ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานกราฟิกมีกี่ประเภท

          -  Internet โปรแกรมที่ใช้งานบน Internet เท่านั้น โดนจะต้องเรียกใช้ผ่านทาง Browser ซึ่งอาจจะเป็นNetscape Communicator หรือ Internet Explorer โดยการติดตั้งผ่านทางแผ่น CD-Rom หรือ Download ขึ้นมาติดตั้งก็ได้ สำหรับโปรแกรมที่นิยมใช้ในปัจจุบัน

ซอฟต์แวร์กราฟิกเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานที่ระบบการแสดงภาพกราฟิกทุกระบบจะ ต้องมีในปัจจุบันเราพบเห็นสิ่งที่เป็นงานด้านกราฟิกซึ่งเป็นผลผลิตจาก คอมพิวเตอร์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกมคอมพิวเตอร์ วีดีโอเกม แผ่นพับ โฆษณา
 การ์ตูน ภาพยนตร์ และภาพกราฟิกอื่น ๆ ซึ่งเบื้องหลังของผลงานเหล่านี้ เกิดจากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีซอฟต์แวร์หรือ
โปรแกรมสำหรับสร้างภาพกราฟิกเป็นส่วนสำคัญในอดีตซอฟต์แวร์กราฟิกจะมีราคาแพงแต่ปัจจุบันราคาของซอฟต์แวร์กราฟิกถูกลงมาก


ประเภทของโปรแกรมสำหรับงานกราฟิก

        โปรแกรมสำหรับงานกราฟิกที่มีขายอยู่ในท้องตลาดมี หลายโปรแกรมแต่ละโปรแกรมมีความสามารถเฉพาะทางไม่ว่าจะเป็นการวาดภาพ การแก้ไขตกแต่งภาพ การนำเสนอผลงานกราฟิก การสร้างภาพเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่งในการสร้างผลงานด้านคอมพิวเตอร์กราฟิก โปรแกรมสำหรับงานกราฟิกแสดงแบ่งออกเป็นสองประเภทใหญ่ ๆ ตามแผนภาพดังนี้

ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานกราฟิกมีกี่ประเภท
 


1. โปรแกรมกราฟิกวาดภาพ (Drawing Graphice Program)
2.โปรแกรม กราฟิกการนำเสนอ(presentation graphics Program)



 โปรแกรมกราฟิกวาดภาพ (Drawing Graphice Program)
            โปรแกรมประเภทนี้ใช้สร้างสรรค์ งานศิลปะหรือผลิตผลงานคุณภาพสูง ภาพที่ซับซ้อนทางวิศวกรรม ทางสถาปัตยกรรม และภาพกราฟิกอื่น ๆ แต่ละโปรแกรมจะมีลักษณะใช้เฉพาะงาน ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

                   1. โปรแกรมสร้างและตกแต่งภาพ
                   2.  โปรแกรมช่วยออกแบบ

ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานกราฟิกมีกี่ประเภท






โปรแกรม กราฟิกการนำเสนอ(presentation graphics Program)
 
        โปรแกรมกราฟิกการนำเสนอใช้นำเสนอข้อมูลหรือผลงานในรูปกราฟิก ซึ่งมี 4 ประเภท คือ  
        1. โปรแกรมการนำเสนอข้อมูลซึ่งเป็นโปรแกรมที่สามารถนำเสนอข้อมูลภาพ รูปกราฟิกต่าง ๆได้ โดยไม่สามารถแก้ไขได้ เช่น โปรแกรมบราวเซอร์
        2.โปรแกรมการสร้างและการนำเสนอข้อมูล สามารถสร้างและแก้ไขข้อมูลซึ่งเป็นตัวอักษร ภาพ รูปกราฟต่าง ๆ เพื่อนำมาแสดงหรือนำเสนอได้ง่าย ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมฮาร์เวิร์ด กราฟิก (Harvard Graphic) โปรแกรมโลตัสฟรีแลนซ์ (Lotus Freelance) และโปรแกรมไมโครซอฟต์เพาเวอร์พอยต์ (Microsoft PowerPoint)
        3. โปรแกรมการนำเสนอข้อมูลกราฟิก โปรแกรมประเภทนี้ใช้ข้อมูลจากการเก็บรวบรวม คำนวณ หรือทดลองมาแสดงผลเป็นรูปกราฟ 2 มิติ หรือกราฟ 3 มิติ ทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น ตัวอย่างโปรแกรมประเภทนี้ได้แก่ โปรแกรมไมโครซอฟต์เอกเซล (Microsoft Excel)
        4.โปรแกรมการนำเสนอกราฟิกเฉพาะทาง เช่น การสร้างแผนที่อากาศ การทดสอบเครื่องบินในอุโมงค์ลม การสร้างภาพนามธรรม

ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานกราฟิกมีกี่ประเภท

 

ตัวอย่างโปรแกรมกราฟิกการนำเสนอ

 

 การสร้างภาพกราฟิกด้วยคอมพิวเตอร์มีเทคนิคอยู่    2  วิธี คือ
                        1.   ภาพแบบบิตแม็ป (bitmap)  หรือกราฟิกแรสเตอร์  (raster graphic) หรือกราฟิกจุดภาพ(pixel graphic)
                        2.  ภาพแบบเวคเตอร์ (Vector) หรือกราฟิกเชิงวัตถุ (object-oriented graphic)
                        ภาพกราฟิกที่สร้างด้วยวิธีการทั้งสองแบบมีความเหมาะสมต่อการใช้งานที่แตกต่างกัน จึงควรมีความเข้าใจถึงลักษณะและข้อดีข้อเสียของวิธีการทั้งสองแบบ เพื่อนำไปเลือกใช้งานได้อย่างเหมาะสม

 

 การจัดเก็บแฟ้มภาพกราฟิก                       ในงานกราฟิกนั้นจะมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์สร้างหรือแก้ไขภาพกราฟิก ซึ่งจะพบว่า ความเร็วในการประมวลผลภาพแต่ละภาพช้าเร็วต่างกัน ทั้งนี้เพราะว่า แต่ละแฟ้มภาพใช้เนื้อที่ในการเก็บข้อมูลไม่เท่ากัน ซึ่งจะขึ้นกับอยู่กับความละเอียดของภาพ จำนวนสี และรูปแบบของแฟ้มข้อมูล

ความละเอียดของภาพ
                       ความละเอียดของภาพ  หมายถึง จำนวนจุดภาพที่ใช้ประกอบกันเป็นภาพหรือความละเอียดจากการสแกนภาพ  การแสดงภาพได้ละเอียดมากเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของจอภาพ VGA จะแสดงภาพได้ละเอียดน้อยกว่า SVGA ความละเอียดของภาพสามารถบอกเป็นตัวเลขสองจำนวน เช่น ความละเอียดของภาพขนาด1024x768 ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาแล้วก็คือจำนวนจุดที่จอภาพสามารถสร้างออกมาได้ ในกรณีนี้เลขจำนวนแรกคือจำนวนจุดในแนวนอนซึ่งเท่ากับ 1024 จุด ตัวเลขจำนวนที่สองคือจำนวนจุดในแนวตั้ง ซึ่งเท่ากับ 768 จุด

1.ควรเลือกใช้จำนวนสีให้เหมาะสม การใช้จำนวนสีมากจะทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพสูง แต่จะสิ้นเปลืองเนื้อที่ในการเก็บข้อมูลมาก ดังนั้นการเลือกใช้จำนวนสีที่เหมาะสมกับภาพจะทำให้เปลืองเนื้อที่น้อยกว่า และส่งผลให้สามารถประมวลผลภาพได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาพที่ใช้จำนวนสี 16 ล้านสี (24 บิต) ต้องการเนื้อที่ต่อจุดเป็น 3 เท่าของภาพที่ใช้จำนวนสี 256 สี ภาพบางภาพที่เป็นแผนภูมิอาจใช้จำนวนสี 16 สี ก็พอเพียง
            2.ควรเลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่ทำให้การจัดเก็บข้อมูลมีขนาดลดลง รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกมีผลต่อขนาดลดลง รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกมีผลต่อขนาดของแฟ้มข้อมูล
                     - รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบ bmp ถูกออกแบบให้นำไปแสดงผลได้รวดเร็วบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์ สามารถแสดงสีได้เป็นจำนวนมาก คุณภาพของภาพดี แต่แฟ้มชนิดนี้จะใช้เนื้อที่มก ไม่เหมาะกับการใช้งานบนดินเทอร์เน็ต เนื่องจากต้องใช้เวลาในการดึงแฟ้มข้อมูลภาพนาน
                     -รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบเจเพ็ก(.jpg) มีขนาดแฟ้มภาพกราฟิกหนึ่งในสามของรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่มีส่วนขยายเป็น gif คุณภาพของภาพพอใช้                  
                     -รูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกแบบจิฟ(.gif) ขนาดของแฟ้มข้อมูลมีขนาดไม่ใหญ่มาก สามารถแสดงสีได้ 256 สี คุณภาพของภาพปานกลางเหมาะกับการใช้งานบนอินเทอร์เน็ต เนื่องจากสามารถดึงแฟ้มข้อมูลภาพได้เร็วกว่าแฟ้มข้อมูลภาพที่มีส่วนขยายเป็น bmp

                     ภาพกราฟิกที่มีขนาดเท่ากัน แฟ้มข้อมูลกราฟิกที่มีส่วนขยายเป็น bmp จะมีขนาดใหญ่ที่สุด  รองลงมาเป็นแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่มีส่วนขยายเป็น gif และ แฟ้มข้อมูลกราฟิกที่มีส่วนขยายเป็น jpg ตามลำดับ  แต่ในทำนองกลับกันคุณภาพของแฟ้มข้อมูลที่มีส่วนขยายเป็น bmp จะมีคุณภาพดีที่สุด ดังนั้นควรเลือกรูปแบบแฟ้มข้อมูลกราฟิกที่เหมาะสมกับการใช้งานเพื่อจะได้ไม่ สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บภาพกราฟิก
          3. เลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูล ในกรณีที่ไม่สามารถเก็บภาพในรูปแบบแฟ้มที่ลดขนาดข้อมูล การเลือกใช้โปรแกรมบีบอัดข้อมูลบางตัว เช่น pkzip หรือ winzip จะช่วยลดขนาดข้อมูลในการจัดเก็บลงแฟ้มได้

ประเภทโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในงานกราฟิกมีกี่ประเภท