หากจะพูดถึงเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน หลายๆคน อาจพบปัญหาจากผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ ทำให้สถานะทางการเงินของบางคนอาจจะมีปัญหา ทำให้ต้องหันหน้ามาพึ่งการกู้หนี้ บัตรเครดิต เพื่อขอสินเชื่อเงินสดมาใช้หมุนเวียนในการดำรงชีวิตต่อไป บางคนอาจติดทั้งหนี้บัตรเครดิต ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆในชีวิตประจำวันอยู่ สำหรับใครที่อยากออกรถสักคัน แต่ติดเครดิตบูโร หรือ ติดแบล็คลิส ซึ่งคุณอาจกังวลใจ หรือไม่แน่ใจว่าจะสามารถขอสินเชื่อ หรือ ขอไฟแนนซ์รถมือสอง จากสถาบันการเงินได้ไหม วันนี้ เพชรยนต์ มีคำตอบให้ค่ะ
เพชรยนต์ ขาย รถยนต์มือสอง ราคาถูก คัดรถสวย คุณภาพเกรด A+ ดูเพิ่มเติมที่นี่ค่ะ
ชมรถมือสองสวยๆ คัดเกรด A++ คลิ๊กที่รูปเลย..
รถกระบะมือสอง สภาพนางฟ้า
รถเก๋งมือสอง คัดเกรด A++
รถ SUV มือสองเกรด A++
รถตู้มือสองคัดสวยเกรดนางฟ้า
ค้นหารถมือสอง คัดสวยๆ เกรด A++
Search for:
ลองพิมพ์ คำค้นหา เช่น วีออส | ซีวิค | วีโก้ เป็นต้น
1. แบล็คลิสต์คืออะไร?
แบล็คลิสต์ คือ ประวัติการชำระเงินผ่อนที่ล่าช้า หรือ ผิดนัดชำระ ซึ่งเป็นข้อมูลที่เก็บไว้ใน ระบบฐานข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือ เครดิตบูโร (National Credit Bureau) สำหรับหน่วยงานนี้จะมีหน้าที่รวบรวมรายละเอียดเกี่ยวกับการขอสินเชื่อต่าง ๆ ที่บุคคลนั้น มีอยู่ ในฐานระบบบูโรแห่งชาตินี้ จะเป็นตัวเก็บข้อมูลไว้สำหรับยืนยันว่าเรามีการชำระหนี้อย่างไรบ้าง และเรามีสินเชื่อกับสถาบันการเงินใดบ้าง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้หากได้รับการยินยอมจากเจ้าของบัญชีแล้ว สถาบันทางการเงินอื่นๆ สามารถเข้ามาตรวจสอบข้อมูลของเราได้ ว่าบุคคลนี้มีการผิดชำระหนี้ ซึ่งหากทางเจ้าของบัญชีได้ขอสินเชื่อไว้ แล้วมีการจ่ายล่าช้ามากกว่า 90 วันขึ้นไป ก็ถือว่าติดแบล็กลิสต์นั่นเอง
2. ควรทำอย่างไรเมื่อติดแบล็คลิส ?
ข่าวดีสำหรับผู้ที่แบล็คลิสต์ เมื่อติดแล้วสามารถแก้ไขได้ สำหรับท่านที่ติดแบล็คลิสต์ เราแนะนำว่าหากมีเงินพร้อมแล้ว ควรรีบติดต่อกับสถาบันทางการเงินที่เราเป็นหนี้อยู่ เพื่อขอเคลียร์ยอดหนี้ทั้งหมดและทำการปิดบัญชีให้เร็วที่สุด ถึงแม้ว่าจะปิดบัญชีไปแล้ว ข้อมูลในฐานระบบบูโรแห่งชาติ ก็ยังคงมีรายการย้อนหลังที่เราเคยจ่ายล่าช้ามากกว่า 90 วันอยู่ ทำให้มีประวัติเสีย เครดิตไม่ดี ต่อไปก็จะไม่สามารถกู้เงินหรือขอสินเชื่อได้อีกในช่วงที่ประวัติยังโชว์ในฐานข้อมูลบูโร ดังนั้น หากท่านมีการชำระหนี้ที่ค้างอยู่หมดไปแล้ว ก็ต้องรอให้ฐานระบบบูโรแห่งชาติ เคลียร์ประวัติเสียออกไป ซึ่งใช้ระยะเวลานานประมาณ 3 ปี
หากอยากออกรถโดยมีสถานะติดแบล็คลิสต์อยู่ก็สามารถทำได้เช่นกัน โดยมี 2 ข้อแนะนำดังนี้
2.1 ซื้อเป็นชื่อของตัวเอง: ถึงแม้ตัวเองจะติดแบล็คลิสต์ก็อยากซื้อรถเป็นชื่อของตัวเอง ซึ่งสามารถทำได้และไม่ยุ่งยากเลย
- เตรียมเอกสารเบื้องต้น พร้อมเอกสารแสดงรายได้ที่ชัดเจน
- มีผู้ค้ำเป็นเจ้าบ้าน 1 คน ซึ่งสามารถเป็นใครก็ได้ที่มีชื่อเป็นเจ้าของโฉนดนั้น
- ตั้งงบดาวน์ 20-30% จากราคารถ โดยงบดาวน์ขึ้นอยู่กับรุ่นรถที่เลือกซื้อ รถบางคันใช้เงินแค่หลักหมื่นต้นๆ ในการออกเท่านั้น ดังนั้นสามารถเช็กเรื่องงบดาวน์กับทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายขายที่ดูแลได้เลย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
2.2 หาคนซื้อแทน: ในกรณีนี้หากลูกค้าเครดิตไม่ดีและไม่มีงบดาวน์มากนัก สามารถใช้ชื่อและประวัติของบุคคลอื่นเช่าซื้อรถแทนกันได้ โดยจะใช้ผู้อื่นทำสัญญาซื้อแทน 100% หรือเจ้าของรถตัวจริงที่ติดแบล็คลิสต์เป็นคนกู้ร่วม หรือคนค้ำก็ได้เช่นกัน ในกรณีนี้หากผู้ซื้อแทนเครดิตดี สามารถฟรีดาวน์ได้ โดยไม่ต้องใช้เงินในการออกรถเลย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
3. อยากเช็คให้มั่นใจว่าติดแบล็คลิสควรทำอย่างไร?
สามารถเข้าไปขอเช็คข้อมูลได้ที่ธนาคารต่างๆ เช่น ธนาคารธนชาติ ธนาคารกรุงไทย เป็นต้น ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท เพื่อขอดูข้อมูลในฐานระบบบูโรแห่งชาติ จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารจะให้กรอกรายละเอียด ชื่อ-สกุลเบอร์โทรศัพท์และที่อยู่ปัจจุบัน เพื่อให้บริษัทบูโรแห่งชาติ จัดส่งเอกสารข้อมูลมาให้ที่บ้าน
ตรวจเครดิตบูโรได้ที่ไหน ?
บริการตรวจเช็คเครดิต ฟรี
คลิกเลย
สอบถามการออกรถมือสอง ฟรี
คลิกเลย
บริการดูรถผ่านวิดีโอคอล ฟรี
คลิกเลย
เทคนิคเลือกรถมือสอง ฟรี
คลิกเลย
4. ออกรถสำหรับคนติดแบล็คลิส ?
คุณสามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ได้เมื่อซื้อรถกับเต๊นท์รถมือสอง จะมีไฟแนนซ์ทั้งแบบ non-bank และสินเชื่อในเครือของเต๊นท์รถเองที่รองรับ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเครดิตบูโรมากเท่ากับสินเชื่อจากธนาคาร แต่จะดูสถานะของคุณในปัจจุบันกับความเป็นไปได้ในการผ่อนชำระหนี้แต่ก็ต้องมีเงื่อนไขสำคัญบางอย่าง
5. ติดแบล็คลิส ออกรถได้จริงหรือ ?
หากคุณกำลังประสบปัญหานี้อยู่และกำลังอยากได้รถมือสองสักคัน การ ติดแบล็คลิส ติดเครดิตบูโร สามารถออกรถได้แน่นอนค่ะ แต่คุณต้องมีงบในการดาวน์สักเล็กน้อยเท่านั้น
แบล็คลิสต์ คืออะไร ทำไมจึงติด : การติดแบล็คลิสต์คือการที่ลูกค้ามีการผิดนัดการชำระกับสถาบันทางการเงิน ซึ่งข้อมูลตรงนี้จะขึ้นสถานะอยู่ในข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ทำให้ลูกค้าไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินกับสถาบันการเงินได้นั้นเอง
แต่ในการซื้อรถมือสอง การติดแบล็คลิสไม่เป็นปัญหา หากไม่มีการถูกฟ้องร้อง คุณสามารถซื้อและจัดไฟแนนซ์ได้ตามปกติ แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขดังนี้
- เตรียมงบดาวน์ประมาณ 30% ของราคารถ (บางสถาบันการเงินสามารถดาวน์เพียง 5% ของราคารถ ขึ้นอยู่กับธนาคารที่คุณจัดไฟแนนซ์)
- มีคนค้ำประกันที่เป็นเจ้าบ้าน 1 คนโดยคุณสมบัติของผู้ค้ำจะต้องเป็นเจ้าบ้าน เป็นเจ้าของที่ดิน มีโฉนด หรือเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์บ้าน (หรือบางสถาบันการเงินอาจไม่จำเป็นต้องมีผู้ค้ำก็ได้ ลูกค้าสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากพนักงานขายรถมือสองได้)
- มีอาชีพที่ชัดเจน สามารถตรวจสอบได้และมีรายได้มากพอที่จะชำระหนี้ต่องวดได้เพียงพอ
- เตรียมเอกสาร สลิปเงินเดือน หรือ ใบรับรองเงินเดือน
- สเตทเมนต์ย้อนหลัง 6 เดือน
หากทำอาชีพพ่อค้าแม่ค้า หรือประกอบธุรกิจของตัวเอง เตรียมใบทะเบียนการค้า หรือสัญญาเช่า ใบเสร็จค่าตั๋วค่าเช่าที่ บิลค่าน้ำค่าไฟ หรือหลักฐานแสดงที่ตั้งกิจการของท่าน (สำหรับแผงลอย-ตลาดนัดสามารถใช้ใบเสร็จค่าเช่าแบบชนิดที่เขียนมือแทนได้)
เมื่อเตรียมเอกสารทุกอย่างเรียบร้อย ต่อจากนี้เป็นเรื่องของการพูดคุยและให้ข้อมูลของผู้ซื้อและผู้ขาย ที่จะช่วยกันดันเคสจนผ่านและลุล่วงไปด้วยดี
ขั้นตอนการขอสินเชื่อรถยนต์มือสองเบื้องต้น พร้อมรายละเอียดทางด้านเอกสารการจัดไฟแนนซ์ที่จำเป็นต้องใช้
รายละเอียดเพิ่มเติม
นอกจากการเตรียมการของผู้ต้องการซื้อรถแล้ว ปัจจัยอีกข้อคือเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ซึ่งขึ้นอยู่ที่การตรวจสอบและการพูดคุยกันตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อผู้ซื้อมั่นใจ ผู้ขายช่วยกันผลักดันเคสจัดไฟแนนซ์ เพื่อให้เข้าเงื่อนไขของธนาคารแล้ว เคสการติดแบล็คลิสต์ก็สามารถผ่านไปได้สบายๆ และในปัจจุบันดอกเบี้ยของแต่ละธนาคารก็เอื้อต่อผู้ที่ต้องการซื้อรถมือสองอย่างยิ่ง โดยดอกเบี้ยเริ่มต้นอยู่ที่ 2.79 และผ่อน 0% นาน 18 เดือน
เพราะฉะนั้นใครที่กำลังติดแบล็คลิสต์อย่าเพิ่งท้อใจ ทุกปัญหามีทางแก้เสมอ ทางเพชรยนต์ ยินดีและพร้อมช่วยเหลือลูกค้าทุกท่าน ให้ออกรถได้อย่างที่ต้องการแน่นอน
บริการตรวจเช็คเครดิต ฟรี
คลิกเลย
สอบถามการออกรถมือสอง ฟรี
คลิกเลย
บริการดูรถผ่านวิดีโอคอล ฟรี
คลิกเลย
เทคนิคเลือกรถมือสอง ฟรี
คลิกเลย
6. อยากหลุดแบล็คลิสฟื้นเครดิตให้กลับมาดีทำอย่างไรดี ?
สิ่งที่คุณต้องทำก็คือพยายามฟื้นฟูประวัติเครดิตของคุณ ด้วยการพยายามชดใช้หนี้ที่มีอยู่ให้หมด โดยต้องไม่ล่าช้าและไม่ผิดนัดชำระอย่างเด็ดขาด ดังที่บอกไปตั้งแต่ข้างต้นว่าเครดิตบูโรนั้น จะเก็บประวัติของคุณย้อนหลังจากงวดล่าสุดไปเป็นจำนวน 36 งวด (3 ปี) การที่คุณพยายามชำระหนี้ของคุณตรงเวลาทุกงวด ประวัติการชำระดีใหม่ ๆ ก็จะค่อย ๆ เข้าไปแทนที่ประวัติเสียเก่า ๆ ที่มีอยู่ เมื่อคุณชำระหนี้แบบตรงเวลาไปเรื่อย ๆ จนครบ 3 ปี ประวัติเครดิตของคุณก็จะกลับมามีสภาพที่ดีและน่าเชื่อถืออีกครั้งนั่นเอง
วิธีเเก้ไขเมื่อติดเเบล็คลิสต์ !!
7. หากไม่มีเงินจ่ายหนี้ล่ะ จะต้องทำอย่างไร?
หากมีภาระหนี้ที่หนัก ปล่อยเอาไว้ต่อไปรับรองว่าคุณจะต้องเป็นหนี้เป็นสินยิ่งกว่าเดิมแน่ ๆ เพราะเงินเดือนหมดไปกับการใช้หนี้ แล้วจะเอาที่ไหนกินที่ไหนใช้ ต้องไปหาหยิบยืม ทั้งที่เงินไม่มีจ่ายคืนให้ผิดใจกันไปอีก สิ่งที่คุณต้องทำคือติดต่อธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้ภาระหนี้ต่อเดือนของคุณน้อยลงไป และมีเงินเหลือเพียงพอต่อการดำรงชีวิตของคุณในเดือนนั้น ๆ นั่นเอง
บทส่งท้าย
เเบล็คลิสต์เป็นปัญหาที่พบบ่อยมากในปัจจุบัน เพราะการทำบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดนั่นสามารถทำได้ง่าย เเม้ฐานเงินเดือนน้อยก็ทำได้ เพราะตอนนี้มีหลายสถาบันการเงิน ที่เป็นสถาบันการเงินเอกชนก็เปิดบริการทำสินเชื่อบัตรเครดิตมากมาย จนทำให้หลายคนสามารถมีบัตรเครดิต หรือบัตรกดเงินสดที่มีวงเงินสูงกว่าเงินเดือนตัวเองหลายเท่าตัว จนไม่สามารถผ่อนชำระ หรือผิดชำระได้นั่นเอง จึงทำให้หลาย ๆ ท่านติดเเบล็คลิสต์นั่นเอง
เราจึงนำวิธีเเก้ไขเเบล็คลิสต์มาฝากท่านในวันนี้นั่นเอง ก่อนอื่นเราต้องมารู้สถานที่เช็กเครดิตบูโร หรือเเบล็คลิสต์ก่อน สถานที่ตรวจเช็กเครดิตบูโร หรือเเบล็คลิสต์ หลังจากที่เราทราบสถานที่เช็กเครดิตบูโร หรือเเบล็คลิสต์ไปเเล้ว ต่อไปเรามาดู วิธีเเก้ไขเเบล็คลิสต์ต้องทำอย่างไร? กันเลยค่า