พนักงาน 3 แบงก์รัฐกำความสุข ครม.เพิ่มเงินเดือนพร้อมปรับฐานเงินเดือน “ธ.ก.ส.-ธอส.-ออมสิน” ต่ำสุด 9,000 บาท สูงสุด 250,000 บาท ยืนยันไม่ใช่การหาเสียง แต่เป็นไปตามสภาวะเศรษฐกิจ พร้อมเห็นชอบ พ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์ กำหนดธุรกิจ 20 คนขึ้นไปจะต้องมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เปิดให้ต่างด้าวร่วมในสหภาพแรง-งานลูกจ้าง-นายจ้างได้
นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบการปรับปรุงอัตราและโครงสร้างเงินเดือน 3 ธนาคารเฉพาะกิจ ประกอบด้วย ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยในส่วนของธนาคารออมสิน และ ธ.ก.ส.เสนอให้ปรับขึ้นเงินเดือนและโครงสร้างเงินเดือน ตั้งแต่ระดับล่าง โดยให้ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 9,000 บาทต่อเดือน และระดับผู้จัดการสูงสุดไม่เกิน 250,000 บาทต่อเดือน หรือช่วงระหว่าง 9,000-250,000 บาท ส่วน ธอส.ให้ปรับขึ้นเงินเดือนและปรับปรุงโครงสร้างเงินเดือนแต่ละระดับ เพิ่มขึ้นเป็น 9,000 บาทต่อเดือน และระดับผู้จัดการสูงสุดไม่เกิน 220,000 บาทต่อเดือน หรือช่วงระหว่าง 9,000-220,000 บาท
“ครม.ให้ธนาคารทั้ง 3 แห่ง ปรับขึ้นเงินเดือนและปรับโครงสร้าง ภายใต้การพิจารณาของคณะกรรมการ (บอร์ด) โดยพนักงานระดับล่างเงินเดือนไม่ถึง 9,000 บาท จะได้รับการปรับขึ้นเป็น 9,000 บาท แต่ค่าใช้จ่ายโดยรวมที่ปรับขึ้น ต้องไม่เกิน 1% ของฐานเงินเดือนพนักงานทั้งหมด โดยขอยืนยัน ไม่ได้เป็นการหาเสียง แต่เป็นการปรับเพื่อให้สอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ และฐานเงินเดือนของพนักงานธนาคารเฉพาะกิจ ยังห่างไกลจากธนาคารเอกชน”
ด้านนายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.รับทราบว่า ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารออมสิน ธ.ก.ส.และธอส.ได้สนับสนุนนโยบายรัฐบาลอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน และยังลดช่องว่างทางการเงิน โดยเฉพาะมาตรการพัฒนาคุณภาพชีวิตผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และโครงการสินเชื่อ 1 ตำบล 1 เอสเอ็มอี เป็นต้น นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของธนาคารเฉพาะกิจทั้ง 3 แห่ง ในช่วงระหว่าง ปี 2556-2560 มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางด้านทรัพย์สินและรายได้ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ในช่วงที่ผ่านมา ธนาคารทั้ง 3 แห่ง ได้มีการศึกษาและเปรียบเทียบค่าตอบแทนภาคแรงงานอุตสาหกรรม (Industry Norm) พบว่า โครงสร้างเงินเดือนของธนาคารเฉพาะกิจ 3 แห่ง มีรายได้อยู่ในกลุ่มพนักงานระดับปฏิบัติการ ทั้งในส่วนของค่าจ้างและผลตอบแทน ส่วนผู้บริหารมีค่าตอบแทนและรายได้ที่ต่ำกว่าผู้บริหารธนาคารเอกชน”
นายณัฐพร กล่าวต่อว่า ในส่วนการปรับขึ้นเงินเดือนในครั้งนี้ ครม.ให้ธนาคารพิจารณาปรับเพิ่มเงินเดือนในส่วนพนักงานที่ยังไม่ถึงอัตราขั้นต่ำก่อนเป็นลำดับแรก และขอให้ปรับเพิ่มได้เพียงครั้งเดียวตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครรส.) โดยการขอปรับ โครงสร้างอัตราเงินเดือน รวมทั้ง การขอปรับเพิ่มเงินเดือนในแต่ละครั้งจะต้องเว้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีขึ้นไป โดยมิให้นำเหตุแห่งการปรับเงินเดือนของข้าราชการมาเป็นประเด็นในการพิจารณา
ด้าน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.เห็นชอบ ร่างพระราชบัญญัติแรงงานสัมพันธ์ พ.ศ. ...ตามที่กระทรวงแรงงานเสนอ เพื่อทดแทนกฎหมายฉบับปัจจุบันที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2518 มีสาระสำคัญกำหนดให้สถานประกอบกิจการที่มีลูกจ้างตั้งแต่ 20 คนขึ้นไป ต้องจัดให้มีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง โดยให้ทำเป็นหนังสือกำหนดให้ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างประกอบด้วยเงื่อนไขการจ้างหรือการทำงาน ค่าจ้าง การเกษียณอายุหรือครบสัญญาจ้างเพื่อความชัดเจน
นอกจากนี้ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการในการจัดตั้ง การเข้าเป็นสมาชิก และการดำเนินกิจการของสมาคมนายจ้าง สหภาพแรงงาน สหพันธ์นายจ้าง สหพันธ์แรงงาน สภาองค์การนายจ้างและสภาองค์การลูกจ้าง โดยสมาคมนายจ้าง สหภาพแรงงาน สหพันธ์นายจ้าง สหพันธ์แรงงาน ให้มีคนต่างด้าวเข้าร่วมได้ ซึ่งแต่เดิมได้มีกำหนดห้ามไว้ไม่ให้เข้าร่วม.
คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบการปรับโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนพนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและ สหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.)ในคราวประชุมครั้งที่ 3/2554 เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2554
2. เห็นชอบให้ ธ.ก.ส. ดำเนินการตามแนวทางการปรับเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรโดยเคร่งครัด เพื่อสร้างรายได้ให้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น เพื่อมิให้กระทบต่อฐานะการเงินของ ธ.ก.ส. ในระยะยาว รวมทั้งต้องมีการประเมินวัดผลงานรายบุคคลให้สอดคลัองกับการประเมินผลงานทั้งองค์กร และรายงานให้กระทรวงการคลังทราบความคืบหน้าของการดำเนินการด้วย บัญชีโครงสร้างอัตราเงินเดือนและปรับเพิ่มเงินเดือนของพนักงาน ธ.ก.ส. มีดังนี้
ทั้งนี้ การปรับเพิ่มเงินเดือน ให้ปรับเพิ่มในอัตราร้อยละของค่ากลาง (Mid Point) ที่เท่ากันทุกระดับตามโครงสร้างเงินเดือนใหม่ เพื่อให้พนักงานในระดับเดียวกันได้รับการปรับเงินเดือนในจำนวนเงินที่เท่ากัน โดยกำหนดวงเงินไม่เกินร้อยละ 5 ของฐานเงินเดือนพนักงาน และหากปรับเพิ่มเงินเดือนแล้ว มีพนักงานที่มีเงินเดือนต่ำกว่าขั้นต่ำของระดับตาม โครงสร้างใหม่ ให้ปรับเข้าสู่อัตราขั้นต่ำของโครงสร้างใหม่ โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 เมษายน 2554--จบ--