนปิดกั้นการมองเห็นได้ หรือถ้าร้ายแรงมากก็อาจถึงขั้นถูกปิดการเข้าถึงบัญชีชั่วคราวกันเลยทีเดียว นอกจากนี้เพจที่โพสต์บ่อยๆ แล้วไม่ได้รับผลตอบรับที่ดีพอก็จะถูกปรับลดการมองเห็นได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งการถูกปิดกั้นการมองเห็นจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ

• การถูกปิดกั้นการมองเห็นบนโปรไฟล์ Facebook ของตัวเอง ที่เมื่อโพสต์แล้วไม่มีคนมากดถูกใจหรือคอมเมนต์ เพราะถูกปิดกั้นการมองเห็นจากการแชร์ข่าวสารที่มากเกินไป, กดถูกใจมากเกินไป หรือโพสต์คำที่ผิดกฎของ Facebook เป็นต้น
• การถูกปิดกั้นการมองเห็นบนเพจที่เราเป็นแอดมินเอง เกิดจากการโพสต์สิ่งที่ผิดกฎ Facebook เช่น ภาพโป๊เปลือย, คำหยาบ, คำต้องห้าม, คำกล่าวเกินจริง, อาวุธ, ของผิดกฎหมาย เป็นต้น แต่ในบางเพจก็อาจถูกปรับลดการมองเห็นไปเอง เนื่องจากผู้ใช้งาน Facebook เลือกค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเพจนั้นน้อยลง ทำให้เพจอื่นที่ถูกค้นหามากกว่าขึ้นมาแทนที่เพจเรา

ระบบ AI ของเฟซบุ๊ก

ในแต่ละวันที่โพสต์หลายสิบล้านโพสต์ได้เผยแพร่บนเฟซบุ๊ก ระบบที่ตรวจจับได้ง่ายที่สุดคือ AI นั่นเอง

จริง ๆ แล้วระบบ AI ของ Facebook เขาฉลาดมากพอสมควร จะเห็นได้จากหลายโพสต์ที่พยายามหลีกเลี่ยงคำที่คิดว่าจะผิดกฎ Facebook อย่างพวกคำต้องห้ามที่ไม่ควรใช้โฆษณาบน Facebook แต่บางครั้งก็พยายามไม่ให้ AI เขาจับได้อย่างเช่นคำว่า vๅe หรือ Vาย คำพวกนี้พอเอามาเรียงกันแล้วมันจับใจความไม่ได้ ตัว AI ของ Facebook ก็พยายามลดการมองเห็นได้เช่นกัน

วิธีเช็คว่าเพจของเรา โดนปิดการมองเห็น หรือเปล่า

ถ้าผู้ใช้งานที่หารายได้เข้ากระเป๋าด้วย Facebook บนแพล็ตฟอร์ม Marketplace หรือผ่านแอคเค้าท์ของตนเอง ก็คงจะขาดรายได้ไปเป็นกอบเป็นกำหรือคนที่หารายได้จากช่องทางของ Facebook เป็นหลักคงเป็นปัญหาใหญ่

ดังนั้นหากต้องเจอกับปัญหาเพจโดนปิดการมองเห็นคงจำเป็นต้องแก้ไขให้เร็วที่สุด โดยตรวจอาการของเพจว่าโดนปิดการมองเห็นหรือยัง

ในการตรวจสอบว่า Facebook ถูกปิดการมองเห็นหรือไม่นั้น ให้ลองโพสต์ที่ช่องสร้างโพสต์ของหน้าฟีดข่าวหรือหน้าไทม์ไลน์ โดยเนื้อหาที่โพสต์ลงไปนั้นจะมีประมาณว่า “ ใครมองเห็นโพสต์นี้ให้คอมเม้นท์ 99 ให้หน่อยครับ ขอบคุณครับ”

