หลายคนคงจะเคยได้ยินเรื่องเล่าในเดอะช๊อค เพราะเป็นเรื่องที่ดังมาก น่ากลัวมาก เป็นโรงแรมที่มีอาณาบริเวณใกล้เคียงกับโรงพยาบาล!! ในเชียงใหม่ บอกไว้เลยว่า มีอยู่ 2 ที่เท่านั้น …. ที่ไหนนะเหรอ …. ไม่บอกหรอก ฮ่าๆๆๆ….
เรื่องคือคนเล่าไปเที่ยวช่วงปีใหม่ โรงแรมที่พักเป็นโรงแรม 5 ดาวของเชียงใหม่แล้วก็จองห้องไว้ แต่มาถึงเช้าแขกยังไม่เช็คอินห้องที่จะพักออก เลยขอเปลี่ยนห้องที่ว่างได้ห้องใหม่ที่ไม่ได้จองไว้ ซึ่งคนเล่ามากับเพื่อนทั้งหมดรวมตัวเองเป็นสามคนเพื่อนคนนึงก็เปิดหน้าต่างห้อง เห็นว่าหน้าต่างตรงกับดาดฟ้าโรงพยาบาลพอดี….
แล้วเพื่อนคนนี้ปกติเป็นคนปากเร็ว เลยพูดไม่คิดว่า “โห เห็นดาดฟ้าโรงพยาบาลเลยหรอนี่ อัปมงคลสุดๆ”แต่ก็ยังไม่มีใครคิดอะไร ก็ออกไปเที่ยวกัน กลับมา เพื่อนคนเดิมก็ไปเปิดหน้าต่าง เห็นผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าก็เลยพูดว่า “คนบ้าอะไรว่ะ ไปนั่งอยู่คนเดียว” คนที่นั่งเป็นผู้หญิง ใส่ชุดโรงบาล คนเล่าก็คิดว่าสงสัยเค้าออกมานั่งเคาว์ดาวน์มั้ง ก็เลยออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน….
หลังเคาว์ดาวน์เสร็จกลับมา ก็นอนได้ยินเสียงเหมือนคนใช้เล็บกรีดกระจก ซึ่งมีหน้าต่างอยู่ตรงข้างเตียง และบนหัวเตียงของห้องด้วย เสียงกรีดกระจกก็ดังไล่มาจากข้างเตียงถึงหัวเตียงเลยนอกจากเสียงกรีดกระจกแล้ว เป็นเสียงร้องกรี๊ดๆ แล้วก็เสียงหัวเราะอ่ะ เพื่อนเจ้าของเรื่องเปิดม่านดูก็เห็นเป็นผู้หญิงเอาหน้ามาติดกระจก แล้วใช้นิ้วกรีดๆ กระจก หัวเราะฮะ ฮะ ฮะ…..
เห็นแบบนั้น คนเล่ากับเพื่อนเลยรีบลงมาที่ล็อบบี้ บอกพนักงานที่ฟร๊อน เค้าก็เข้าใจว่าเพราะทานแอลกอฮอล์กันรึปล่าวแต่คนเล่าก็บอกว่าไม่ได้กิน คนที่กินมีแค่เพื่อนในกลุ่มคนเดียว แต่เพื่อนเค้าอีกคนกับเค้าไม่ได้ดื่ม….ทางโรงแรมเลยจะเปลี่ยนห้องให้ แต่ต้องรอตอนเช้า เพราะแขกยังไม่เช็คเอาท์ออก คนเล่ากับเพื่อนก็ไม่กล้าขึ้นไปแล้ว นั่งรออยู่ล็อบบี้ ดื่มกาแฟไป จนถึงเช้า แขกออกก็ย้ายไปอีกห้อง ถัดจากห้องเดิมไป 4 ห้อง แต่ก็เปลี่ยนโรงแรมไม่ได้เพราะทุกที่เต็มหมด จะกลับก็ไม่ได้ เพราะจองตั๋วรถที่จะกลับ วางแผนการเดินทางไว้หมดแล้ว ก็เลยจำใจอยู่
คืนต่อมาก็ยังเจอผู้หญิงคนนี้ คนเดิม เวลาเดิม ใช้เล็บกรีดกระจก พร้อมกรี๊ดและส่งเสียงร้องว่า กูจะฆ่าเมิงงง คนเล่ากับเพื่อนก็ลงมาที่ล็อบบี้อีกถามพนักงานฟร้อนท์ ก็ยืนยันว่าห้องที่อยู่ไม่มีเหตุการณ์อะไร คนเล่าก็ไม่กล้าขึ้นไปนอนอีก ก็เลยอยู่ที่ล็อบบี้ก็มีแม่บ้านเข้ามาถาม เจ้าของเรื่องก็เล่าที่เจอให้ฟัง ป้าเลยถามว่า อยากฟังไหม ถ้าอยากจะเล่าให้ฟัง พนักงานใหม่ไม่ค่อยรู้หรอก….
