สำหรับคนที่ใช้รถใหม่ การตรวจสภาพรถยนต์อาจไม่ใช่เรื่องที่คุณคุ้นเคยหรือจำเป็นเท่าไหร่ แต่สำหรับผู้ที่ใช้รถเริ่มเก่าแล้ว จะต้องทำการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานอยู่เสมอ รถจะต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับรถ, ผู้โดยสาร, ผู้ขับขี่รถคันอื่น ๆ และคนเดินถนน มาดูกันว่ารถกี่ปีต้องตรวจสภาพ แล้วเราจะเสียเงินเท่าไหร่
ตรวจสภาพรถ กี่ปีต้องตรวจ นับยังไง
ตามกฎหมายได้กำหนดให้รถทุกคันที่มีอายุรถเกิน 5-7 ปี นับตั้งแต่วันที่จดทะเบียนครั้งแรก จะต้องทำการตรวจสภาพรถ ก่อนต่อภาษีรถยนต์ โดยแบ่งออกตามประเภทคือ
- ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์ ที่อายุเกิน 5 ปีขึ้นไป
- รถยนต์ อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
- รถบรรทุก อายุเกิน 7 ปีขึ้นไป
- ตรวจสภาพรถก่อนภาษีประจำปีหมดอายุได้ 3 เดือนล่วงหน้า
แล้วนับปีอย่างไร?
- มอเตอร์ไซค์ที่จดทะเบียนปี 2560 ต้องตรวจสภาพรถตั้งแต่ปี 2565
- รถยนต์ รถบรรทุกที่จดทะเบียนปี 2558 ต้องตรวจสภาพรถตั้งแต่ปี 2565
ซึ่งกฎหมายกำหนดให้ทุกคันต้องต่อภาษี และมีป้ายวงกลม (ป้ายภาษี) มาแปะที่รถ ดังนั้นถ้าไม่ตรวจสภาพรถ ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ (ข้อมูลรถส่วนบุคคล)
ตรวจสภาพรถที่ไหน ราคาเท่าไหร่
การตรวจสภาพรถสามารถทำได้ทุกที่ ที่มีสัญลักษณ์ ตรอ. (ยกเว้นรถดัดแปลงต้องไปกรมขนส่ง) ใช้เวลาไม่นานถ้าไม่มีคิวก็ประมาณ 10-20 นาทีก็ตรวจเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีเรทราคาเท่ากันทั่วประเทศคือ
- ตรวจสภาพรถมอเตอร์ไซค์ ราคา 60 บาท
- รถยนต์น้ำหนักไม่เกิน 1600 กิโลกรัม 150 บาท
- รถยนต์น้ำหนักเกิน 1600 กิโลกรัม 200 บาท
อย่างไรก็ตามทางกรมการขนส่งทางบกได้ประกาศว่าจะเปิดตรวจสภาพรถฟรีกว่า 20 รายการ ตั้งแต่ วันนี้ จนถึง 15 เม.ย. 2565 เนื่องในโอกาสของเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งหลายคนอาจเดินทางไกลและมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การตรวจสภาพรถจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อความปลอดภัยตลอดการเดินทางในช่วงเทศกาล
ตรวจสภาพรถแล้ว ต่อภาษีที่ไหน เท่าไหร่
เมื่อตรวจสภาพผ่านแล้ว ก็จะสามารถนำผลตรวจไปขอต่อภาษีกับกรมขนส่งได้เลย เช่นที่ จตุจักร / สวนผัก / กรมขนส่งจังหวัด หรือไปต่อภาษีวันเสาร์อาทิตย์ที่บิ๊กซี หรือเสียเงินฝากตัวแทนต่อภาษีก็ได้
อัพเดท: ล่าสุดจ่ายภาษีรถออนไลน์ได้แล้วที่ eservice.dlt.go.th หลังตรวจสภาพรถผ่าน
- ต่อภาษีรถยนต์เสาร์อาทิตย์ที่ไหนได้บ้าง
โดยตามกฎหมาย พ.ร.บ.รถยนต์ ปี พ.ศ. 2522 กำหนดค่าภาษีรถจักรยานยนต์ตามประเภทและการใช้งานไว้ดังนี้
- รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ส่วนบุคคล ภาษีรถจักรยานยนต์ คันละ 100 บาท
- รถจักรยารนตอร์ (มอเตอร์ไซค์) สาธารณะ ภาษีรถจักรยานยนต์ คันละ 100 บาท
- รถพ่วงของรถมอเตอร์ไซค์ส่วนบุคคล ภาษีรถมอเตอร์ไซค์ คันละ 50 บาท
- รถพ่วงนอกเหนือจากข้อ 3. ภาษีรถมอเตอร์ไซค์ คันละ 100 บาท
- ต่อพรบ รถจักรยานยนต์ ราคาเท่าไหร่
ตรวจสภาพรถไม่ผ่าน ไม่ต่อภาษีได้ไหม
ไม่ได้ หากคุณไม่ต่อภาษีและถูกจับจะมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท ตามมาตรา 11 ที่ให้รถทุกคันแสดงแผ่นป้ายครบถ้วน ให้นำไปแก้ไขและกลับมาตรวจที่เดิมได้
ราคาค่าบริการ ตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี (ตรอ.) ราคา พ.ร.บ. และราคาค่าบริการฝากต่อภาษี หรือเสียภาษี ของ ตรอ.ทรัพย์ไพศาล(ในกรณีที่ฝากให้เราต่อภาษีให้) ซึ่งราคาค่าตรวจสภาพรถ และค่า พ.ร.บ. เป็นราคามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด
ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการเพียงแค่อย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ เช่น จะตรวจสภาพอย่างเดียว หรือทำพ.ร.บ. อย่างเดียวก็ได้ ไม่ว่ารถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ จำเป็นจะต้องได้รับการตรวจสภาพรถทุกครั้งก่อนเสียภาษีประจำปี ทำไมจะต้องนำรถไปตรวจสภาพ ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสภาพรถกี่บาท ตรวจสภาพรถได้ที่ไหนบ้าง เป็นเรื่องที่คนมีรถต้องรู้ วันนี้เรามีคำแนะนำมาฝากกันค่ะ
ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง
ทุกปีสำหรับผู้ที่เป็นเจ้าของรถทุกคนจะต้องมีการนำรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ของคุณไปต่อภาษี จะต้องนำรถของตนไปตรวจสภาพรถก่อนทำการเสียภาษีรถ รถที่จะนำไปตรวจสภาพจะต้องเป็นรถยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป แต่สำหรับคนที่เพิ่งที่มีรถอายุใช้งานครบตามที่กำหนด อาจจะสงสัยว่าจะ ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง สำหรับการตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง นั้นมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน
สิ่งที่ต้องเตรียมในการตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง ได้แก่
1.สมุดทะเบียนรถ หรือสำหรับผู้ที่เอารถเข้าไฟแนนซ์อยู่ หรือรถที่กำลังผ่อนอยู่ จะไม่มีสมุดทะเบียนรถ ก็สามารถนำสำเนาทะเบียนรถใช้ในการตรวจสภาพรถได้
2.รถที่จะนำไปตรวจสภาพ
3.ค่าตรวจสภาพรถ โดยรถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม คันละ 200 บาท รถยนต์ที่มีน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 บาท กิโลกรัม คันละ 300 บาท เท่านี้ จะเห็นว่าเอกสารที่ใช้สำหรับเตรียมตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้างนั้นไม่ยุ่งยากเลย หลังจากที่ทราบแล้วว่าตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้างแล้วนั้น สงสัยกันหรือไม่ว่าทำไมต้องนำรถไปตรวจสภาพรถประจำปีก่อนเสียภาษี ไปติดตามกันต่อค่ะ
ทำไมต้องนำรถไปตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษี
ตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ได้มีบัญญัติว่า รถที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปี โดยนับตั้งแต่วันจดทะเบียนครั้งแรก จนถึงวันสิ้นสุดอายุภาษีประจำปี เช่น หากรถเก๋งของคุณจดทะเบียนปี พ.ศ.2565 เมื่อครบ 7 ปี จะต้องเข้ารับตรวจสภาพรถปี พ.ศ.2572 ทั้งนี้การตรวจสภาพรถก็เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนที่ใช้รถใช้ถนนคนอื่น และสภาพแวดล้อมด้วย ซึ่งรถที่นำมาใช้บนท้องถนน ต้องมีสภาพมั่นคง แข็งแรง มีลักษณะ ขนาด และเครื่องอุปกรณ์ส่วนควบของรถ ถูกต้องตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง โดยรถที่ต้องตรวจสภาพรถก่อนเสียภาษีประจำปีนั้น ได้แก่
1.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
2.รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน ที่มีอายุใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
3.รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล ที่มีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
4.รถจักรยานยนต์ ที่มีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
ทั้งนี้คุณสามารถนำรถไปตรวจสภาพรถล่วงหน้าได้ไม่เกิน 3 เดือน ก่อนถึงวันสิ้นอายุภาษีประจำปี โดยนำเอกสารเข้าไปตรวจสภาพที่ตรอ. หากผลการตรวจสภาพรถผ่าน สถานตรวจสภาพรถจะออกใบรับรองการตรวจสภาพรถตามแบบที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด แต่หากพบว่ารถไม่ผ่านเกณฑ์การตรวจสภาพ สถานตรวจสภาพจะแจ้งให้เจ้าของรถทราบ เพื่อนำรถไปแก้ไขข้อบกพร่องก่อน แล้วจึงนำรถมาตรวจสภาพรถใหม่ที่ตรอ.เดิมอีกครั้งภายใน 15 วัน แต่จะเสียค่าตรวจสภาพในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าบริการเดิม แต่หากเกิน 15 วัน หรือนำรถไปตรวจสภาพที่ตรอ.อื่น จะเสียค่าบริการตรวจสภาพรถเต็มอัตราเหมือนเดิม
รถที่ไม่สามารถนำไปตรวจสภาพรถที่ตรอ.ได้
โดยปกติแล้ว หลายคนเลือกให้บริการตรอ.เพื่อตรวจสภาพรถและฝากต่อภาษี แต่มีรถบางลักษณะที่ต้องนำไปให้นายทะเบียนตรวจสภาพที่หน่วยงานของกรมการขนส่งทางบกเท่านั้น คือรถที่ดัดแปลงสภาพผิดไปจากที่ได้จดทะเบียนไว้ ดังนี้
1.รถที่เปลี่ยนสี หรือเปลี่ยนแปลงตัวรถหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรถให้ผิดไปจากรายการที่จดทะเบียนไว้ในสมัครคู่มือทะเบียนรถ ยกตัวอย่างเช่น รถเคยยกเครื่องแล้วเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ใส่แทน เปลี่ยนลักษณะรถผิดไปจากเดิม เป็นต้น
2.รถที่ไม่สามารถตรวจสอบเลขตัวรถหรือเลขเครื่องยนต์ได้ ซึ่งอาจจะมีการแก้ไขเลข ขูด ลบ หรือไม่ชัดเจน ทำให้ไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้
3.รถที่เจ้าของแจ้งไม่ใช่รถชั่วคราว หรือไม่ใช้ตลอดไปไว้
4.รถเก่าที่มีเลขทะเบียนเป็นเลขทะเบียนรุ่นเก่า เช่น กท-00001,กทจ-0001 จึงต้องเปลี่ยนทะเบียนรถใหม่เมื่อนำมาเสียภาษีประจำปี
5.รถที่มีปัญหาเคยถูกขโมยแล้วได้คืน
6.รถที่ขาดต่อทะเบียนเกิน 1 ปี
ตรวจสภาพรถ ตรวจอะไรบ้าง
การตรวจสภาพรถเบื้องต้น จะต้องมีการตรวจสอบให้ตรงกับข้อมูลในคู่มือจดทะเบียนรถของรถคันนั้น และตรวจสอบตัวรถดังนี้
1.ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรถ เช่น แผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ หมายเลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์
2.ตรวจสภาพของตัวรถ ตัวถัง สี อุปกรณ์ด้านความปลอดภัยว่าพร้อมใช้งานมากน้อยเพียงใด เช่น พวงมาลัย ที่ปัดน้ำฝน เป็นต้น
3.ตรวจสอบการทำงานของระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก ว่าสามารถงานได้ปกติหรือไม่
4.ทดสอบการทำงานและประสิทธิภาพของระบบเบรกทุกชิ้น ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
5.ตรวจสอบวัดโคมไฟหน้า ทิศทางการเบี่ยงเบนของแสง และวัดค่าความเข้มของแสง
6.ตรวจสอบวัดค่า CO ก๊าซคาร์บอนมอนออกไซด์ HC ก๊าซไฮโดรคาร์บอน สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง
7.การตรวจวัดเสียงรถต้องไม่เกิน 100 เดซิเบล
8.รถยนต์เครื่องดีเซล ต้องตรวจควันดำ ระบบการกรองต้องไม่เกินร้อยละ 50 และระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45
9.รถยนต์ที่ติดแก๊ส ต้องมีการตรวจ ทดสอบ เช็คตามข้อ ตลอดจนท่อและอุปกรณ์แก๊สทั้งระบบว่าสมบูรณ์พร้อมใช้งานหรือไม่ โดยถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี แต่หากถังแก๊สมีอายุการใช้งานเกิน 10 ปี จะต้องตรวจสอบ พิจารณาความพร้อมของอุปกรณ์ติดตั้งว่ายังสมบูรณ์พร้อมใช้งานต่อได้หรือไม่ มากน้อยแค่ไหน ถ้าหากตรวจสอบแล้วจะมีการออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปีตามกฎหมาย
ตรวจสภาพรถที่ไหนได้บ้าง?
หลายคนมักจะเคยชินกับการนำรถไปตรวจสภาพที่ตรอ.และฝากต่อภาษีในคราวเดียวกัน แต่จริง ๆ แล้วปกติจะต้องนำรถไปตรวจสภาพรถและต่อภาษีรถที่กรมการขนส่งทางบก หรือขนส่งจังหวัด แต่เพื่อความสะดวกในการนำรถไปตรวจสภาพ จึงได้มี สถานตรวจสภาพรถเอกชน หรือ ตรอ. เป็นสถานที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ให้สามารถดำเนินการตรวจสภาพรถให้ตรงตามข้อกำหนดของกรมการขนส่งทางบกได้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ที่มีรถไม่ต้องเสียเวลาไปกรมการขนส่งทางบกเพื่อตรวจสภาพรถ ซึ่งสามารถเข้า google หรือ google maps เพื่อค้นหาตรวจสภาพรถ ตรอ.ใกล้บ้านได้ไม่ยาก หรือมองหาสถานตรวจสภาพรถที่มีสัญลักษณ์ ตรอ.ได้ใกล้บ้านคุณ
ตรวจสภาพรถแล้ว อย่าลืมซื้อ พ.ร.บ. ก่อนต่อภาษี
หลังจากที่ตรวจสภาพรถเรียบร้อยแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่น้อยก่อนที่จะต่อภาษีรถคือ การซื้อพ.ร.บ.เพื่อเป็นการทำประกันภัยให้แก้ผู้ประสบภัยจากรถในกรณีที่รถยนต์ประสบอุบัติเหตุ โดยคุ้มครองทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณีหรือบุคคลภายนอก หากไม่ต่อพ.ร.บ.ก็จะไม่สามารถต่อภาษีรถได้ จึงจำเป็นจะต้องซื้อพ.ร.บ.ทุกปี โดยจะได้รับความคุ้มครองเป็นค่าเสียหายเบื้องต้น และค่าสินไหมทดแทนดังนี้
ค่ารักษาพยาบาลตามจริงคนละไม่เกิน 80,000 บาท
ค่าสินไหมทดแทน กรณี สูญเสียอวัยวะ*/ทุพพลภาพอย่างถาวรหรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง สูงสุดคนละ 500,000 บาท
ค่าสินไหมทดแทนกรณีเสียชีวิต สูงสุดคนละ 500,000 บาท
เงินชดเชยกรณีรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในสถานพยาบาล วันละ 200 บาท ไม่เกิน 20 วัน