หรือโพสต์เนื้อหาที่สื่อถึงความต้องการให้มีเพื่อนใน Facebook หรือผู้ที่มองเห็นโพสต์คอมเมนต์ ซึ่งเมื่อโพสต์เสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น ถ้า Facebook ของเราได้ถูกปิดการมองเห็น จะมีผู้คอมเมนต์ในปริมาณที่น้อยมาก ๆ หรือถึงขั้นที่ไม่มีคนมาคอมเมนต์เลย

ในสำหรับบางคนอาจจะเปรียบเทียบจำนวนได้ไม่ถูกต้อง ลองย้อนกลับไปดูปริมาณของผู้ที่มากดถูกใจหรือคอมเมนต์ในโพสต์ก่อนหน้าประมาณ 3-4 โพสต์ โดยที่ Facebook ของคุณถูกปิดการมองเห็น จะมองเห็นความแตกต่างได้อย่างชัดเจนเลยว่า Facebook ได้ถูกปิดการมองเห็นแล้ว

วิธีแก้ไขเมื่อเพจ โดนปิดการมองเห็น

ในการถูกปิดการมองเห็นของ Facebook นั้นอาจจะใช้เวลา 1 วัน 3 วัน 1 สัปดาห์ หรือแม้กระทั่งอาจจะเป็นเดือน ๆ สำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหานี้ ให้พิจารณาขั้นตอนดังนี้

วิธีการแก้ไขเบื้องต้นนั้นก็คือ ลองโพสต์ข้อความเพื่อให้คนมาคอมเมนต์ในทุก ๆ วัน เพื่อติดตามว่า Facebook ของเราได้ถูกยกเลิกการปิดกั้นการมองเห็นแล้วหรือยัง แต่นอกจากนี้มีหลายวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาการถูกปิดการมองเห็น ได้แก่

ลองหยุดแชร์ข่าวสารประมาณ 5-7 วัน

สำหรับใครที่โพสต์ถี่เกินไปหรือแชร์ข่าวสารมากในปริมาณมากเกินไป AI ของ Facebook อาจจะคิดว่าคุณเป็นบอทที่คอยปั่นโพสต์ ลองหยุดโพสต์ประมาณ 5-7 วัน อาจจะโดนยกเลิกการปิดการมองเห็นได้เช่นกัน

อวยพรวันเกิดเพื่อน (สำหรับบัญชีส่วนตัว)

การสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างเราและเพื่อนใน Facebook เป็นหัวใจหลัก ๆ ที่ทำให้แพลตฟอร์มนี้เกิดขึ้นมา อีกทั้งการเข้าไปอวยพรวันเกิดเพื่อนในเฟซบุ๊กเป็นการยืนยันตัวตนว่าเราเป็นคนจริง ๆ ไม่ใช่บอท

ลบโพสต์ที่ผิดกฎ Facebook

การโพสต์สิ่งที่ Facebook ห้ามไว้ AI จะปิดกั้นมองเห็นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเราจำเป็นต้องลบโพสต์ต้องห้ามพวกนี้ออกให้หมด แล้วรอประมาณ 3-5 วันแล้วค่อยเช็คอีกครั้งว่ากลับมาสู่สภาวะปกติแล้วหรือยัง

แชทหาเพื่อนหรือลูกค้าหรือลูกเพจ

คล้าย ๆ กับการอวยพรวันเกิดเหมือนกัน การสร้างปฏิสัมพันธ์บน Facebook เป็นหัวใจหลัก ๆ เพราะฉะนั้นการแชทหาลูกค้า ลูกเพจบ้าง นอกจากไม่ทำให้เกิดอาการ โดนปิดการมองเห็น แล้ว ยังทำให้เพจดูมีความน่าเชื่อถืออีกด้วย

Content is King

ทำโพสต์ที่มีคุณภาพนั้น ช่วยทำให้กลุ่มเป้าหมายเกิดความสนใจกับโพสต์มากขึ้น และยังเป็นการสร้างโพสต์ที่มีประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย หาก Facebook เห็นแล้วว่าโพสต์นั้นมีประโยชน์จริง ๆ มันก็จะนำส่งให้มองเห็นมากขึ้นโดยอัตโนมัติเอง

