เมื่อถึงเวลานั้นของปี รถยนต์อย่างรถกระบะ ไม่ว่าจะใช้งานในชีวิตประจำวันหรือเป็นรถรับจ้างก็ตาม การนำรถไปต่อภาษี หรือที่เรียกว่าต่อทะเบียน เป็นเรื่องที่กฎหมายกำหนด และเจ้าของรถจะต้องทำตามอย่างเคร่งครัด ซึ่งในทุกๆประเทศ การเก็บภาษีรถยนต์ เพื่อให้รถสามารถต่อทะเบียนได้นั้น เป็นเรื่องปกติ เพราะ ภาษีรถยนต์ ที่เรียกว่า Vehicle Excise Duty (VED) ถูกนำมาใช้เก็บภาษีในต่างประเทศ อย่างประเทศอังกฤษเริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1888(wiki) แต่ในประเทศไทยนั้น เริ่มต้นช้ากว่ามาก เนื่องจากรถยนต์พึ่งถูกนำมาแนะนำ ประมาณปี 1969(wiki) เนื่องจากมีการผลิตรถยนต์ในประเทศมากขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ จะเห็นได้ว่าการเก็บภาษี จากการต่อทะเบียนรถยนต์นั้น มีมานาน และไม่ได้มีในประเทศไทยประเทศเดียว และนี่เป็นเหตุผลเกี่ยวกับบทความนี้ สำหรับผู้ที่อยากรู้ว่า ค่าต่อทะเบียนรถกระบะ แบบคร่าวๆ ราคาประมาณเท่าไหร่ ทั้งแบบรวม พ.ร.บ รถกระบะด้วย หรือ ไม่รวมก็ได้ จะได้เตรียมเงินเพียงพอที่จะไปต่อภาษีได้ และวันนี้เรามีคำตอบ
ป้ายทะเบียนรถกระบะส่วนใหญ่ มี 2 ประเภท ดำ กับ เขียว
แม้ว่าจะเป็นรถกระบะเหมือนกัน แต่การใช้งานอาจแตกต่างกันออกไป เพราะรถกระบะนั้น เป็นรถอเนกประสงค์ ที่จะสามารถขับใช้ในชีวิตประจำวันได้ปกติทั่วไป หรือ จะเอาไปเป็นรถกระบะบรรทุกก็ได้เช่นเดียวกัน ซึ่งโดยปกติ ก่อนหน้านี้ รถกระบะสามารถจดทะเบียนเป็นแผ่นป้ายทะเบียนสีฟ้าได้ แต่ปัจจุบัน ห้ามใช้จดในกระบะแบบ 4 ประตูแล้ว ซึ่งรถกระบะในปัจจุบัน สามารถจดทะเบียนได้ เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้คือ
- กระบะ 2 ประตู ต้องจดเป็นป้ายทะเบียนสีเขียว
- กระบะ 4 ประตู สามารถจดเป็นป้ายทะเบียนสีดำ หรือ สีเขียวก็ได้
และสำหรับ กระบะ 2 ประตู จะตีเป็นรถบรรทุก จึงต้องเป็นทะเบียนสีเขียว และ กระบะ 4 ประตู อาจเป็นรถบรรทุกก็ได้หรือเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลก็ได้ โดยที่ทะเบียนรถกระบะจะมี ดังนี้
- ป้ายทะเบียนสีขาว ตัวหนังสือสีดำ สำหรับรถกระบะส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 ที่นั่ง
- ป้ายทะเบียนสีขาว ตัวหนังสือสีเขียว สำหรับรถกระบะ สำหรับการบรรทุกของ ส่วนบุคคล
- ป้ายทะเบียนสีเหลือง ตัวหนังสือสีแดง สำหรับรถกระบะรับจ้าง ที่วิ่งระหว่างจังหวัด
อธิบายให้เข้าใจง่ายๆ ภาษีรถกระบะ คิดยังไง?
กระบะ ป้ายทะเบียนดำ ค่าต่อทะเบียน คิดเท่ารถเก๋ง คิดตาม ขนาดเครื่องยนต์
บัญชีอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 | |||
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน | รถที่เก็บเป็นคัน | บาท | |
เก็บตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี) | บาท | ||
1. ความจุกระบอกสูบ 1.1 600 ซีซี ๆ ละ 1.2 601 – 1,800 ซี.ซี. ๆ ละ 1.3 เกิน 1,800 ซี.ซี. ๆ ละ 2. เป็นนิติบุคคลที่มิได้เป็นผู้ให้เช่าซื้อ 3. เป็นรถเก่าใช้มานานเกิน 5 ปี ให้ลดภาษี 4. เป็นรถที่ใช้ล้ออย่างอื่น นอกจากล้อยางกลวง เพิ่มอีก | 0.50 1.50 4.00 2 เท่า ร้อยละ 1/2 | 1 รถจักรยานยนต์ คันละ 2. รถพ่วงของรถจักรยานต์ คันละ 3. รถพ่วงนอกจากข้อ 2 คันละ 4. รถบดถนน คันละ 5. รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ | 100 50 100 200 50 |
ข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522
กระบะที่จะมาคิดภาษีในรูปแบบ ตาม ปริมาณ cc หรือกระบอกสูบได้นั้น จะต้องเป็นกระบะที่มีทะเบียนเป็นตัวดำ และ เป็นรถที่ไม่ใช่สำหรับการบรรทุก โดยเราจะยกตัวอย่างดังนี้
Isuzu 1.9 Ddi Blue Power เครื่องยนต์ 1.9 ลิตร (ตัวอย่าง)
- หากรถยนต์เข้าสู่ปีที่ 2 แล้ว จะต้องเสียภาษี CC ละ 4 บาท = 1,900cc X 4 = 7,600 บาท
- ถ้าใช้ รถกระบะคันนี้ มาถึงปีที่ 6 จะเสียภาษี แบบมีส่วนลด 10% คือ 7,600 – (10% X 7,600) = 6,840 บาท
- ถ้าใช้มาถึงปีที่ 10 ไปเรื่อยๆ จะได้ส่วนลดภาษี 50% = 7,600 / 2 = 3,800 บาท
- ค่า พ.ร.บ ของรถกระบะ 4 ประตู จะเท่ากับรถเก๋ง โดยคำนวณตาม ขนาดเครื่องยนต์
กระบะป้ายเขียว 2 ประตู สำหรับการบรรทุก ค่าต่อทะเบียน คิดตามน้ำหนักรถ
บัญชีอัตราภาษีตาม พ.ร.บ. รถยนต์ พ.ศ. 2522 | ||||
น้ำหนักรถ(กก.) | 1.รถยนต์นั่งสำหรับ บุคคลเกิน 7 คน | 1.รถยนต์รับจ้าง รถระหว่างจังหวัด | 1. รถยนต์รับจ้าง | 1. รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล |
ไม่เกิน 500 | 150 | 450 | 185 | 300 |
501 – 750 | 300 | 750 | 310 | 450 |
751 – 1,000 | 450 | 1,050 | 450 | 600 |
1,001 – 1,250 | 800 | 1,350 | 560 | 750 |
1,251 – 1,500 | 1,000 | 1,650 | 685 | 900 |
1,501 – 1,750 | 1,300 | 2,100 | 875 | 1,050 |
1,751 – 2,000 | 1,600 | 2,550 | 1,060 | 1,350 |
2,001 – 2,500 | 1,900 | 3,000 | 1,250 | 1,650 |
2,501 – 3,000 | 2,200 | 3,450 | 1,435 | 1,950 |
3,001 – 3,500 | 2,400 | 3,900 | 1,625 | 2,250 |
3,501 – 4,000 | 2,600 | 4,350 | 1,810 | 2,550 |
4,001 – 4,500 | 2,800 | 4,800 | 2,000 | 2,850 |
4,501 – 5,000 | 3,000 | 5,250 | 2,185 | 3,150 |
5,001 – 6,000 | 3,200 | 5,700 | 2,375 | 3,450 |
6,001 – 7,000 | 3,400 | 6,150 | 2,560 | 3,750 |
7,000 ขึ้นไป | 3,600 | 6,600 | 2,750 | 4,050 |
สำหรับรถกระบะสองประตู ค่าต่อทะเบียนจะคิดตามน้ำหนักของตัวรถ รวมอุปกรณ์เสริมต่างๆด้วย และเราขอยกตัวอย่างรถกระบะสองประตูสำหรับการบรรทุกโดยเฉพาะ คือ Isuzu Spark
Isuzu Spark 4X4 3.0 Ddi S น้ำหนักรถโดยประมาณ 1,830 ( 1.8 ตัน )
- เมื่อเปรียบเทียบกับตารางด้านบน จะเห็นได้ว่า รถยนต์รุ่นนี้อยู่ในระยะ ค่าต่อทะเบียนภาษีที่ 1,751 ถึง 2,000 กิโลกรัม และภาษี จะอยู่ที่ 1,600 บาท ต่อปีนั่นเอง
- ค่า พ.ร.บ ของรถกระบะ 2 ประตู จะคิดจากน้ำหนักรถ
อ้างอิงน้ำหนักรถ Isuzu จาก //www.isuzu-tis.com/
รู้หรือไม่? ภาษีรถกระบะป้ายแดง ถูกยืนพื้นจากการวัดก๊าซ CO2
ก่อนหน้านี้ ทุกคน ทุกภาคฝ่ายมีความเชื่ออย่างหนึ่งคือ ยิ่งรถยนต์ที่มี ปริมาตรกระบอกสูบ สูงๆ หรือเครื่องใหญ่ๆ จะต้องปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เยอะ แต่ปัจจุบัน ไม่จำเป็นแล้ว ดังนั้น การเก็บภาษีรถยนต์ป้ายแดง กับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่ จะเก็บภาษีรถยนต์ จาก ปริมาณการปล่อย CO2 และสำหรับรถกระบะแล้ว หากมีค่า CO2 ต่ำกว่า 200 จะเรียกเก็บตั้งแต่ 3%-25% ถ้าสูงกว่า 200 จะเรียกเก็บตั้งแต่ 5%-30% (เฉพาะเครื่องยนต์ที่ต่ำกว่า 3.25 ลิตร) แต่ถ้าเป็นเครื่องยนต์ที่สูงกว่า 3.25 ลิตร จะเรียกเก็บ 50% โดยภาษีสรรพสามิตรรถยนต์ใหม่ ถูกใช้งานมาตั้งแต่ปี 2559 ที่ผ่านมา ข้อมูลจาก สถาบันยานยนต์
รีไฟแนนซ์รถกระบะ? – 5 เหตุผลที่มันถูกจำนำทะเบียนมากกว่าประเภทอื่น
อื่นๆเกี่ยวกับภาษีรถยนต์ มอเตอร์ไซค์
- รู้ยัง? เตรียมขึ้นภาษีรถจักรยานยนต์แบบใหม่ ปี 2563
- ต่อภาษีรถยนต์ เสาร์ อาทิตย์ 2562 ได้ที่ไหนบ้าง ?
- ต่อภาษีรถยนต์ ที่ 7-11 ค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ ?
- ต่อภาษีรถยนต์ ใช้อะไรบ้าง ?
- ต่อภาษีรถยนต์ ที่บิ๊กซี มีสาขาไหนจ่ายได้บ้างนะ?