แต่ก่อนมีผู้ชายคนนึงมาสัมนาที่นี้ แล้วภรรยาก็ตามมาด้วย ภรรยาก็กำลังท้องอยู่ สามีมาที่นี้ก็แอบหนีไปเที่ยวกลางคืน ไปนอนกับเด็กงี้ ผู้หญิงก็เสียใจ มีปากเสียง จะฆ่าตัวตาย ก็กรีดข้อมือในห้องนั้นแหละ แต่ไม่สำเร็จถูกช่วยไว้ทัน ก็เอาตัวส่งโรงบาล แต่สามีก็ไม่เยี่ยมไม่สนใจก็เที่ยวเหมือนเดิม วันนึง เสียงโทรศัพท์สามีก็ดัง ภรรยาบอกว่าให้มองออกมาที่นอกหน้าต่างสิ พอผู้ชายมอง ก็เห็นภรรยาตัวเองอยู่บนดาดฟ้าถือโทรศัพท์อยู่ แล้ววิ่งโดดลงไปต่อหน้าสามีเลย ก็เสียชีวิต!!
หลังจากได้ฟังแบบนั้น เจ้าของเรื่องเลยไปทำบุญให้ผู้หญิงคนนี้ ก็จบเหตุการณ์ ไม่มีอะไรต่อ….. แต่สุดท้ายแล้วก็มีเหตุให้ได้เจอกันอีก เจ้าของเรื่องนั่งแท็กซี่ แล้วคนขับเล่าให้ฟังว่าทำบุญกับศพไร้ญาติแล้วถูกเลขมาหลายตัวเจ้าของเรื่องเลยอยากลองบ้าง ก็ทำตามแล้วก็ถูกจริงๆ เลยทำบุญไปให้ ปรากฏว่าดูชื่อแล้วเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่เจอที่เชียงใหม่คนเล่าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเป็นศพไม่มีญาติ……..
ลองนึกถึงภาพประตูลิฟต์เปิดไปเจอห้องพักที่มีท่อนไม้ขวางประตู ชนิดปิดตายอยู่ดูซิครับ ว่ามันจะหลอนขนาดไหน ?
พิกัดจุดเกิดเหตุวันนี้ มีเรื่องราวชวนหลอนเกี่ยวกับโรงแรมผีสิงแห่งนึงในเชียงใหม่มาฝากกันครับ
โดยโรงแรมแห่งนี้มีอายุเก่าแก่ ไม่ต่ำกว่า 30 ปี เป็นโรงแรมขนาดไม่ใหญ่ลักษณะคล้ายห้องแถวอยู่กลางเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว
โดยเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรงแรมแห่งนี้มี 2 ประสบการณ์ด้วยกัน ต่างระยะเวลานิดหน่อย แต่ยืนยันว่าเป็นที่เดียวกันแน่นอนครับ (ส่วนจะเป็นที่ไหน ไปตามสืบกันเลยดีกว่าครับ)
.