หมายเหตุ *กรณีสูญเสียอวัยวะ เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ประกันภัยคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
พ.ร.บ.จะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยจากรถที่ได้รับความเสียหายต่อชีวิต ร่างกายภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันที่บริษัท พ.ร.บ.ได้รับคำร้องขอ โดยไม่รอการพิสูจน์ความรับผิด ดังนี้
ค่ารักษาพยาบาลตามจริง คนละไม่เกิน 30,000 บาท
ค่าเสียหายเบื้องต้น กรณีผู้ประสบภัยสูญเสียอวัยวะ/ทุพพลภาพอย่างถาวร คนละไม่เกิน 35,000 บาท
ค่าปลงศพ ไม่เกิน 35,000 บาท
หากเกิดความเสียหาย หลายกรณีรวมกัน จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นรวมกันแล้วไม่เกินคนละ 65,000 บาท
หมายเหตุ :กรณี ผู้ประสบภัยเป็นผู้ขับขี่รถคันที่เอาประกัน จะได้รับความคุ้มครองไม่เกินค่าเสียหายเบื้องต้นเท่านั้น
หลังจากที่ซื้อพ.ร.บ.เรียบร้อยแล้วก็สามารถต่อภาษีรถได้ โดยสามารถศึกษาขั้นตอนการต่อภาษีเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก (link ไปที่บทความ ต่อภาษีรถยนต์ )
อย่าสับสน พ.ร.บ.กับป้ายภาษี ไม่เหมือนกัน
เชื่อว่าหลายคนมักเกิดความสับสนและเข้าใจผิด หรือเรียกผิดเรียกถูกระหว่างป้ายภาษีและพ.ร.บ. เพราะทั้งสองมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พ.ร.บ.คือประกันภัยภาคบังคับ ที่รถทุกคันต้องมี หากไม่ต่อพ.ร.บ.ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ เป็นเอกสาร A4 ที่ออกโดยบริษัทประกันภัย
ป้ายภาษี คือเอกสารที่ติดบนกระจกรถ แสดงให้เห็นว่ารถคันนี้ได้เสียภาษีเรียบร้อยแล้ว หากขาดต่อภาษีอาจจะทำให้ทะเบียนรถถูกระงับ ในกรณีขาดต่อภาษีเกิน 3 ปี ต้องจดทะเบียนเล่มใหม่และเสียค่าปรับร้อยละ 1 ต่อเดือน
ทราบกันไปแล้วนะคะว่า จะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนเอารถไปตรวจสภาพ ตรวจสภาพรถใช้อะไรบ้าง ตรวจสภาพรถได้ที่ไหน และมีค่าใช้จ่ายประมาณกี่บาท ทั้งนี้การนำรถไปตรวจสภาพรถประจำปีจะต้องทำก่อนเสียภาษีรถทุกครั้ง จึงเป็นเรื่องที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้ เพราะอย่างน้อยการนำรถไปตรวจสภาพ ก็ช่วยให้คุณสามารถนำรถไปใช้ขับขี่บนท้องถนนได้อย่างสบายใจ ทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และเพื่อนร่วมทางที่ใช้รถใช้ถนนอีกด้วย หากรถที่อยู่ในสภาพที่ไม่พร้อมใช้งานก็จะตรวจสภาพรถไม่ผ่าน แต่ยังสามารถนำรถไปตรวจสภาพรถใหม่อีกครั้งหนึ่งได้ หลังจากที่คุณได้ทำการแก้ไขจุดบกพร่องที่เป็นเหตุทำให้การตรวจสภาพรถไม่ผ่านได้อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนทุกคนค่ะ นอกจากนี้การเพิ่มความอุ่นใจในการใช้รถด้วยการเลือกทำประกันภัยรถยนต์ติดไว้สักตัว ก็เป็นอีกทางเลือกในการคุ้มครองการขับขี่รถมากยิ่งขึ้น สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก
Heng Call center : โทร 1361
คุยกับเจ้าหน้าที่ของเราแบบ real – time ได้ แถมยังสามารถ ปรึกษา สอบถามข้อมูล ได้ทันที ไม่ต้องรอนาน กดเลย
ทักแชทกับเจ้าหน้าที่ผ่าน FB:Hengleasing และ Line:@Hengleasing ของเรา แล้วรอการติดต่อกลับจากเจ้าหน้าที่