ในความหมายของคุณภาพก็คือ อาจจะแนะนำประโยชน์สินค้าเป็นหลักหรือไม่ก็ชี้นำให้เห็นประโยชน์ไปเลยแทนการขายอย่างเดียว เช่น เพจธุรกิจโรงแรม ให้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับการท่องเที่ยวในละแวกนั้นของตนเอง แล้วค่อยแทรกการขายเข้าไปในโพสต์แทนที่จะขายแบบตรง ๆ โดยอาจจะยึดกฎ70:20:10 เพื่อเป็นการสร้าง Content Pillar ที่ชัดเจนได้ด้วย

อย่าทำผิดกฎ Facebook

การทำผิดกฎของ Facebook ก็ส่งถึงต่อการปิดกั้นได้เหมือนกัน สำหรับกฎของ Facebook เราก็สามารถหาอ่านได้ทั่วไป เมื่อเราทำผิดกฎ เบื้องต้นเราก็โดนเพียงแค่ลดการมองเห็นลง แต่เมื่อไหร่ที่ผิดบ่อย ๆ และร้ายแรงมากขึ้น จะส่งผลทำให้เพจและบัญชีของเราโดนแบนได้

ยิงแอด Facebook สักหน่อยเพื่อหากลุ่มเป้าหมาย

Facebook ที่ลดการมองเห็นส่วนหนึ่งก็มาจากคนใช้งาน จึงต้องบีบให้ลดการมองเห็นและในที่สุดก็ซื้อโฆษณาเพื่อให้เข้าถึงและขายสินค้าได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งถ้าเรายังขายในเพจหรือเฟซส่วนตัวอยู่ เราก็จะได้ลูกค้าเดิม ไม่มีกลุ่มเป้าหมายใหม่ ๆ มาเพื่อให้เราขายสินค้าได้เพิ่ม การยิงแอด Facebook เราสามารถยิงแอดได้ผ่านทั้งโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์

กดติดตามแทนกดถูกใจ

Facebook เริ่มให้ความสำคัญกับคนที่กดติดตามเพจ มากกว่าการกดถูกใจเพจ โดยปุ่ม Like กำลังทยอยถอดออกจากหน้าเพจ เหลือไว้แค่ปุ่ม Follow หรือติดตาม ดังนั้นหากคุณสนใจคอนเทนต์ของเพจไหน ให้กดติดตามเอาไว้ก่อน เพราะจะช่วยให้เข้าถึงเนื้อหาของเพจได้มากกว่า

มีรีแอคชั่น คอมเมนต์สม่ำเสมอ

อยากที่รู้กันว่าเฟซบุ๊คเฝ้าติดตามพฤติกรรม และความสนใจของผู้ใช้อยู่ตลอดเวลา หากเราถูกใจคอนเท้นท์ไหน แล้ว ไม่ส่งสัญญาณให้ Facebook รู้ อย่างกดดูเนื้อหา กดรีแอคชั่น กด Like ใส่อิโมจิ หรือ คอมเมนต์ใต้โพสต์ เนื้อหาจากเพจที่คุณชื่นชอบอาจจะหายไปจากหน้าฟีดได้

แชร์คอนเทนต์ที่ถูกใจ อย่าไถผ่าน

เนื้อหาดี ๆ บนฟีด Facebook สร้างได้ ใครที่เจอคอมเทนท์ที่โดนใจ อ่านแล้วเป็นประโยชน์อยากสนับสนุนก็ทำได้ง่ายๆ แค่กดแชร์โพสต์ไปที่หน้าฟีดของตัวเอง ให้เพื่อน หรือคนที่ติดตามคุณอยู่ได้เห็นคอนเทนต์ที่เป็นประโยชน์เช่นกัน