**..ผู้ชี้พิกัดประสบการณ์แรกมาจาก “คุณหวาด”
เรื่องนี้เกิดในโรงแรมเก่าๆ แบบตึกแถวในตัวเมือง เมื่อราว 30 กว่าปีมาแล้ว เท่าที่ทราบช่วงนั้นมีเจ้าของใหม่ซื้อมาดำเนินกิจการต่อ แต่ทำท่าว่าจะไปไม่รอด เพราะนับวันแขกก็ยิ่งน้อยลง…
แต่เผอิญว่าเจ้าของเขามีญาติๆ แนะนำให้เชิญคนทรงบรรดาศักดิ์ท่านนึงมาช่วยมาดู เป็นสุภาพสตรีชื่อ “คุณศรีสมร” จากกรุงเทพฯ ให้ดูว่าที่นี่มีอะไรเป็นอัปมงคลกันแน่ ?
จากนั้น คุณศรีสมร ก็เข้าไปที่โรงแรม พูดคุยกับเจ้าของ ฝ่ายเจ้าของยืนยันว่าตั้งแต่ซื้อกิจการโรงแรมมายังไม่เคยมีใครล้มตายแม้แต่คนเดียว แต่ทำไมเจอแต่อะไรที่ไม่ดีอยู่เรื่อย
คุณศรีสมรจึงเริ่มนั่งสมาธิ ทำบริกรรมในห้องทำงานของผู้จัดการได้พักใหญ่ๆ ก็ลืมตาขึ้นด้วยสีหน้าวิตก
มองซ้ายมองขวาด้วยความหนักใจก่อนจะบอกกล่าวด้วยเสียงราบเรียบแต่ไม่วายสั่นเครือว่า “ในห้องนี้มีวิญญาณมาวิ่งเล่นกันรอบห้อง ตอนนี้กำลังมองเราเขม็ง..!”
พิธีกรรมครั้งนั้นทำให้พนักงานโรงแรมหวาดกลัวจนลาออกไปหางานใหม่ตามๆ กัน ฝ่ายเจ้าของโรงแรมก็กลัว เหลียวซ้ายแลขวา ไม่คิดจะถามถึงวิธีแก้ไขอีกต่อไป แต่ยอมยกธงขาวเหมือนกับลูกน้อง…
หลังจากนั้น คุณศรีสมร ก็อธิบายให้ฟังว่า “สถานที่นี้เคยมีทั้งการฆ่าตัวตาย ฆ่ากันตาย จนถึงหัวใจวายตายมาตั้งแต่สมัยเจ้าของเดิมอยู่ วิญญาณส่วนมากยังสิงสู่อยู่ในห้องหับต่างๆ แทบจะทั่วโรงแรม เป็นวิญญาณที่แรงมาก ยากที่จัดการแก้ไขได้สำเร็จ”
หลังจากวันนั้นไม่รู้ว่าเจ้าของจะเอาไงนะ จะถอดใจขายหรือทนดำเนินกิจการต่อไม่รู้ รู้แต่ว่าโรงแรมแห่งนี้ก็ยังคงอยู่ ให้คนได้เข้าไปพักโดนผีหลอกกันอยู่เรื่อยๆ
.
**..ผู้ชี้พิกัดประสบการณ์ที่สองมาจาก “คุณเกรซ”
เรื่องนี้เกิดมานานพอสมควร เกือบ 20 ปีแล้วค่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราเป็นคนชอบไปเชียงใหม่ เรียกว่าขึ้นไปที่นั่นทุกปี
เวลาไปทีก็จะชอบไปนอนบ้านเพื่อน หรือไม่ก็ตระเวนหาห้องเช่านอน เราเน้นอะไรที่ง่ายๆ ราคาไม่แพง
มีครั้งนึงไปเที่ยวเชียงใหม่ช่วงใกล้สิ้นปีพอดี ไปแบบตัวคนเดียว ช่วงนั้นหาที่พักแทบไม่มี เนื่องจากถูกจองเต็มเพราะใกล้เทศกาล
เราได้รับคำแนะนำจากเพื่อนว่าให้ลองไปนอนโรงแรมนึงไหม อยู่ในตัวเมืองเป็นลักษณะคล้ายห้องแถว เพื่อนยังพูดแบบติดตลกว่าที่นี่ผีดุนะ คนเชียงใหม่จะรู้ ไม่ค่อยมีใครกล้าพัก
