การผสมพันธุ์โคเนื้อมีกี่วิธี

ที่มา: วารสารโคนม ปีที่ 23 ฉบับที่ 3

ผู้เขียน: สุณีรัตน์ เอี่ยมละมัย

ประวัติการผสมเทียม

รายงานแรกสุดของการผสมเทียมมีบันทึกไว้ในปี ค.ศ.1780 ในประเทศอิตาลี เป็นการผสมเทียมในสุนัข จากรายงานนี้มาจนถึงปี ค.ศ.1900 ได้มีการพยายามใช้เทคนิคการผสมเทียม (artificial insemination; AI) มาประยุกต์ใช้ในปศุสัตว์ โดยปี ค.ศ.1930 นักวิจัยประเทศรัสเซีย lvanov และคณะ ประสบความสำเร็จในการผสมเทียมโคและแกะ หลังจากนี้การผสมเทียมได้รับการพัฒนาและถูกนำไปใช้อย่างมากโดยให้บริการเป็นรูปแบบการค้ามากขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร(ประเทศอังกฤษ) ศูนย์ผสมเทียมแห่งแรกของประเทศอังกฤษตั้งขึ้นที่เมืองเคมบริดจ์โดยต่อกระทรวงเกษตร (Ministry of Agriculture and Food’s Cattle Breeding Centre) ได้ขายกิจการให้สภานมแห่งสหราชอาณาจักร (Milk Marketing Board of England and Wales; MMB) โดย MMB ได้จัดตั้งงานบริการผสมเทียมแห่งชาติขึ้น (National al Service) ในปี ค.ศ.1944 และขยายศูนย์บริการผสมเทียมไปอีก 32 แห่ง ปี ค.ศ.1951 เกิดเครือข่ายงานบริการผสมเทียมขึ้นลักษณะเดียวกันนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งต่อมาปรับรูปแบบเป็นธุรกิจดำเนินการโดยสหกรณ์การผสมเทียม (Al Corporations and Coopperative)

ในปี ค.ศ.1949 ประเทศอังกฤษ Bolge และคณะได้พัฒนาน้ำเชื้อแช่แข็ง และใช้ยาปฏิชีวนะเพนิซิลินผสมในอาหารเลี้ยงเชื้อและใช้กลีเซอรอล (glycerol)ป้องกันอสุจิถูกทำลายจากขบวนการแช่แข็งโดยระยะแรกใช้น้ำแข็งแห้งหรือคาร์บอนไดออกไซด์แข็ง (solid carbon dioxide) ช่วยในการแช่แข็ง ต่อมาปี ค.ศ.1963 ได้นำเอาไนโตรเจนเหลว (liquid nitrogen) มาใช้ในการแช่แข็งและเก็บรักษาน้ำเชื้ออสุจิแทนคาร์บอนไดออกไซด์แข็งโดยรูปแบบบรรจุน้ำเชื้อยังเป็นรูปแบบหลอด (ampoules) หรือแบบเม็ด (pellets) ต่อมาประเทศเบลเยี่ยมและฝรั่งเศสได้ใช้หลอดพลาสติกขนาดเล็กหรือหลอดฟาง (plastic ministraw)บรรจุน้ำเชื้อเพื่อเก็บรักษาโดยการแช่แข็งและในปีค.ศ.1973 บริษัทเอ็มเอ็มบี (MMB) ของประเทศอังกฤษได้ใช้หลอดฟางขนาดบรรจุ 0.25 มิลลิลิตร (French minstraw) มาใช้บรรจุน้ำเชื้อแช่แข็งและนำออกใช้บริการ การพัฒนาขบวนการผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งให้สะดวกใช้มีผลให้การผสมเทียมได้รับความนิยมมากทั่วยุโรปและอเมริกาโดยพบมากกว่า 56 เปอร์เซ็นต์ ใช้การผสมเทียมแทนการผสมโดยธรรมชาติ ส่วนประเทศแคนาดา ประเทศสเปน การผสมพันธุ์โคนมเกือบทั้งหมดจะใช้การผสมเทียม

การนำเทคโนโลยีการผสมเทียมไปใช้ในการขยายพันธุ์โคหลายประเทศมีข้อกำจัดมากและมีผลให้การบริการผสมเทียมไม่สะดวก ด้วยระบบการเลี้ยงเป็นฟาร์มขนาดเล็ก ฟาร์มอยู่ไกลศูนย์บริการผสมเทียม เกษตรกรต้องนำโคที่ตรวจพบว่าเป็นสัดมาที่ศูนย์บริการผสมเทียมหรือการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ผสมเทียมจากศูนย์ฯมาทำการผสมเทียมที่ฟาร์มอาจแจ้งรับบริการผสมเทียมช้าหรือเจ้าหน้าที่ผสมเทียมไปไม่ทันเวลาผสมที่เหมาะสม ทำให้อัตราการผสมติดจากการผสมเทียมไม่ดีเท่าที่ควร เป็นผลให้จำนวนโคที่เกิดจากการผสมเทียมจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาที่การใช้วิธีขยายพันธุ์โดยการผสมเทียมได้ผลดี มีลูกโคที่เกิดจากการผสมเทียมจำนวนมาก

การผสมเทียมเป็นวิทยาการสืบพันธุ์ในปศุสัตว์ที่แพร่หลายและได้รับการยอมรับใช้มานานด้วยข้อดีหลายประการในโคที่มีการทำฟาร์มในรูปแบบการผลิตขนาดกลางและใหญ่โดยมีเป้าหมายการเพิ่มผลผลิตที่เน้นการปรับปรุงพันธุ์ที่ดีในเวลาสั้น ซึ่งทำได้ดีกว่าการผสมตามธรรมชาติ ในธุรกิจการทำฟาร์มโคนม การใช้การผสมเทียมในฟาร์มช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตได้อย่างเห็นชัดด้วยข้อดีของการผสมเทียมที่มีการทำน้ำเชื้อแข็งพ่อพันธู์ทำให้สามารถเก็บน้ำเชื้อพ่อพันธุ์ได้นานกว่าการมีชีวิตพ่อพันธุ์ และการรีดน้ำเชื้อแต่ละครั้งสามารถแบ่งน้ำเชื้อไปผสมกับแม่โคที่เป็นสัดได้หลายตัว การนำเทคนิคการผสมเทียมมาใช้มีผลต่อการปรับขบวนการจัดการฟาร์มการดูแลแม่โคทำให้กิจการผสมเทียมมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมการผลิตปศุสัตว์ในประเทศที่มีการพัฒนาการเลี้ยงโคนมมานาน เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย โดยปกติแล้วการผสมเทียมจะใช้ในการผสมโคพันธุ์แท้เป็นหลักแต่การผสมเทียมช่วยให้การผสมข้ามพันธุ์ทำได้สะดวกมากกว่าการผสมจริงโดยเฉพาะในโคเนื้อที่มักถูกปล่อยเลี้ยงในพื้นที่กว้างอย่างกระจัดกระจายทำให้การสร้างสายพันธุ์ใหม่โดยใช้ลูกผสมที่มีการคัดเลือกเฉพาะลักษณะที่ต้องการ มีชีวิตอยู่ได้เหมาะสมในสภาพท้องถิ่นนั้นๆ ทำได้ง่ายขึ้น แต่อย่างไรก็ตามปัญหาหลักของการผสมเทียมคือ การตรวจการเป็นสัดในโคเพศเมียเพื่อทำการผสมเทียมในเวลาที่เหมาะสม ทำให้ธุรกิจโคเนื้อ เจ้าของฟาร์มนิยมการปล่อยโคพ่อพันธุ์คุมฝูงมากกว่าการผสมเทียม ทั้งที่ทราบข้อด้อยของการผสมพันธุ์โดยวิธีธรรมชาติ การนำเอากลยุทธ์การเหนี่ยวนำให้เป็นสัดพร้อมกัน (synchronization of oestrus) หรือหนี่ยวนำการเป็นสัดในโคบางตัวมาใช้จะเพิ่มประสิทธิภาพการผสมเทียมในโคเนื้อได้มากขึ้น ปัจจุบันทั้งในต่างประเทศและประเทศไทยฟาร์มขนาดใหญ่มักจะใช้การผสมเทียมด้วยน้ำเชื้อแช่แข็งที่ซื้อจากองค์กรผลิตน้ำเชื้อที่มีการพิสูจน์พ่อพันธุ์ (proven sire) ขณะที่บางฟาร์มใช้น้ำเชื้อสดน้ำเชื้อแช่แข็งหรือน้ำเชื้อแช่แข็งที่ผลิตเองจากพ่อพันธุ์ในฟาร์มตลอดจนใช้การผสมจริงโดยพ่อพันธุ์ในฟาร์มร่วมด้วยโดยเฉพาะในฟาร์มโคเนื้อด้วยเหตุผลที่ต้องการทำให้ผลรวมการผสมติดสูงสุดเพื่อเพิ่มการผลิตในฟาร์มให้คุ้มทุนมากที่สุด

ประวัติการผสมเทียมในประเทศไทย

การผสมเทียมในประเทศไทยเริ่มขึ้นในปี พ.ศ.2496 ศาสตรจารย์นีลล์ ลาเกอร์ ลอฟ ชาวสวีเดน ผู้เชี่ยวชาญองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติได้เดินทางมาสำรวจการเลี้ยงปศุสัตว์ในประเทศไทยได้เข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายโครงการผลิตโคนมลูกผสมด้วยวิธีการผสมเทียมในประเทศไทยเพื่อให้ประเทศไทยสามารถผลิตน้ำนมได้เองภายในประเทศ ทดแทนการนำเข้านมและผลิตภัณฑ์นมจากต่างประเทศ หลังจากนั้น ในปี พ.ศ.2497 กรมปศุสัตว์ได้ส่งนายสัตวแพทย์ทศพร สุทธิคำ และนายสัตวแพทย์อุทัย สาลิคุปต์ ไปศึกษาอบรมนานาชาติ ณ ราชวิทยาลัยสัตวแพทย์ กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน ซึ่งองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติร่วมกับรัฐบาลสวีเดน ได้เปิดหลักสูตรฝึกอบรมวิชาการสืบพันธุ์และการผสมเทียมขึ้นเป็นรุ่นแรกเมื่อจบการศึกษากลับประเทศไทยได้เริ่มต้นก่อตั้งสถานีผสมเทียม เพื่อให้บริการผสมเทียมแก่ปศุสัตว์ของเกษตรกร และถ่ายทอดความรู้ด้านการผสมเทียมแก่นักวิชาการของกรมปศุสัตว์ ในปี พ.ศ.2499 กรมปศุสัตว์ได้เปิดสถานีผสมเทียมแห่งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่วันที่ 9 กันยายนพ.ศ.2499 นายสัตวแพทย์ทศพร ได้ผสมเทียมให้แม่โคตัวแรก แม่โคตั้งท้องคลอดลูกเป็นลูกโคเพศเมีย ดังนั้นจึงถือว่าวันที่ 9 กันยายนของทุกๆ ปี เป็นวันกำเนิดงานผสมเทียมของประเทศไทย

องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) จัดตั้งในปีพ.ศ.2503 โดยสมาคมเกษตรกรประเทศเดนมาร์กและรัฐบาลเดนมาร์กร่วมน้อมเกล้าฯ ถวายแด่ล้นเกล้าฯ ทั้งสองพระองค์ มีพิธีเปิดเป็นทางการในปี พ.ศ.2505 ต่อมารัฐบาลไทยรับโอนกิจการฟาร์มโคนมจัดตั้งเป็นรัฐวิสาหกิจในปี พ.ศ.2514 มีกิจกรรมด้านส่งเสริมการเลี้ยงโคนม รวมถึงการให้บริการผสมเทียม การผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งพ่อพันธุ์โคนม และการพิสูจน์พ่อพันธุ์โคนม

สำนักงานทหารพัฒนากองอำนวยการกลางรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ กองบัญชาการทหารสูงสุด(กรป.กลาง) ได้ปฏิบัติงานพัฒนาชนบทและปี พ.ศ.2511 จัดทำโครงการส่งเสริมขยายพันธุ์สัตว์ให้บริการผสมเทียมโคเนื้อและผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งโคเนื้อ

ในประเทศไทยได้ใช้เทคนิคการผสมเทียมในการขยายพันธุ์โคมานานเกือบ 50 ปี โดยกรมปศุสัตว์ได้นำเข้าน้ำเชื้อแช่แข็งจากต่างประเทศมาโดยตลอดโดยนำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น เดนมาร์ก สวีเดน เนเธอร์แลนด์ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมัน และญี่ปุ่น เป็นการนำเข้ามาเพื่อใช้บริการผสมเทียมเพื่อการปรับปรุงพันธุ์โคนม โคเนื้อในประเทศต่อมากรมปศุสัตว์ได้เริ่มเลี้ยงพ่อพันธุ์โคเพื่อการผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งออกบริการเอง โดยได้นำเข้าพ่อพันธุ์โคจากต่างประเทศมารีดน้ำเชื้อและคัดเลือกพ่อพันธุ์โคที่เกิดในประเทศที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกเพื่อพัฒนาสายพันธุ์มาผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งใช้ในประเทศไทย ในปัจจุบันมีหลายหน่วยงานที่ผลิตน้ำเชื้อโคในประเทศไทยคือ กรมปศุสัตว์ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งพ่อพันธุ์โคนม โคเนื้อ และปศุสัตว์ชนิดอื่นๆ องค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อ.ส.ค.) ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งพ่อพันธุ์โคนม กรป.กลาง (สำนักงานทหารพัฒนา กองอำนวยการรักษาความสงบแห่งชาติ) ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งพ่อพันธุ์โคเนื้อ นอกจากนี้สถาบันการศึกษาและฟาร์มเอกชนหลายแห่งได้ผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งใช้เองและให้บริการเกษตรกรอยู่บ้างอย่างไรก็ตามปัญหาสำคัญในประเทศไทยคือระบบข้อมูลเพื่อการจัดการฟาร์มและการปรับปรุงพันธุ์มีค่อนข้างจำกัดเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสูงมากและใช้ระยะเวลานานในประเทศไทยหน่วยงานกรมปศุสัตว์ และ อ.ส.ค. ได้มีการทำงานด้านระบบฐานข้อมูลโคนม และได้นำผลวิเคราะห์ค่าการผสมพันธุ์ (Breeding index; BI) ออกเผยแพร่เพื่อให้เกษตรกรใช้ประกอบการเลือกใช้พ่อพันธุ์โคนมและโคเนื้อ

ข้อดีของการผสมเทียม (Advantages of artificial insemination)

การปรับเปลี่ยนจากการผสมจริงของโคในธรรมชาติมาใช้เทคโนโลยีการผสมเทียมในโคต่อเกษตรกรนั้นมีข้อจำกัดคือ การต้องมีการตรวจการเป็นสัดที่ดี และมีระบบการจัดการภายในฟาร์มที่ดีจึงจะทำให้การผสมเทียมประสบความสำเร็จอย่างไรก็ตามประโยชน์ที่ได้รับจากใช้การผสมเทียมในโคมีอยู่มากคือ

1) การปรับปรุงพันธุ์และขยายพันธุ์ที่ดีได้รวดเร็วในเวลาสั้น (Genetic gain)

ประโยชน์ข้อนี้นับเป็นข้อดีที่สำคัญที่สุดของการผสมเทียม นอกจากนี้เทคนิคนี้ทำให้สามารถควบคุมโรคทางระบบการสืบพันธุ์ได้ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งของการใช้ผสมเทียมแทนการผสมตามธรรมชาติการที่จะใช้เทคนิคการผสมเทียมเพื่อกระจายพันธุ์ดี เกษตรกรจะเลือกใช้พ่อพันธุ์ที่มีข้อมูลการประเมินคุณภาพการถ่ายทอดพันธุกรรม ที่ประเมินจากฝูงโคขนาดใหญ่ในประเทศ ซึ่งค่าใช้จ่ายในการทำการพิสูจน์พ่อพันธุ์ (การจัดเก็บข้อมูลผลผลิตลูกสาวจากพ่อตัวนั้นการประมวลวิเคราะห์ผลด้วยโปรแกรมเฉพาะ การคัดเลือกเพื่อปรับปรุงพันธุ์) ค่อนข้างสูงมากและใช้เวลานานเพราะต้องติดตามข้อมูลผลผลิตอย่างน้อยหนึ่งระยะให้นมของลูกสาว ดังนั้นประเทศที่มีการผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งใช้จะต้องมีระบบข้อมูลที่ดีและมีระบบการประเมินคุณภาพพ่อพันธุ์หรือค่าการผสมพันธุ์โคทุกตัว ที่ใช้น้ำเชื้อบริการอยู่เป็นประจำ (ประเมินปีละ 1 ถึง 2 ครั้ง) ในประเทศไทยกรมปศุสัตว์ และ อ.ส.ค. เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการผลิตน้ำเชื้อแช่แข็งและประเมินค่าการผสมพันธุ์โคนมในประเทศไทยส่วนโคเนื้อกรมปศุสัตว์เป็นหน่วยงานหลักที่ติดตามประเมินค่าการผสมพันธุ์โคเนื้อ

2) การใช้จ่ายเพื่อการผสมพันธุ์ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ (Cost effectiveness)

แม้ว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อประโยชน์ของการผสมเทียมโดยเฉพาะในด้านศักยภาพการถ่ายทอดพันธุกรรมหรือผสมเทียมเพื่อปรับปรุงพันธุ์ได้ดีขึ้น แต่ประโยชน์ที่เจ้าของฟาร์มคำนึงถึงการนำเอาการผสมเทียมมาใช้แทนการผสมตามธรรมชาติที่สำคัญคือการลดค่าใช้จ่ายการลดต้นทุนการผลิต ด้วยข้อดีน้ำทำให้การผสมเทียมในโคได้รับการยอมรับและแพร่หลายใช้ทั่วโลก การซื้อพ่อโคพันธุ์ดีมาเลี้ยงเพื่อใช้ผสมจริงมีข้อเสียมากทั้งค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูค่าพันธุ์หรือค่าตัวพ่อโค การควบคุมโรคทางการสืบพันธุ์ในฝูงพันธุกรรมของลูกที่เกิดที่ไม่ชัดเจนว่าพ่อที่ผสมเป็นตัวใดกรณีที่มีพ่อหลายตัวปล่อยคุมฝูง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสมของพ่อโคต่อจำนวนแม่โคในฝูง จะต้องมีการเฝ้าระวังโดยตรวจสอบอัตราการผสมติดอย่างไรก็ตามปัญหาพ่อโคที่ไม่สมบูรณ์พันธุ์หรือมีปัญหาการผสม (infertile or subfertile) มักทราบหลังจากใช้คุมฝูงไปนานหลายเดือนแล้ว ซึ่งจะนำความสูญเสียต่อผลผลิตของฟาร์มในปีนั้นๆ การตรวจพ่อพันธุ์ที่มีปัญหาทั้งระบบสืบพันธุ์และคุณภาพน้ำเชื้อสามารถทำได้ แต่เจ้าของฟาร์มต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเก็บพ่อโคที่ใช้งานไม่ได้ ซึ่งค่าตัวพ่อโคพันธุ์ดีแต่ละตัวสูงมาก ทำให้เมื่อประเมินความคุ้มทุนเทียบกับการซื้อน้ำเชื้อแช่แข็งที่ผ่านการพิสูจน์พันธุ์แล้ว (มี breeding index และการตรวจรับรองการปลอดโรคที่กำหนด) จะคุ้มทุนมากกว่าน้ำนมและองค์ประกอบดีแล้วแต่มีลักษณะเต้านมไม่สวย เกษตรกรอาจเลือกใช้พ่อพันธุ์ที่ถ่ายทอดลักษณะเต้านมที่แข็งแรงมาผสมแม่ตัวนี้ เพื่อให้ได้ลูกสาวที่คาดว่าจะมีผลผลิตน้ำนมดีและโครงสร้างเต้านมแข็งแรง ไม่หย่อนยานเมื่ออายุมาก เพราะลักษณะดังกล่าวมีส่วนสัมพันธ์ต่อการเป็นโรคเต้านมอักเสบและแม่โคมีโอกาสเหยียบหัวนมตัวเองมากขึ้นหรือเกษตรกรอาจต้องการพ่อพันธุ์ที่ถ่ายทอดลักษณะขาที่แข็งแรงหรือพ่อโคที่ถ่ายทอดการให้น้ำนมที่มีไขมันสูงตามเกณฑ์มาตรฐานราคาน้ำนมดิบในประเทศนั้น ด้วยความต้องการที่หลากหลายเพื่อปรับปรุงลักษณะที่ต้องการในลูกรุ่งต่อๆ ไป ทำให้การเลือกใช้น้ำเชื้อแช่แข็งจากพ่อพันธุ์ที่พิสูจน์แล้วหลายๆ ตัวมีความสะดวกมากกว่าการซื้อพ่อพันธุ์ที่ถ่ายทอดลักษณะที่ต้องการในจำนวนจำกัดมาเลี้ยงไว้เพื่อผสมพันธุ์ในฟาร์ม

ข้อเสียของการผสมเทียม (Disadvantages of artificial insemination)

เทคโนโลยีการสืบพันธุ์โดยใช้เทคนิคการผสมเทียมมีคุณประโยชน์มากมายแต่ก็มีข้อเสียที่ควรตระหนักและต้องระมัดระวังเสมอสำหรับผู้ใช้คือ

1) ขบวนการการรีดน้ำเชื้อ การผลิตน้ำเชื้อแช่แข็ง และเทนนิคการผสมเทียม

ไม่ว่าจะเป็นการรีดเก็บน้ำเชื้อ การตรวจคุณภาพการแช่แข็ง การเก็บรักษา การจัดส่งน้ำเชื้อแช่แข็ง และการผสมเทียมต้องทำอย่างถูกต้องระมัดระวัง นอกจากนี้ต้องมั่นใจว่า โรคทางการสืบพันธุ์ เช่นโรคแท้งติดต่อ โรคทริโคโมนิเอซิส โรคแคมไพโรแบคเทอริโอซิส และโรคอื่นๆ จะไม่แพร่โดยน้ำเชื้อจากพ่อโคที่เป็นโรค หรือติดต่อจากอุปกรณ์ผสมเทียมที่นำเชื้อโรคจากแม่โคที่เป็นโรคไปยังโคตัวอื่นๆสถานีพ่อพันธุ์จะต้องปลอดโรคเหล่านี้ (โรคที่ถ่ายทอดทางการสืบพันธุ์และถ่ายทอดผ่านทางน้ำเชื้อแช่แข็งได้) หากน้ำเชื้อถูกเก็บรักษาหรือมีขบวนการแช่แข็งที่ไม่เหมาะสมแล้ว จะมีผลให้คุณภาพน้ำเชื้อต่ำ ส่งผลให้อัตราการผสมเทียมติดต่ำ นอกจากปัจจัยการตรวจการเป็ดสัดที่ถูกต้องแล้ว การผสมเทียมในเวลาเหมาะสมเป็นปัจจัยที่สำคัญมากต่ออัตราการผสมติดการลงบันทึกข้อมูลการผสมพันธุ์ที่สมบูรณ์ถูกต้องจะต้องทำเพื่อสนับสนุนประสิทธิภาพการผสมเทียม ผู้ทำการผสมเทียม (inseminators) หากทำการผสมเทียมโดยไม่สะอาดไม่ระมัดระวังแล้วจะเป็นทางแพร่โรคจากฟาร์มหนึ่งไปยังอีกฟาร์มหนึ่งได้ หรือเป็นการนำเชื้อโรคเข้าสู่ระบบสืบพันธุ์แม่โคได้

2) โรคที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์

การผสมเทียมเป็นทางหนึ่งที่จะทำให้มีการขยายพันธุ์ที่ดีได้รวดเร็วในระยะเวลาอันสั้นในทำนองเดียวกันการผสมเทียมเป็นทางแพร่พันธุกรรมที่มีความผิดปกติได้หากไม่ตรวจพบได้ก่อนการนำน้ำเชื้อออกบริการโรคที่มีการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้ เช่น ลักษณะโคที่ไม่ดี (poor conformation) โดยเฉพาะขาไม่แข็งแรง โรคปัญหาของสันหลัง (spastic syndrome) การมีพฤติกรรมการผสมพันธุ์ที่ไม่สมบูรณ์ การไม่มีความต้องการผสมพันธุ์หรือไม่มีกำหนัด (lack of libido) โรคถุงน้ำในรังไข่ (cystic ovaries) นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าโรคเต้านมอักเสบสามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ได้เช่นกันโรคที่แฝงมากับยีนด้อยที่ในประเทศสหรัฐอเมริกาทำการตรวจพ่อพันธุ์ทุกตัวก่อนการนำน้ำเชื้อไปใช้ มีการตรวจหลายโรค เช่น โรคแบลด (bovine leukocyte adhesion deficiency: BLAD) หากพ่อโคปลอดโรคนี้จะมีรหัส *TL ที่ข้อมูลพิสูจน์ประจำตัวพ่อพันธุ์(breeding index) โรคดัมปส์ (deficiency of uridine monophosphate syntheses: DUMPS) หากพ่อโคปลอดโรคนี้จะมีรหัส *TD ที่ข้อมูลพิสูจน์ประจำตัวพ่อพันธุ์ โรคมูลฟุต (mule-foot หรือ syndcyylism; MF) หากพ่อโคปลอดโรคนี้จะมีรหัส *TM ที่ข้อมูลพิสูจน์ประจำตัวพ่อพันธุ์ ยังมีปัญหาจากยีนด้อยแอบแฝงอื่นๆ อีกหลายโรคที่ผู้สั่งซื้อน้ำเชื้อแช่แข็งจากต่างประเทศต้องศึกษา เพื่อการเลือกใช้พ่อที่มีคุณสมบัติตามต้องการ ไม่เป็นตัวกระจายโรคและปัญหาแอบแฝงต่างๆ นอกจากนี้ในประเทศที่มีระบบข้อมูลประเมินค่าการผสมพันธุ์ของพ่อพันธุ์ที่สมบูรณ์ (sire evaluation) จะมีการประเมินการถ่ายทอดลักษณะรูปร่าง (type traits) เช่น ลักษณะเต้านม ขา เท้า การให้ผลผลิตน้ำนมและองค์ประกอบหลักของน้ำนม (production traits) เช่น ปริมาณโปรตีนและไขมันในน้ำนม หน่วยงานที่ผลิตน้ำเชื้อพ่อพันธุ์โคเพื่อจำหน่ายจะต้องมีการตรวจรับรองการปลอดโรค และค่าการถ่ายทอดพันธุกรรมของพ่อโคเหล่านี้ เช่น น้ำเชื้อจากประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ยุโรปบางประเทศ จะระบุผลตรวจโรคทางพันธุกรรม ในข้อมูลค่าการผสมพันธุ์ประจำตัวพ่อพันธุ์ (breeding index)

ผลเสียและข้อจำกัดอื่นๆ

หากทำการผสมเทียมในสัตว์ตั้งท้องจะมีผลทำให้แท้งลูกได้ ดังนั้นผู้ผสมเทียมต้องตรวจระบบสืบพันธุ์และประวัติการผสมให้ถูกต้องก่อนการผสมเทียมทุกครั้งการบริการผสมเทียมจากองค์กรของรัฐอาจทำได้ไม่ตรงเวลาและไม่ทำงานทุกวันทำให้โคอาจไม่ได้รับการผสมเทียมในวันและเวลาที่เหมาะสม เกษตรกรบางฟาร์มทำการผสมเทียมเองโดยได้รับการฝึกอบรมจากกรมปศุสัตว์และสถาบันการศึกษา เพื่อช่วยให้ทำการผสมเทียมได้ถูกต้องและตรงเวลาที่เหมาะสมกับการเป็นสัดได้ดีขึ้นอกจากนี้ความเสี่ยงของการใช้พ่อพันธุ์ตัวเดียวผสมในฝูงคือจะเป็นตัวนำความผิดปกติที่ตรวจไม่พบเมื่อเป็นโคหนุ่มแต่พบเมื่อพ่อตัวนี้โตแล้วซึ่งเวลานั้นลูกที่เกิดจากพ่อตัวนี้มีจำนวนมากในฟาร์มและแสดงความผิดปกติหรือแฝงความผิดปกติอยู่ในลูกทุกตัวแล้ว ในสถานีพ่อพันธุ์มีขบวนการพิสูจน์พ่อพันธุ์ จากข้อมูลการให้ผลผลิตและลักษณะเฉพาะพันธุ์ในลูกสาว ทำให้พบลักษณะที่ไม่ต้องการต่างๆ ก่อนการนำน้ำเชื้อออกใช้ในจำนวนมากแต่อย่างไรก็ตามหากความผิดปกติไม่สามารถตรวจพบในขบวนการพิสูจน์พ่อพันธุ์ก่อนการนำน้ำเชื้อออกบริการการผสมเทียมก็จะเป็นการกระจายความผิดปกติได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางกว่าการผสมจริงเช่นกัน จะเห็นว่า “การผสมเทียมมีคุณอนันต์ แต่หากใช้อย่างไม่รอบคอบก็นำโทษมหันต์มาให้”

Toplist

โพสต์ล่าสุด

แท็ก

ไทยแปลอังกฤษ แปลภาษาไทย โปรแกรม-แปล-ภาษา-อังกฤษ พร้อม-คำ-อ่าน lmyour แปลภาษา แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย pantip ไทยแปลอังกฤษ ประโยค แอพแปลภาษาอาหรับเป็นไทย ห่อหมกฮวกไปฝากป้าmv ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 แปลภาษาอาหรับ-ไทย Terjemahan พจนานุกรมศัพท์ทหาร หยน แปลภาษา มาเลเซีย ไทย Bahasa Thailand ข้อสอบภาษาอังกฤษ พร้อมเฉลย pdf บบบย tor คือ จัดซื้อจัดจ้าง การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 4 ชขภใ ยศทหารบก เรียงลําดับ ห่อหมกฮวกไปฝากป้า หนังเต็มเรื่อง เขียน อาหรับ แปลไทย แปลภาษาอิสลามเป็นไทย Google map กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมออนไลน์ กระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ 8 ขั้นตอน ข้อสอบคณิตศาสตร์ พร้อมเฉลย ค้นหา ประวัติ นามสกุล อาจารย์ ตจต แจ้ง ประกาศ น้ำประปาไม่ไหล แปลบาลีเป็นไทย แปลภาษา ถ่ายรูป แปลภาษาจีน แปลภาษามลายู ยาวี โรงพยาบาลภมูพลอดุยเดช ที่อยู่ Google Drive Info TOR คือ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ช่างไฟฟ้า กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน อบรมฟรี 2566 กลยุทธ์ทางการตลาด มีอะไรบ้าง การบริหารทรัพยากรมนุษย์ มีอะไรบ้าง การประปาส่วนภูมิภาค การ์ดแคปเตอร์ซากุระ ภาค 3 ขขขขบบบยข ่ส ข่าว น้ำประปา วันนี้ ข้อสอบโอเน็ต ม.6 มีกี่ตอน ตารางธาตุ ประปาไม่ไหล วันนี้