จัดระเบียบหน้าฟีด คัดเฉพาะที่เลือก

ความสนใจของเราเลือกได้ มีหลายคนที่กดติดตามเพจเอาไว้จำนวนมาก จนทำให้พลาดเนื้อหาที่สนใจจริงๆ ลองมาจัดระเบียบเพจที่กดติดตามดูว่าเพจไหนที่ใช่สำหรับเรา และเพจไหนที่เลิกอัปเดต หรือเปลี่ยนเนื้อหา กลายร่างเป็นเพจอื่นไปแล้วโดนที่เราไม่ทันรู้ตัว เพื่อกรองเนื้อหาที่เราสนใจจริงๆ แบบไม่ต้องรอให้ Facebook เลือกให้

กดติดตามเนื้อหาที่ชอบ ได้ในโซเซียลอื่น

หลายเพจไม่ได้ฝากชีวิตไว้บน Facebook เท่านั้น หากชื่นชอบเนื้อหาของเพจไหนจริงๆ เราสามารถคลิกเข้าไปดูที่หน้าเว็บ หรือกดติดตามโซเชียลอื่น อย่าง Twitter , Instagram , YouTube หรือ TikTok ซึ่งคุณอาจจะพบเจอกับคอนเทนต์เนื้อหาเดิม แต่เพิ่มเติมด้วยรูปแบบใหม่ ที่น่าสนใจและแตกต่างไปจากเดิมก็เป็นได้

หยุดปั๊มไลก์

ปัจจุบันเราจะเห็นว่ามีการรับจ้างปั๊มไลก์กันเต็มไปหมด ว่ากันง่าย ๆ มันก็คือการให้บอทเข้าไปปั่นโพสต์เรานั่นแหละ ซึ่งแน่นอนว่ามันผิดกฎของ Facebook นอกจากจะทำให้ โดนปิดการมองเห็น ในระยะแรกแล้วในเวลาต่อมาอาจจะเกิดปัญหาโดนปิดเพจไปเลยก็ได้

สรุป

ปัจจุบันการ โดนปิดการมองเห็น เราจะสามารถเห็นได้ง่ายมาก เนื่องจากมันมีหลายปัจจัยที่ทำให้อยู่ในสังคมโซเชียลมีเดียได้อย่างสบายใจและแน่นอนสังคมนี้มันแน่นขึ้นทุกวัน การใช้ระบบ AI เข้ามาช่วย เป็นประโยชน์ต่อการคัดกรองเนื้อหาที่ไม่จำเป็นออก

ในยุคที่แข่งขันกันด้วย Digital Content แบบนี้ เหล่าผู้ผลิต Content ต้องห้ามพลาดเลยล่ะ เพราะถ้าหากถูกปิดกั้นไปเรื่อย ๆ แล้วล่ะก็ ต่อไปเฟซบุ๊กอาจจะให้ค่าคุณภาพ Content ของเราต่ำเตี้ยเรี่ยดินได้เลยทีเดียว

เพราะฉะนั้นหากเราไม่ทำตามกฎที่แพลตฟอร์มนั้น ๆ กำหนด มุ่งเป้าแต่การขายอย่างเดียวอาจไม่ใช่ทางออกอีกต่อไป นึกภาพตัวเองเข้าเฟซบุ๊กดู แล้วโดนยิงแอดขายของกันอย่างเดียวไม่เห็นโพสต์เพื่อนเราเลยเราคงไม่ค่อยแฮปปี้เท่าที่ควร แบรนด์ควรหาแนวทางการการเขียน Content และปรับให้เหมาะสมกับแพลตฟอร์มนั้น ๆ จึงจะดีที่สุด

ผู้ประกอบการท่านใด ต้องการเดินบนเส้นทางธุรกิจออนไลน์ ปรึกษา Exvention ได้เลยครับ นอกจากนี้เรายัง รับทำเว็บไซต์และการตลาดออนไลน์ อีกด้วย !