พาณิชย์ลงตรวจศูนย์กระจายสินค้าเพื่อย้ำสต๊อกสินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการสินค้าอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้นรวดเร็ว ขณะที่เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่อนปรน กฎระเบียบรถขนส่งด้วย
นายฉัตรชัย ศักดิ์ศิลปชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตรวจศักยภาพของศูนย์กระจายสินค้าอุปโภคบริโภค ของห้างบิ๊กซีซูเปอร์เซ็นเตอร์ คลังธัญบุรีคลอง 6 ว่า จากการติดตามและพูดคุยกับผู้ประกอบการห้างค้าปลีกส่วนใหญ่ ยังไม่พบปัญหาในการขนส่งสินค้า แม้จะมีความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นมาก เพราะแต่ละศูนย์กระจายสินค้า มีการทำงานตลอด 24 ชั่วโมง และขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อผ่อนปรนให้รถขนาดใหญ่เฉพาะขนส่งสินค้า สามารถวิ่งจำนวนเที่ยวได้มากกว่าปกติ หรือเพิ่มช่วงเวลาอนุญาตการวิ่งรถแบบชั่วคราวไปก่อน
- เช็กเบอร์-เปิดรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.กทม.รวม 33 เขต จากพรรคการเมืองใหญ่
- ttb ชี้ขึ้นค่าธรรมเนียมถอนเงินสด-จ่ายบิลที่สาขา แบงก์จำเป็นต้องลดภาระต้นทุน
- เปิดประวัติตะวัน-แบม 2 นักกิจกรรมการเมืองอดอาหารแลกอิสรภาพ
ขณะเดียวกันการกำลังดำเนินการจัดรถโมบายธงฟ้า ออกไปจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในราคาถูกถึงบ้านประชาชน เพื่อลดความตื่นตระหนก โดยจะเริ่มออกกระจายให้บริการประชาชนเร็วๆ นี้ และย้ำว่าสินค้ามีเพียงพอแน่นอน ส่วนความต้องการไข่ไก่ที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นความต้องการในระยะสั้น เพราะในแต่ละวันมีปริมาณผลผลิตไข่ไก่ที่ชัดเจน ที่อาจจะไม่สอดคล้องกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในตอนนี้ ซึ่งยังสามารถบริหารจัดการได้ และยังมีปริมาณส่วนเกินที่สามารถส่งออกได้ด้วย
Advertisement
ด้านนายบุญศักดิ์ สถิตมั่นในธรรม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธุรกิจโลจิสติกส์ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ห้างค้าปลีกในกลุ่มบีเจซี กล่าวว่า บิ๊กซี มีคลังกระจายสินค้าใหญ่ 4 แห่ง แบ่งเป็นในส่วนของสินค้าของสด ของใช้จำเป็น และคลังสินค้าสำหรับส่งในส่วนของสาขาใหญ่ โดยได้มีการประสานกับผู้ผลิตสินค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ผลิตยังคงส่งสินค้าให้อย่างเพียงพอ แต่อาจล่าช้าบ้าง เพราะมีการสั่งสินค้าเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นจากความตื่นตระหนก โดยสินค้าที่มีการต้องการเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เช่น น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ข้าวสาร กระดาษทิชชู่
ทั้งนี้ สำหรับการวางแผนกระจายสินค้ารายวัน บิ๊กซียึดการกระจายไปในพื้นที่ที่มีความต้องการสูงก่อน จากสัปดาห์ก่อนที่กรุงเทพฯ และหลังจากนี้ เชื่อว่าความต้องการจะกระจายไปในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้นจากการที่มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเป็นจำนวนมาก และมีการปิดด่านชายแดน โดยขณะนี้ได้เพิ่มจำนวนรถขนส่งสินค้าให้เพียงพอ และประสานกับผู้ผลิตให้ชัดเจน ถึงเวลาการส่งของมาศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งขอย้ำว่า สินค้ายังมีเพียงพอ
อย่างไรก็ดี หากรัฐบาล ประกาศภาวะฉุกเฉิน การบริหารจัดการเชื่อว่ารัฐบาล จะมีการผ่อนปรนในเรื่องของการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ประชาชนยังสามารถซื้อสินค้าได้ เพื่อการครองชีพได้อย่างแน่นอน
บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ “ห้างคนไทย หัวใจคือลูกค้า” ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำของเมืองไทย และ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ชั้นนำระดับโลก ร่วมมือยกระดับซัพพลายเชนให้เป็นมิตรต่อสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยประกาศใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งสินค้าจากศูนย์กระจายสินค้าบิ๊กซีวังน้อยไปยังศูนย์การค้าบิ๊กซีในกรุงเทพฯ และกำลังพิจารณาใช้งานรถขนส่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นอื่นๆ เพื่อมาเสริมทัพการกระจายสินค้าบิ๊กซีไปยังสาขาอื่นๆ ในอนาคตอันใกล้
การจับมือเป็นพันธมิตรระหว่างบิ๊กซีและดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย มีเป้าหมายร่วมกันในการลดคาร์บอนฟุตพรินต์ การริเริ่มใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้าในครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือในการสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน รถขนส่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 100%
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี กล่าวว่า “กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ดำเนินธุรกิจควบคู่ไปกับการสร้างเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับชุมชน สังคม ล่าสุด บิ๊กซี ร่วมกับพันธมิตร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย ผู้นำตลาดระดับโลกด้านโลจิสติกส์ นำรถพลังงานไฟฟ้า (EV) เต็มรูปแบบมาใช้ขนส่งและกระจายสินค้า เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อมุ่งเน้นในการเป็นองค์กรแห่งการเป็น Green Logistics และเป้าหมายในการเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ของกลุ่มบีเจซี บิ๊กซี ในอีก 28 ปีข้างหน้า หรือปี 2050 โดยบิ๊กซีจะนำร่องใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่งกระจายสินค้า ในบิ๊กซี 3 สาขา ในกรุงเทพฯ คือ บิ๊กซี สาขาสะพานควาย บิ๊กซี สาขารัชดา และบิ๊กซี สาขาราชดำริ พร้อมวางแผนขยายเส้นทางและจำนวนรถเพิ่มเติมในระยะยาว ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดในอนาคต ทั้งนี้การร่วมมือดังกล่าวถือเป็นการร่วมกันขับเคลื่อนในการสร้างซัพพลายเชนด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน”
นายสตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับบิ๊กซีในการดำเนินงานบนค่านิยมและวิสัยทัศน์ร่วมกัน เพื่อการปกป้องโลกและยกระดับคุณภาพชีวิตผู้คน ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำและพันธมิตรด้านการขนส่งที่มีความรับผิดชอบในภูมิภาคเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน ตลอดระยะเวลา 20 ปี ที่ผ่านมา เราได้สนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบิ๊กซีและยังคงขนส่งสินค้าของบิ๊กซีไปสู่สาขากว่า 1,800 สาขาทั่วประเทศในปัจจุบัน เราหวังว่าจะช่วยส่งเสริมการดำเนินงานด้านซัพพลายเชนของบิ๊กซี ผ่านการมอบโซลูชั่นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดภัยเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน”
รถขนส่งพลังงานไฟฟ้านี้จะถูกบริหารจัดการโดยศูนย์ควบคุมการปฏิบัติการด้านการขนส่งของดีเอชแอล (DHL Connected Control Tower) ซึ่งติดตั้งเทคโนโลยีที่ทันสมัยมากมาย อาทิ Paragon Route Optimization System, Transport Management System, Telematics, และ MySupplyChain digital platform เพื่อให้ระบบการขนส่งสินค้ามีประสิทธิภาพสูงสุด
นายสก็อตต์ เจอร์รี รองประธานกรรมการฝ่ายการขนส่ง ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า “ทีมงานขนส่งของเราพยายามแสวงหาแนวทางใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนให้น้อยลง ซึ่งนอกจากการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า เรายังวางแผนติดตั้งแผงโซลาร์เซล์ Trailar บนรถเหล่านี้และใช้หัวเชื้อเติมแต่งสำหรับรถขนส่งเครื่องยนต์สันดาปภายในเพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน เราหวังว่าจะสามารถสร้างผลลัพธ์ให้ครอบคลุมมากขึ้นในอนาคต ผ่านการเพิ่มนวัตกรรมต่างๆ เพื่อนำมาใช้กับยานพาหนะขนส่งทั้งของเราและของผู้รับเหมารายย่อยให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป”