ตามกฎหมายรถทุกคันที่อายุถึงปีที่กำหนด ต้องตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษีประจำปีทุกครั้ง หากไม่ได้ตรวจสภาพรถ ก็จะไม่สามารถต่อภาษีได้ โดยรถยนต์ที่มีอายุ 7 ปีขึ้นไป, รถจักรยานยนต์ที่มีอายุ 5 ปีขึ้นไป (รถมอเตอร์ไซค์) ต้องตรวจสภาพรถด้วยทุกปี และรถทุกชนิดที่ภาษีขาดเกิน 1 ปี ก็ต้องตรวจสภาพด้วย โดยไม่สนใจอายุรถ
รถที่ต้องตรวจสภาพก่อนต่อภาษี
- รถยนต์ที่อายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป
- รถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ที่อายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป
- รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ที่ภาษีขาดเกิน 1 ปี (โดยไม่สนใจอายุการใช้งาน)
เราสามารถนับปีที่ต้องตรวจสภาพรถเองได้ โดยดูปีที่จดทะเบียนรถ ได้จากคู่มือจดทะเบียนรถ รถยนต์เล่มสีฟ้า และมอเตอร์ไซค์เล่มสีเขียว หรือดูจากสำเนารถก็ได้ และนับปีให้ไปสิ้นสุด วันที่หมดอายุภาษีประจำปี (ดูการนับได้ที่ข้างล่าง)
โดย ใบรับรองการตรวจสภาพ จะ มีอายุ 90 วัน หรือ 3 เดือน จากวันที่ออกใบตรวจ และเราสามารถไปตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษีได้ที่ ตรอ. หรือสถานตรวจสภาพรถเอกชนทุกแห่งจ้า
ตัวอย่าง
รถกระบะ จดทะเบียน 1 ธันวาคม 2555 จะไปต่อภาษี วันที่ 15 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งถ้านับปีรถจากวันจดทะเบียน ถือว่ารถยังไม่ครบ 7 ปี ( 6 ปี กับ 350 วัน) แต่เราต้องนับจากปีภาษีที่ต่อทะเบียน ดังนั้นจะเป็นแบบนี้
รถยนต์และจักรยานยนต์ทุกจังหวัดทะเบียนที่ไม่ใช้เชื้อเพลิงแก๊สทุกชนิด เเละมีสถานะรถ “ปกติ” หรือหมายถึงรถที่ค้างชำระภาษีรถไม่เกิน 1 ปี, รถที่ไม่ได้รับการยกเว้นภาษี, รถที่ไม่ใช่รถของหน่วยงานราชการ หรือรถที่ไม่ถูกอายัดโดยระบบงานของกรมการขนส่งทางบก สามารถยื่นชำระภาษีประจำปีผ่านระบบอินเตอร์เน็ตได้โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) อายุรถไม่เกิน 7 ปี และน้ำหนักรถไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2) อายุรถไม่เกิน 7 ปี และน้ำหนักรถไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม
- รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3) อายุรถไม่เกิน 7 ปี และน้ำหนักรถไม่เกิน 2,200 กิโลกรัม
- รถจักรยานยนต์ (รย.12) อายุรถไม่เกิน 5 ปี
ทั้งนี้ หากเป็นรถที่ค้างชำระภาษีเกิน 1 ปี อายุรถเกิน หรือน้ำหนักรถเกิน 2,200 กิโลกรัม ให้ดำเนินการตรวจสภาพรถที่สถานตรวจสภาพรถเอกชนหรือ ตรอ. และยื่นชำระที่สำนักงานขนส่งจังหวัด/สาขาเท่านั้น รวมถึงหากเป็นรถที่ติดตั้งแก๊สให้ดำเนินการตรวจสภาพถังแก๊สตามประกาศกรมฯ และยื่นชำระภาษีรถที่สำนักงานขนส่งจังหวัด/สาขาเท่านั้นเช่นกัน
2. ต่อ พ.ร.บ. ออนไลน์ ทำอย่างไร
ผู้ยื่นชำระภาษีรถประจำปีผ่านระบบอินเตอร์เน็ตสามารถเลือกซื้อกรมธรรม์ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ.2535 ได้จาก 2 ช่องทาง ได้แก่ 1) ซื้อจากในระบบ หรือ 2) ซื้อผ่านผู้ให้บริการภายนอก เช่น บริษัทประกันภัย ตัวแทน หรือนายหน้าโดยต้องกรอกข้อมูลบริษัทประกันภัย เลขที่กรมธรรม์ และวันสิ้นสุดอายุความคุ้มครองให้ถูกต้องตรงตามความจริง โดยข้อมูล พ.ร.บ. ที่ระบุจะถูกตรวจสอบ และบันทึกเป็นหลักฐานทางกฎหมาย หากระบุข้อมูลอันเป็นเท็จ ไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นความจริง จะมีผลต่อความคุ้มครองของกรมธรรม์ ทั้งนี้ วันสิ้นอายุความคุ้มครองต้องไม่น้อยกว่า 90 วัน นับจากวันที่ยื่นชำระภาษีถึงวันสิ้นอายุคุ้มครองของ พ.ร.บ.
3. ต่อภาษีรถออนไลน์ราคาเท่าไร
อัตราค่าใช้จ่ายในการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ของรถเเต่ละคันจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับประเภทของรถ ปีใช้งาน ความจุ เเละปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสามารถเเบ่งการจัดเก็บภาษีรถได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ 1) การจัดเก็บภาษีรถตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี), 2) การจัดเก็บภาษีรถเป็นรายคัน, 3) การจัดเก็บภาษีรถตามน้ำหนัก และ 4) การจัดเก็บภาษีรถตามประเภทของรถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า ตลอดจนมีค่าธรรมเนียมการบริการต่อภาษีรถออนไลน์ที่เกี่ยวข้อง มีรายละเอียดดังนี้
1) การจัดเก็บภาษีรถตามความจุกระบอกสูบ (ซีซี) *รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน
- 600 ซีซีแรก ซีซีละ 0.50 บาท
- 601 - 1,800 ซีซี ๆ ละ 1.50 บาท
- เกิน 1,800 ซีซี ๆ ละ 4.00 บาท
ทั้งนี้ หากเป็นรถที่จดทะเบียนมาแล้ว 5 ปี ให้ได้รับการลดหย่อนภาษีประจำปีในปีต่อ ๆ ไป ดังนี้
- ปีที่ 6 ร้อยละ 10
- ปีที่ 7 ร้อยละ 20
- ปีที่ 8 ร้อยละ 30
- ปีที่ 9 ร้อยละ 40
- ปีที่ 10 และปีต่อ ๆ ไป ร้อยละ 50
2) การจัดเก็บภาษีรถเป็นรายคัน
- รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
- รถจักรยานยนต์สาธารณะ คันละ 100 บาท
- รถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 50 บาท
- รถพ่วงนอกจากรถพ่วงของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล คันละ 100 บาท
- รถบดถนน คันละ 200 บาท
- รถแทรกเตอร์ที่ใช้ในการเกษตร คันละ 50 บาท
3) การจัดเก็บภาษีรถตามน้ำหนัก *รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน
- ไม่เกิน 500 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 150 บาท
- 501 - 750 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 300 บาท
- 751 - 1,000 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 450 บาท
- 1,001 - 1,250 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 800 บาท
- 1,251 - 1,500 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 1,000 บาท
- 1,501 - 1,750 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 1,300 บาท
- 1,751 - 2,000 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 1,600 บาท
- 2,001 - 2,500 กิโลกรัม อัตราจัดเก็บภาษีรถอยู่ที่ 1,900 บาท
ทั้งนี้ รถยนต์รับจ้างระหว่างจังหวัด, รถยนต์บริการ, รถยนต์รับจ้าง และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลรถลากจูงรถแทรกเตอร์ที่มิได้ใช้ในการเกษตร จะมีรูปแบบการคำนวณอัตราจัดเก็บภาษีรถที่แตกต่างกันออกไป
4) การจัดเก็บภาษีรถตามประเภทของรถที่ขับเคลื่อนด้วยกำลังไฟฟ้า
- รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีตามน้ำหนักของรถในอัตรารถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน
- รถอื่นนอกจากรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน ให้เก็บภาษีในอัตรากึ่งหนึ่งของรถตามข้อ 2) และ 3)
5) ค่าธรรมเนียมการบริการต่อภาษีรถออนไลน์
- ค่าจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ รายการละ 32 บาท (ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 61 เป็นต้นไป)
- ค่าธรรมเนียมธนาคาร (กรณีชำระผ่านเคาน์เตอร์บริการ หรือหักบัญชีเงินฝาก)
รายการละ 20 บาท
- ค่าธรรมเนียมการใช้บัตร (กรณีชำระด้วยบัตรเครดิต) 2% และ VAT 7%
ของผลรวมยอดเงินทั้งหมด
- สามารถยื่นชำระภาษีรถล่วงหน้าก่อนสิ้นอายุภาษีได้ไม่เกิน 90 วัน
ดูตารางอัตราภาษีรถตาม พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้ที่ //www.dlt.go.th/th/yearly-tax/view.php?_did=75
ดูวิธีการคำนวณอัตราภาษีรถยนต์ ได้ที่ //www.smk.co.th/newsdetail/1588
4. ขั้นตอนการต่อภาษีรถออนไลน์ มีอะไรบ้าง
1) เข้าเว็บไซต์ //eservice.dlt.go.th
2) ลงทะเบียนเพื่อขอรับรหัสผ่าน (สำหรับสมาชิกใหม่)
3) Log-in เข้าสู่ระบบ
4) ยื่นชำระภาษีรถประจำปี ที่เมนู “ยื่นชำระภาษีรถยนต์ประจำปี”
5) กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับรถ เพื่อลงทะเบียนรถ แล้วยื่นชำระภาษี
6) กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับหลักฐานการเอาประกัน ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
พ.ศ.2535 (กรณี พ.ร.บ. ที่มีความคุ้มครองมากกว่า 3 เดือน) หรือสามารถซื้อ พ.ร.บ. ได้จากระบบ
7) เลือกช่องทางการชำระเงินเพียง 1 ช่องทาง
• ชำระเงินโดยหักบัญชีเงินฝาก (ต้องมีบัญชีเงินฝากและเป็นสมาชิกใช้บริการโอนเงินผ่านระบบ
อินเตอร์เน็ตกับธนาคาร/สถาบันการเงิน)
• ชำระเงินโดยบัตรเครดิต/บัตรเดบิต (เป็นผู้ถือบัตรเครดิต/บัตรเดบิต ที่มีสัญลักษณ์ VISA , Master Card) โดยธนาคารกรุงศรีอยุธยาและธนาคารกรุงเทพ เป็นผู้ให้บริการรับตัดบัตร
• ชำระเงินโดยพิมพ์ใบแจ้งชำระภาษีรถยนต์แล้วนำไปชำระเงิน ณ เคาน์เตอร์ ตู้ ATM หรือ Application ของธนาคาร/สถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ
8) กรณีชำระเงินยังไม่สำเร็จ/ยังไม่ได้ชำระเงิน สามารถเปลี่ยนช่องทางการชำระเงิน ได้ที่เมนู “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน”
5. ต่อภาษีรถออนไลน์กี่วันได้
ผู้ยื่นต่อภาษีรถออนไลน์ประจำปีผ่านระบบอินเตอร์เน็ต สามารถตรวจสอบสถานะการดำเนินการยื่นชำระภาษี สถานะการจัดส่งเอกสาร หมายเลข EMS เลขกรมธรรม์ หรือปัญหาจากการยื่นชำระ ได้ที่เมนู “ตรวจสอบผลการชำระภาษี/เปลี่ยนช่องทางชำระเงิน” ในหน้าเว็บไซต์ //eservice.dlt.go.th
กรณีที่ยื่นต่อภาษีรถออนไลน์ตามขั้นตอนปกติ ไม่พบกรณีผิดพลาดหรือต้องตรวจสอบเพิ่มเติม กรมการขนส่งทางบกจะจัดส่งใบเสร็จรับเงินเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี และสมุดกรมธรรม์ พ.ร.บ คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้ผู้ชำระเงินทางไปรษณีย์ตามที่อยู่จัดส่งเอกสารที่กรอกผ่านหน้าเว็บไซต์ ซึ่งจะใช้ระยะเวลาดำเนินตั้งแต่ชำระเงินค่าภาษีสำเร็จถึงวันที่ได้รับเอกสารจากไปรษณีย์ไม่เกิน 5 วันทำการ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) เริ่มนับจากวันที่ชำระเงินภาษีรถยนต์ยนต์ผ่านธนาคาร/สถาบันการเงินสำเร็จ
2) ธนาคาร/สถาบันการเงิน จัดส่งข้อมูลการชำระภาษีและจำนวนเงินให้กรมฯ 1 วันทำการถัดไป
3) กระบวนการตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลและยอดเงินที่ชำระจากธนาคาร/สถาบันการเงิน 1-2 วันทำการ
4) กระบวนการพิมพ์ใบเสร็จรับเงิน (ป้ายวงกลม) พร้อมจัดเตรียมเอกสารเพื่อนำส่งไปรษณีย์ หลังจากยืนยันความถูกต้องของข้อมูลและจำนวนเงินแล้ว 1-2 วันทำการ 5) จัดส่งเอกสารให้กับผู้ชำระภาษีรถยนต์ตามที่กรอกในเว็บไซต์ทางไปรษณีย์ ประมาณ 2-5 วันทำการ
ทั้งนี้ เจ้าของรถสามารถนำใบคู่มือจดทะเบียนรถไปปรับบันทึกรายการชำระภาษีได้ ณ สำนักงานขนส่งจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ
6. รถขาดต่อภาษีประจำปี โดนปรับเท่าไร
รถที่ไม่ต่อภาษีหรือต่อภาษีรถล่าช้าจะมีค่าปรับร้อยละหนึ่งต่อเดือน และหากไม่ดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีติดต่อกันเกิน 3 ปี จะส่งผลให้ทะเบียนรถถูกระงับ ทำให้ไม่สามารถดำเนินการทางทะเบียนรถต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นการโอนเปลี่ยนชื่อ การแจ้งเปลี่ยนสี การแก้ไขรายการคู่มือรถ เป็นต้น ทำให้เกิดปัญหาและความยุ่งยากในภายหลัง เจ้าของรถจึงควรดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีให้เรียบร้อยเป็นปัจจุบัน
กรณีที่หยุดใช้รถ เลิกใช้รถ หรือรถชำรุดสูญหาย เป็นเหตุให้รถใช้งานไม่ได้ในทุกกรณี ต้องแจ้งการไม่ใช้รถ ณ สำนักงานขนส่งที่รถนั้นจดทะเบียนอยู่ หรือสำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ โดยใช้แบบคำขอแจ้งการไม่ใช้ พร้อมนำแผ่นป้ายทะเบียนรถคืน โดยเอกสารที่ต้องเตรียมมาด้วย ได้แก่ คู่มือจดทะเบียนรถ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน และหนังสือมอบอำนาจ (กรณีเจ้าของรถไม่มาดำเนินการเอง) เพื่อไม่ให้มีภาระต้องชำระภาษีประจำปี โดยค่าปรับและระวางโทษของรถที่ไม่ต่อภาษีหรือต่อภาษีรถล่าช้าจะมีค่าปรับแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่