การคำนวณเงินงวดผ่อนชำระและเงินงวดกำหนดวงเงินให้กู้ให้ใช้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จริง บวกร้อยละ 1.00 ต่อปี
หมายเหตุ
- กรณีผู้กู้ถึงแก่ความตาย ให้ยกเว้นการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ นับแต่วันที่ธนาคารทราบข้อมูลการตายของผู้กู้จากระบบบำเหน็จค้ำประกัน
- จนถึงวันที่กรมบัญชีกลางนำส่งเงินบำเหน็จตกทอดชำระหนี้เงินกู้ให้กับธนาคาร (วันที่ตามรอบปฏิทินที่กรมบัญชีกลางกำหนด)
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงตลอดอายุสัญญา (EIR)
- กรณีลูกค้าสวัสดิการ = 3.90%
- กรณีซื้ออุปกรณ์ฯ = 3.90%
หมายเหตุ
อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่ระบุเป็นเพียงตัวอย่างที่คำนวณตามเงื่อนไขที่ใช้ในฉบับนี้เท่านั้น ซึ่งอาจมีความแตกต่างกันตามเงื่อนไขการกู้ยืมของลูกค้าแต่ละราย โดยคำนวณจากสมมติฐานวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ระยะเวลากู้ 20 ปี ผ่อนชำระตามเงินงวดของผลิตภัณฑ์
คุณสมบัติ / เอกสารที่ใช้สมัคร
คุณสมบัติ
เป็นผู้รับบำนาญหรือผู้รับบำเหน็จรายเดือนที่กรมบัญชีกลาง หรือสำนักงานคลังจังหวัด ออกหนังสือรับรองสิทธิให้นำบำเหน็จตกทอดมาเป็นหลักประกันเงินกู้
เอกสาร
เอกสารส่วนบุคคล
- บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการบำนาญ
- ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
- ทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (ถ้ามี)
- ใบเปลี่ยนชื่อ / นามสกุล (ถ้ามี)
เอกสารแสดงทางการเงิน
สมุดบัญชีเงินฝากแสดงรายรับเงินบำนาญรายเดือนหรือผู้รับบำเหน็จรายเดือน (ฉบับจริงพร้อมสำเนา)
เอกสารหลักประกัน
- หนังสือรับรองสิทธิบำเหน็จตกทอดเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้เงิน(ฉบับจริง)
- กรณีซื้อที่ดินพร้อมอาคาร ซื้อห้องชุด ซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร
- หนังสือสัญญาจะซื้อจะขายหรือสัญญามัดจำ(สำเนา)
- กรณีสร้าง/ต่อเติม/ขยาย/ซ่อมแซมอาคาร
- ใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร(สำเนา)
- แบบก่อสร้าง/ต่อเติม/ขยาย/ซ่อมแซมอาคาร
- กรณีไถ่ถอนจำนอง
- สัญญากู้
- สัญญาจำนอง
- ใบเสร็จการผ่อนชำระย้อนหลัง 12 เดือน
- กรณีซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสพดวกเพื่อที่อยู่อาศัย
- ใบเสร็จรับเงิน/หลักฐานแสดงการซื้อหรือรายการอุปกรณ์ที่ประสงค์จะซื้อพร้อมราคาโดยประมาณ
หมายเหตุ
ในกรณีกู้ร่วม ขอให้ผู้กู้ร่วมมายื่นคำขอกู้พร้อมเอกสารของแต่ละท่าน
ในกรณีจำเป็น ธนาคารขอหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมเพื่อประกอบการพิจารณา
กรมบัญชีกลางทำบันทึกข้อตกลงกับธนาคารและทำหน้าที่หักเงินบำนาญรายเดือนหรือผู้รับบำเหน็จรายเดือนของผู้กู้นำส่งชำระหนี้เงินกู้ให้กับธนาคาร
From: ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ [mailto:GovernmentPolicy@ghb.co.th] Sent: Tuesday, December 20, 2022 5:35 PM To: ฉัตรชัย โชติทิฆัมพร Cc: ทอปัด หรรษพงศธร; วราภรณ์ ภูษณรัตน์; พงษ์ศักดิ์ วนานุภัณฑ์; วรพงษ์ นิลวัชราภรณ์; ธิดา จิรไพศาลกุล; เลขาผอ.นส.; เลขาผอ.บสส; ฝ่ายนส-สบป; ฝ่ายนส-สนท Subject: (ตอบกลับ) RE: ขออนุเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดระเวลา (สิ้นเดือนธันวาคม 2565) ในเว็บไซต์ธนาคาร เรียน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสำนักงานและกิจการสาขา ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดอายุสิ้นเดือน ธันวาคม 2565 ดังนี้ ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 31 มกราคม 2566 o โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก ปี 2565 o โครงการบ้าน ธอส เพื่อคุณ ปี 2565 o โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2565 ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 29 ธันวาคม 2566
From: ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ [mailto:GovernmentPolicy@ghb.co.th] Sent: Tuesday, December 20, 2022 5:35 PM To: ฉัตรชัย โชติทิฆัมพร Cc: ทอปัด หรรษพงศธร; วราภรณ์ ภูษณรัตน์; พงษ์ศักดิ์ วนานุภัณฑ์; วรพงษ์ นิลวัชราภรณ์; ธิดา จิรไพศาลกุล; เลขาผอ.นส.; เลขาผอ.บสส; ฝ่ายนส-สบป; ฝ่ายนส-สนท Subject: (ตอบกลับ) RE: ขออนุเคราะห์ตรวจสอบข้อมูลผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดระเวลา (สิ้นเดือนธันวาคม 2565) ในเว็บไซต์ธนาคาร เรียน ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารสำนักงานและกิจการสาขา ฝ่ายนโยบายสินเชื่อธุรกิจและภาครัฐ ตรวจสอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อที่จะหมดอายุสิ้นเดือน ธันวาคม 2565 ดังนี้ ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 31 มกราคม 2566 o โครงการบ้าน ธอส. เพื่อสานรัก ปี 2565 o โครงการบ้าน ธอส เพื่อคุณ ปี 2565 o โครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อบุคลากรภาครัฐ ปี 2565 ระยะเวลาดำเนินการ ถึง 29 ธันวาคม 2566
กรณีที่มีปัญหาข้อมูลเครดิตและต้องการขอสินเชื่อกับธนาคารนั้น ปัจจุบันสถานะบัญชีต้องปกติ ไม่อยู่ระหว่างถูกฟ้องร้องดำเนินคดี หรืออยู่ระหว่างประนอมหนี้ แนะนำให้ผู้กู้ไปตรวจสอบเครดิตกับบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด ก่อน จากนั้นนำเอกสารดังกล่าวพร้อมเอกสารการปิดบัญชีเข้าไปปรึกษากับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของธนาคารต่อไป
a
กรณีที่มีอาชีพประจำ แต่ไม่มีสลิบเงินเดือนหรือหนังสือรับรองเงินเดือน ต้องทำอย่างไร
กรณีไม่มีหนังสือรับรองเงินเดือน หรือสลิบเงินเดือน ให้ลูกค้าเตรียมเอกสาร ดังนี้
-Statement เงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน
-เอกสารการรับเงินเดือน หนังสือหักภาษี ณ ที่จ่าย (50ทวิ)
-เอกสารนำส่งเงินประกันสังคม ย้อนหลัง 12 เดือน
a
จะทราบวงเงินกู้ที่สามารถกู้ได้อย่างไร
แนะนำให้ลูกค้าเตรียมเอกสาร
-สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
-Statement เงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน
-หลักฐานอื่น อาทิค่าผ่อนรถ ค่าบัตรเครดิต
เข้ามาติดต่อสาขาที่สะดวก เพื่อขอคำปรึกษาและให้เจ้าหน้าที่ทำการประเมินวงเงินกู้เบื้องต้น จากนั้นจึงมองหาบ้านในราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ก่อนยื่นขอสินเชื่อกับธนาคารอีกครั้ง
a
ในการยื่นกู้สามารถติดต่อได้ที่สาขาใดบ้าง
สามารถติดต่อได้ที่ธอส.ทุกสาขา หรือ www.ghbanksmart.com
a
กรณีหลักประกันไม่ใช่กรรมสิทธิ์ของตนเอง แต่เป็นของบิดา/มารดา ต้องทำอย่างไร
ผู้กู้ทำการเพิ่มชื่อเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในโฉนดก่อนทำการยื่นขอสินเชื่อหรือให้เจ้าของโฉนดมาเป็นผู้กู้ร่วมด้วย (ก่อนโอนกรรมสิทธิ์หรือเพิ่มชื่อฯ แนะนำให้ลูกค้าเตรียมเอกสารส่วนตัวและเอกสารแสดงรายได้มาติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อทำการประเมินวงเงินกู้เบื้องต้นก่อนเนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการหากกู้ไม่ได้ ลูกค้าจะได้ไม่เสียเงินฟรี)
a
คุณสมบัติหลักประกันกรณีขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร หรือปลูกสร้างอาคารบนที่ดินของตนเอง
หลักประกันที่จะซื้อหรือปลูกสร้างต้องมีลักษณะเป็น โฉนดที่ดิน(นส.4จ) หรือ นส.3ก หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด(อช.2) ธนาคารไม่รับพิจารณาหลักประกันเป็นที่ดิน สปก. และที่ดินเขตป่าสงวน
กรณีกู้ปลูกสร้างบ้านบนที่ดินของตนเองผู้กู้จะต้องมีกรรมสิทธิ์ในหลักประกันของบ้านที่จะทำ ทั้งนี้หลักประกันต้องมีศักยภาพในการใช้เป็นที่อยู่อาศัย คือมีทางสาธารณะตัดผ่าน สาธารณูปโภคครบเช่นไฟฟ้าและน้ำประปาเข้าถึง
a
เอกสารประกอบการขอสินเชื่อมีอะไรบ้าง
เอกสารส่วนตัว
– บัตรประจำตัวประชาชน/บัตรข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
– ทะเบียนบ้าน
– สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบมรณะบัตร/ใบแจ้งความแยกกันอยู่ (หากมี)
– สำเนาใบเปลี่ยนแปลงชื่อ – สกุล (หากมี)
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส(หากมี)
เอกสารแสดงรายได้
กรณีอาชีพประจำ
– หนังสือรับรองเงินเดือน/หนังสือรับรองสิทธิสวัสดิการ
– สลิบเงินเดือน หรือหลักฐานการรับเงินเดือน ย้อนหลัง 3 เดือน
– Statement เงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
– หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมตัวจริง)
กรณีอาชีพอิสระ
-Statement เงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน
-หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมตัวจริง)
-สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนพาณิชย์/ทะเบียนบริษัท/ทะเบียนนิติบุคคล
-หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
-ภาพถ่ายกิจการ 3-4 ใบ
-สำเนาใบประกอบวิชาชีพ
-สำเนาใบเสร็จรับเงินค่าสั่งซื้อสินค้า
-หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมตัวจริง)
เอกสารหลักประกัน
– สำเนาหนังสือสัญญาจะซื้อจะขาย/สัญญาวางมัดจำ/สัญญาเช่าซื้อการเคหะแห่งชาติ และหนังสือรับรองยอดคงเหลือ (กรณีกู้ซื้อ)
– สำเนาหนังสือสัญญากู้เงิน และสำเนาสัญญาจำนองกับสถาบันการเงินเดิม (กรณีไถ่ถอนจำนองย้ายฯ)
– ใบเสร็จการผ่อนชำระ หรือบัญชีหมุนเวียน ย้อนหลัง 1 หรือ 2 ปี (กรณีไถ่ถอนจำนองย้ายฯ)
– หลักฐานการเป็นเจ้าของอาคาร
– สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินฉบับกรมที่ดิน
– สำเนาโฉนดที่ดิน/นส.3ก./หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อช.2) ทุกหน้า (กรณีซื้อทรัพย์มือสองต้องรับรองสำเนาโดยเจ้าพนักงานที่ดิน)
– ใบอนุญาตปลูกสร้าง/ต่อเติม
– แบบแปลน/พิมพ์เขียว
– ใบประมาณการปลูกสร้าง/สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง
a
การขอสินเชื่อมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง
ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการยื่นกู้ มีรายละเอียดดังนี้
ค่าธรรมเนียมการยื่นกู้ กู้ใหม่และกู้เพิ่ม
– วงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บาท ไม่เก็บค่าธรรมเนียม
– วงเงินกู้เกิน 500,000 บาท คิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 0.1 ของวงเงินทำนิติกรรม
ค่าใช้จ่ายในการประเมินราคาหลักประกัน
– วงเงินขอกู้ไม่เกิน 500,000.- ค่าธรรมเนียม 1,900.- / แห่ง
– วงเงินขอกู้ 500,001-3,000,000.- ค่าธรรมเนียม 2,800.- / แห่ง
– วงเงินขอกู้เกิน 3,000,000.- ค่าธรรมเนียม 3,100.- / แห่ง
ค่าจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม (คิดเหมา) ค่าธรรมเนียม 1,000.- / ราย
ค่าธรรมเนียมที่สำนักงานที่ดิน ค่าจดจำนอง ร้อยละ 1 ของวงเงินกู้
ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ร้อยละ 2.5 ของราคาประเมิน หรือราคาซื้อขาย โดยใช้ราคาที่สูงกว่าเป็นเกณฑ์ ค่าอากร ร้อยละ 0.5 ตามราคาซื้อขาย แต่ไม่ต่ำกว่าราคาประเมิน
a
ธนาคารพิจารณาวงเงินกู้จากอะไร
ธนาคารจะพิจารณาจากเกณฑ์รายได้ หลักประกัน LTV ภาระหนี้สินที่มี รวมถึงประวัติข้อมูลเครดิตต้องปกติ
a
ระยะเวลาการกู้สูงสุดกี่ปี
40 ปี แต่ระยะเวลาการกู้เมื่อรวมกับอายุผู้กู้ต้องไม่เกิน 70 ปี
a
ธนาคารพิจารณาวงเงินให้กู้อย่างไร (ก่อนมาตรการธปท.)
-กรณีลูกค้ารายย่อยทั่วไปพิจารณาวงเงินให้กู้ไม่เกิน 85% ของราคาประเมิน และราคาซื้อขาย
-กรณีลูกค้าสวัสดิการ พิจารณาวงเงินให้กู้ไม่เกิน 90-100% ของราคาประเมิน และราคาซื้อขาย
a
ผู้กู้ต้องมีคุณสมบัติอย่างไร
- อายุ 20 ปี ขึ้นไป
- อายุงาน 1 ปี ขึ้นไป
- มีรายได้แน่นอนเพียงพอต่อการผ่อนชำระเงินกู้
- เงินงวดผ่อนชำระไม่เกิน 1 ใน 3 ของรายได้สุทธิ
- มีหลักฐานแสดงรายได้ที่น่าเชื่อถือ
- ผู้กู้ร่วมได้แก่ บิดา-มารดา คู่สมรส บุตร พี่-น้อง และ/หรือบุคคลอื่นได้ไม่เกิน 1 คน
- ต้องมีรายได้เพียงพอในการผ่อนชำระ และร่วมพักอาศัยจริง
- ประวัติข้อมูลเครดิต ต้องเป็นสถานะปกติ
a
ต้องการกู้เพื่อซื้อที่ดินเปล่า สามารถทำได้หรือไม่
ไม่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินเปล่าได้ แต่สามารถขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคารในคราวเดียวกันได้
a
ธอส.มีวัตถุประสงค์การกู้เพื่ออะไรบ้าง
ธอส. ให้สินเชื่อเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
- เพื่อซื้อบ้านพร้อมที่ดิน หรือห้องชุด
- ซื้อที่ดินเปล่าพร้อมปลูกสร้างอาคาร
- เพื่อปลูกสร้างอาคารบนที่ดินของตนเอง
- เพื่อต่อเติม ขยาย ซ่อมแซมอาคาร
- เพื่อชำระหนี้เกี่ยวกับที่อยู่อาศัย
- เพื่อไถ่ถอนจำนองจากสถาบันการเงินอื่น
- เพื่อซื้ออุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องในการอยู่อาศัย
- สินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการ
- สินเชื่อเพื่อคนไทยในต่างประเทศ
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPL หรือลูกหนี้ ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร (M 21) (8)
a
ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางใด?
ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่าน Application GHB ALL BFRIEND และ Line GHB Buddy
a
ลูกค้าสามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่?
สามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้ โดยธนาคารจะนำเงินที่ชำระเกินไว้ไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้า (ถ้ามี)
a
หากมีบัญชีเงินกู้หลายบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้ทุกบัญชีหรือไม่?
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการได้ทุกบัญชีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของมาตรการนั้นๆ
a
ลูกค้าสถานะปกติ จะขอเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้หรือไม่?
มาตรการนี้ธนาคารให้สิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL
a
ลูกค้าที่เข้าร่วมมาตรการเดิมอยู่ สามารถเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้หรือไม่ อย่างไร?
ลูกค้าที่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้และยังมีสถานะเป็น NPL สามารถลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ M21 ได้
a
ลูกค้าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ (M21)?
เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เป็นต้น
a
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ามาตรการ (M21) ผ่านช่องทางใดได้บ้าง?
มาตรการ M21 สามารถลงทะเบียนผ่าน Application GHB ALL BFRIEND ได้ช่องทางเดียว
a
ลูกค้ากลุ่มไหนบ้างที่สามารถเข้ามาตรการ (M21)ได้?
ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) และลูกหนี้ต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาครั้งแรก จนถึงวันที่ยื่นคำร้องเข้าร่วมมาตรการ)
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLหรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้ มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร (M17 และ M22) (7)
a
ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางใด?
ธนาคารจะโทรศัพท์แจ้งผลการอนุมัติ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่ลูกค้าลงทะเบียนเข้ามา
a
ลูกค้าสามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่ ?
สามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้ โดยธนาคารจะนำเงินที่ชำระเกินไว้ไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้า (ถ้ามี)
a
หากมีบัญชีเงินกู้หลายบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารสำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22) ได้ทุกบัญชีหรือไม่?
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการได้ทุกบัญชีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของมาตรการนั้น ๆ
a
ลูกค้าสถานะปกติจะขอเข้าร่วมมาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคารสำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22) ได้หรือไม่?
มาตรการนี้ธนาคารให้สิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL และลงทะเบียนผ่านช่องทางที่กำหนดเท่านั้น
a
ลูกค้าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร สำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22)?
เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เป็นต้น
a
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ามาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร สำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22) ผ่านช่องทางใดได้บ้าง?
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ทาง www.bot.or.th/debtfair ของธปท. หรือลงทะเบียนใน “มหกรรมร่วมใจแก้หนี้สัญจร” เท่านั้น
a
ลูกค้ากลุ่มไหนบ้างที่สามารถเข้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะ NPLหรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้ มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร สำหรับลูกหนี้ “ มหกรรมร่วมใจแก้หนี้ มีหนี้ต้องแก้ไข เริ่มต้นใหม่อย่างยั่งยืน (M17 และ M22)ได้?
มาตรการ M17 ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) หรือเป็นลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้มาตรการ / หรือปรับโครงสร้างหนื้กับธนาคาร
มาตรการ M22 ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) และลูกหนี้ต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 1 ปี (นับตั้งแต่วันที่ทำสัญญาครั้งแรก จนถึงวันที่ยื่นคำร้องเข้าร่วมมาตรการ)
มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้สถานะNPLหรือลูกหนี้ที่ยังมีสถานะเป็น NPL ที่อยู่ระหว่างการใช้ มาตรการ/ปรับโครงสร้างหนี้กับธนาคาร ปี 2565 (M20) (7)
a
ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่านช่องทางใด?
ธนาคารจะแจ้งผลการอนุมัติผ่าน Application GHB ALL BFRIEND และ Line GHB Buddy
a
ลูกค้าสามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่?
สามารถชำระเงินงวดมากกว่าที่กำหนดไว้ได้ โดยธนาคารจะนำเงินที่ชำระเกินไว้ไปตัดดอกเบี้ยค้างชำระของลูกค้า (ถ้ามี)
a
หากมีบัญชีเงินกู้หลายบัญชี สามารถเข้าร่วมมาตรการ (M20) ได้ทุกบัญชีหรือไม่?
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนร่วมมาตรการได้ทุกบัญชีตามข้อกำหนดและเงื่อนไขของมาตรการนั้นๆ
a
ลูกค้าสถานะปกติจะขอเข้าร่วมมาตรการ(M20)ได้หรือไม่?
มาตรการนี้ธนาคารให้สิทธิเฉพาะลูกค้าที่มีสถานะเป็น NPL เท่านั้น
a
ลูกค้าต้องใช้เอกสารอะไรบ้างในการลงทะเบียนเข้าร่วมมาตรการ (M20)?
เอกสารยืนยันรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน ภาพถ่ายกิจการ หรือ Statement เป็นต้น
a
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนเพื่อขอเข้ามาตรการ (M20)?
ลูกค้าสามารถลงทะเบียนผ่าน Application GHB ALL BFRIEND ได้ช่องทางเดียวเท่านั้น
a
ลูกค้ากลุ่มไหนบ้างที่สามารถเข้ามาตรการ (M20)ได้?
ลูกหนี้ที่มีสถานะเป็น NPL (DPD มากกว่า 90 วันขึ้นไป) และลูกหนี้ต้องกู้เงินจากธนาคารมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี (ทำสัญญากู้เงินก่อนปี 2564)
สินเชื่อ (6)
a
ธนาคารมีวิธีการคำนวณดอกเบี้ยอย่างไร
ธนาคารใช้วิธีการคำนวณจากยอดเงินต้นคงเหลือ คูณด้วยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้(%) คูณจำนวนวันในเดือน (30 หรือ 31 วัน) หารด้วยจำนวนวันในหนึ่งปี (365 หรือ 366 วัน)
a
ลูกค้าเดิมต้องการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยต้องทำอย่างไร
ลูกค้ารายย่อยสามารถขอลดอัตราดอกเบี้ยในการผ่อนชำระได้ หลังจากผ่อนชำระครบกำหนดระยะเวลา 3 ปี โดยต้องมีประวัติการผ่อนชำระสม่ำเสมออย่างน้อย 24 เดือน และไม่อยู่ระหว่างประนอมหนี้
ลูกค้าสวัสดิการ สามารถขอเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยได้หลังจากครบกำหนดการใช้ดอกเบี้ยปีที่ 2
แต่ต้องตรวจสอบจากบันทึกต่อท้ายสัญญากู้เงินอีกครั้ง เนื่องจากบางโครงการจะกำหนดข้อห้ามเช่น ห้ามปิดบัญชี หรือเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยภายในระยะเวลากี่ปี
a
อัตราดอกเบี้ยระหว่างบ้านใหม่ และบ้านมือสองแตกต่างกันหรือไม่
ไม่แตกต่าง อัตราดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับโครงการที่ลูกค้าเลือกใช้
a
การรับเงินงวดค่าปลูกสร้างงวดสุดท้ายต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง
กรณีขอเลขที่บ้านใหม่
-ใบคำขอเลขที่บ้าน
-ใบอนุญาตปลูกสร้าง
-เอกสารการขอใช้น้ำ-ไฟฟ้า
กรณีปลูกสร้างอาคารทดแทนหลังเดิมแต่ไม่ต้องการเปลี่ยนเลขที่บ้าน(กรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินเป็นของบุคคลอื่นและไม่ได้กู้ร่วม)
-ใบรับรองอนุญาตปลูกสร้าง ทด.13 หรือ ทด.14 (ต้องได้รับการรับรองจากสำนักงานเขตหรืออบต.ในพื้นที่ ไม่สามารถใช้เฉพาะเอกสารขออนุญาตรื้อถอนได้)
a
หากผู้กู้ไม่มีเงินทุนสำรองในการปลูกสร้างธนาคารจะมีวิธีการช่วยเหลืออย่างไร
ธนาคารจะจ่ายเงินงวดให้แก่ลูกค้าก่อนมีผลงานการก่อสร้าง แต่ธนาคารจะบวกดอกเบี้ยเพิ่มร้อยละ 0.50 ต่อปี จนกว่าจะรับเงินงวดสุดท้ายแล้วเสร็จ
a
การจ่ายเงินงวดค่าผลงานการก่อสร้าง ธนาคารจ่ายเงินอย่างไร
ธนาคารจะจ่ายเงินงวดให้แก่ผู้กู้ โดยต้องมีผลงานการก่อสร้างอย่างน้อย 20%
หลักเกณฑ์และเงื่อนไข (6)
a
สามารถขอกู้ตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตนได้กี่หลักประกัน
ลูกค้าสามารถใช้สิทธิยื่นกู้ตามโครงการนี้ได้เพียง 1 หลักประกันเท่านั้น ยกเว้นกรณีผู้ประกันตนใช้สิทธิกู้ร่วมกัน และมีการถอนชื่อออกจากการกู้ร่วมและกรรมสิทธิ์ร่วม สามารถใช้สิทธิยื่นคำขอกู้เงินตามโครงการนี้ในหลักประกันถัดไปได้ (โดยต้องยื่นกู้ และทำนิติกรรมได้ตามกำหนดระยะเวลาโครงการ)
a
เอกสารประกอบการยื่นกู้ตามโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน
1.รหัสเข้าร่วมโครงการที่ได้รับทาง Line GHB Buddy
2.หนังสือรับรองสถานะความเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 แบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ออกจาก www.sso.go.th
3.เอกสารประกอบการยื่นกู้เป็นไปตามเกณฑ์ธนาคารกำหนด เอกสารส่วนตัว / เอกสารรายได้ / เอกสารหลักประกัน
a
ระยะเวลาโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัยเพื่อผู้ประกันตน
สามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคม 2565 ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2566 หรือจนกว่าจะเต็มกรอบวงเงิน และสามารถนิติกรรมได้ถึงวันที่ 31 มกราคม 2567