ที่เพื่อนมันพูดเพราะมันรู้ว่าเราไม่กลัวผี ออกแนวไม่เชื่อและท้าทายด้วย
คืนนั้นเราเข้าไปโรงแรมที่ว่านี้ ปรากฎมีห้องว่าง เราก็ไม่เรื่องมากห้องไหนก็นอนได้ สรุปคือจอง 2 คืน อีกคืนจะไปนอนสันกำแพง
เรารู้สึกว่าโรงแรมมันเงียบๆ พิกล มีลิฟต์แต่ตามทางเดินดูเก่าๆ พอขึ้นห้องก็จัดแจงเปลี่ยนเสื้อผ้าอาบน้ำ ดูทีวีพักนึงก็นอน
หลับไปนานเท่าไรไม่รู้ จนมาได้ยินเสียงคนร้อง เหมือนร้องสะอึกสะอื้น ชัดเลยเป็นเสียงผู้หญิง ตอนแรกคิดว่าน่าจะฝันไปแต่พอตั้งใจฟังเสียงนั้นก็หายไป
พอหลับต่อคราวนี้มาอีก.. เที่ยวนี้เป็นเสียงคนเปิดน้ำเล่นในห้องน้ำ เสียงอาบน้ำ เสียงกดชักโครก ฟังชัดสะยิ่งกว่าอะไร มั่นใจว่าไม่ใช่จากห้องอื่นแน่
นึกแล้วก็ลุกไปดู บอกแล้วเราไม่กลัว คิดว่าเป็นไงเป็นกัน พอเปิดประตูห้องน้ำก็แอบตกใจ ทำไมพื้นแห้ง ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น..!
นึกในใจ หรือจะโดนเข้าแล้ว ตอนนั้นเริ่มขนลุกแต่ก็ยังทำใจดีสู้ผี ให้ดูว่ากูก็ไม่กลัว นอนต่อแต่เที่ยวนี้ไม่กล้าหันไปทางห้องน้ำแล้วเพราะแอบหวั่นๆ
จากนั้นหลับไปนานเท่าไรไม่รู้ มารู้ตัวอีกทีเหมือนเสียงใครบิดลูกบิดประตู เสียงนั้นมาจากห้องน้ำ..!
พอเรารู้สึกตัวก็นอนนึกในใจจะหันไปดูดีไหม แต่อีกใจก็กลัว
ตอนนั้นอารมณ์ประมาณระแวงด้วยแหละ ก็เลยเป็นไงเป็นกันหันขวับไปดู ปรากฎภาพที่เห็นถึงกับขนลุกซู่..!
เรามั่นใจว่าตาไม่ฝาด เราเห็นเป็นผู้หญิงกำลังแง้มประตูห้องน้ำมามองเรา โดยเราเห็นเขาแค่ครึ่งหน้า ลูกตาขาวแทบไม่มีตาดำ..!
ชั่วโมงนั้นลืมทุกอย่าง ลุกจากเตียงวิ่งออกนอกห้องเลยค่ะ ไม่อยู่แล้ว
เหตุการณ์ครั้งนั้นเปลี่ยนทุกอย่าง รวมทั้งความเชื่อที่ไม่เคยเชื่อว่าผีมีจริงด้วย เพราะนับแต่นั้นมาเรากลายเป็นคนกลัวผีไปเลย และไม่กล้าไปนอนค้างโรงแรมต่างจังหวัดอีก โดยเฉพาะที่เชียงใหม่..!
และนี่คือ 2 ประสบการณ์หลอนที่แอดมินยกมา ซึ่งเป็นแค่ส่วนนึงของที่นี่เท่านั้น อยากบอกว่าจริงๆ มีเรื่องเล่ามากกว่านี้ ที่สำคัญไม่ใช่แต่คนไทยที่โดนหลอกด้วยสิ ฝรั่งหัวทองก็โดนมาหลายรายเหมือนกัน
อ่านโพสต์นี้จบขอให้ทุกท่านที่จะไปนอนค้างอ้างแรมตามต่างจังหวัดหรือเข้าพักโรงแรมที่ไม่คุ้น ใช้ความระมัดระวังด้วย และที่สำคัญขอให้รอดพ้นจากการโดนผีหลอกทุกๆ ท่านนะครับ..