FAT TRANSFER VS FILLER ฉีดไขมัน หรือ ฟิลเลอร์ แบบไหนดีกว่ากัน?
สำหรับสาวๆที่กำลังมองหาตัวช่วยเพื่อเติมเต็มใบหน้าของเราให้ดูอิ่ม เข้ารูป หรือสาวๆคนไหนที่กำลังมีปัญหาแก้มตอบ ขมับตอบ คางสั้น ใต้ตาลึก ริมฝีปากบางก็ตาม
วันนี้เรามีบทความที่เกี่ยวกับการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) หรือ การเติมฟิลเลอร์(FILLER)แบบไหนดีกว่ากันและแบบไหนที่เหมาะสมกับปัญหาของสาวๆแต่ละท่านมาฝากค่ะรับรองว่าพอได้อ่านจนจบบทความนี้แล้วจะเข้าใจมากขึ้นและเลือกตัดสินใจได้ว่าควรจะเลือกทำอะไร
ระหว่าง ฉีดไขมัน(FATTRANSFER)และเติมฟิลเลอร์(FILLER) ถ้าพร้อมแล้ว ก็เริ่มกันเลยค่ะฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และ เติมฟิลเลอร์ (FILLER) คืออะไร?
- การเติมฟิลเลอร์ (FILLER) คือ การฉีดสารเติมเต็มผิวที่มีชื่อว่า Hyaluronic Acid (HA) เพื่อช่วยเสริมและเติมเต็มในชั้นผิวหนังและใต้ผิวหนัง โดยเจ้าสาร HA จะช่วยกักเก็บน้ำชั้นใต้ผิว เพื่อเติมเต็มช่องว่างให้กับเซลล์ผิวหนัง ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังมีความยืดหยุ่น ทำให้จุดที่เราฉีดเข้าไปนั้น เต่งตึง เรียบเนียน ไม่มีริ้วรอย ฟิลเลอร์ (FILLER) จะช่วยเติมเต็มร่องลึกให้ดูตื้นขึ้น ส่งผลให้หน้าดูอิ่มเอิบ และอ่อนกว่าวัย สุดท้ายแล้วฟิลเลอร์ (FILLER) จะสลายไปเองตามธรรมชาติ
วิธีการฉีดไขมันและฉีดfiller
2. วิธีการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และการเติมฟิลเลอร์ (FILLER)- ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) แพทย์จะพิจารณาบริเวณที่มีไขมันดีที่สุดของร่างกาย จากนั้นจะฉีดยาชาบริเวณที่จะดูดไขมันออก แล้วทำการเปิดแผลขนาดเล็ก ไม่เกิน 0.5 เซนติเมตร เพื่อใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์สอดเข้าไปเพื่อดูดไขมันออก แล้วจะนำไขมันที่ดูดได้นั้นเข้ากระบวนการคัดกรองให้เหลือแต่ไขมันดีที่มีคุณภาพเท่านั้น เสร็จแล้วจะนำไขมันที่ได้ ฉีดเข้าไปเติมเต็มในชั้นไขมันบริเวณที่ต้องการแก้ไขในปริมาณที่พอดี เพื่อปลูกถ่ายเซลล์ไขมันให้มีชีวิตอยู่รอดสูงสุด โดยการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) สามารถแบ่งเก็บไขมันเอาไว้เติมครั้งต่อไปได้อีกด้วย
- เติมฟิลเลอร์ (FILLER) แพทย์จะใช้เวลาประมาณ 15 – 30 นาทีในการฉีดสารเติมเต็มฟิลเลอร์ (FILLER) ในขณะที่ฉีดฟิลเลอร์(FILLER)เข้าไปยังบริเวณที่ต้องการแก้ไขปัญหาจะรู้สึกเจ็บเล็กน้อย หลังจากฉีดเสร็จแล้วไม่มีแผล และไม่ต้องพักฟื้นใดๆ ฟิลเลอร์ (FILLER) จะค่อยๆเซ็ตตัว จากนั้นก็จะสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ อาจจะมีแค่รอยแดงที่เข็มเล็กน้อย
- ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) เนื่องจากการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) จะต้องมีการดูดไขมันออกมาด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วระยะเวลาการพักฟื้นจะอยู่ที่ประมาณ 2 อาทิตย์ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมัน บริเวณที่ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และสุขภาพของแต่ละท่านด้วย
- เติมฟิลเลอร์ (FILLER) โดยปกติแล้วจะใช้เวลาพักฟื้นเพื่อให้ฟิลเลอร์ (FILLER) เซ็ตตัวประมาณ 2 อาทิตย์ โดยในช่วง 2 วันแรกไม่นวดหน้าบริเวณที่ฉีดหรือออกกำลังกายหนัก ๆ ไม่ควรจับ ลูบ คลำ บริเวณที่เติมฟิลเลอร์(FILLER)ไป ควรดื่มน้ำมาก ๆ งดทานยาหรือวิตามินที่ทำให้เลือดออก เช่นแอสไพริน วิตามินอี หรือแป๊ะก๊วย หลีกเลี่ยงการใช้สารที่มีส่วนผสมของ Retinoid, AHA, BHA 2 สัปดาห์ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น หรือการใช้ความร้อนบริเวณที่เติมฟิลเลอร์(FILLER) เช่น เลเซอร์ อบซาวน่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก งดการสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ และสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ
4. ผลข้างเคียงของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และ เติมฟิลเลอร์ (FILLER)
- ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) มีผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น การอักเสษติดเชื้อ และผลข้างเคียงอาจเกิดจากการบวม และแผลจากการดูดไขมัน ไม่ต้องเป็นกังวลเลยค่ะ มันจะหายไปเองตามธรรมชาติ อาจจะพบการบวมช้ำประมาณ 5 – 7 วัน ในบริเวณที่ฉีดไขมัน และรอยช้ำบริเวณจุดที่ดูดไขมันประมาณ 7 – 14 วัน และกว่าจะเข้าที่อาจจะใช้เวลาเป็นเดือน
- เติมฟิลเลอร์ (FILLER) ในช่วงแรกอาจมีอาการบวมและฟกช้ำบริเวณเข็มได้บ้างเล็กน้อยประมาณ 1 – 2 วันหรืออาจจะไม่มีเลย หากมีอาการเขียวให้ใช้น้ำแข็งประคบเพื่อลดอาการและบรรเทา โดยอาการอาจดีขึ้นภายในไม่กี่ชั่วโมงหรือ 2 – 3 วัน แล้วอาการเหล่านี้ก็จะดีขึ้นและหายไปเองตามธรรมชาติ
- ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER)
ข้อดีของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) | ข้อเสียของการฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) |
ปลอดภัย ไม่ใช่สารเคมี | คนที่ผอมหรือมีไขมันไม่มาก จะไม่สามารถทำได้ |
ไม่เจ็บตัวมาก ไม่มีแผลเป็น | มีโอกาสที่ไขมันบางส่วนจะสลายตัวได้เอง |
ช่วยเติมเต็มชั้นใต้ผิวหนัง | ต้องมาฉีดซ้ำ 2 – 3 ครั้ง จนกว่าจะเติมเต็มไขมันบนใบหน้าได้อย่างสมบูรณ์ |
ปรับรูปหน้าให้เต่งตึง อวบอิ่ม ดูอ่อนกว่าวัย | ถ้าฉีดไขมันไปสัก เนื้อบริเวณนั้นจะเริ่มหย่อนลง |
ลดการเกิดฝ้า แผลเป็นจากหลุมสิว ลดการอักเสบ | หากแพทย์ไม่ชำนาญ ฉีดเข้าเส้นเลือดเป็นอันตรายได้ |
ข้อดีของการเติมฟิลเลอร์ (FILLER) | ข้อเสียของการเติมฟิลเลอร์ (FILLER) |
ช่วยชะลอวัย | ราคาแพง |
ปลอดภัย ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง | อยู่ไม่ถาวร |
ไม่มีแผลเป็น ไม่ต้องพักฟื้น | ไม่เหมาะกับบางตำแหน่ง เช่น หน้าอก สะโพก |
เติมได้เรื่อย ๆ ปรับแต่งได้ | ถ้าแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดผลข้างเคียงได้ |
ได้ผลแม่นยำ เป็นธรรมชาติ | ถ้าฟิลเลอร์เป็นแบบถาวร ไม่สามารถสลายได้ จะเกิดความเสี่ยง อาจเกิดพังผืด |
เหมาะกับตำแหน่งที่ต้องการความละเอียดสูง เช่น ใต้ตา คาง ร่องแก้ม | ถ้าฟิลเลอร์ (FILLER) ไม่ได้มาตรฐาน อาจทำให้ติดเชื้อและเกิดความเสี่ยงบริเวณที่ฉีดได้ |
ฉีดไขมันและเติมฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน.
6. ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และเติมฟิลเลอร์ (FILLER) อยู่ได้นานแค่ไหน?
- ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) เมื่อฉีดเข้าไปแล้วไขมันจะค่อยๆ สลายไปเอง 30 – 40 % ส่วนอีก 60 – 70% จะอยู่ตลอดไปค่ะ จะลดหรือว่าหายไป ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของร่างกาย แต่ทั้งนี้สามารถกลับมาฉีดซ้ำได้เพื่อย้ำและให้ผลลัพธ์อยู่นานขึ้นค่ะ ที่สำคัญมาก ๆ คือต้องปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต การนอน การดื่ม การรับประทานอาหาร เพื่อรักษาผลลัพธ์ให้นานที่สุด
- เติมฟิลเลอร์ (FILLER) ฟิลเลอร์ (FILLER) ที่ได้มาตรฐานและเป็นของแท้จะสามารถอยู่ได้นาน 8 เดือน – 2 ปี ขึ้นอยู่กับจุดที่เราเติมฟิลเลอร์ (FILLER) เข้าไปรวมถึงรุ่นยี่ห้อของฟิลเลอร์ และขึ้นอยู่กับการดูแลผิว อายุ และการใช้ชีวิต ดังนั้นหลังจากที่เราฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลตัวเอง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่กับเราคงทนและนานที่สุด
7. สรุป ฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) หรือเติมฟิลเลอร์ (FILLER) แบบไหนดีกว่ากัน ?
ถือว่าเป็นคำถามที่ยากมาก ๆ เนื่องจากว่าแต่ละคนมีปัญหาใบหน้าและร่างกายที่แตกต่างกัน ส่งผลให้มีคำแนะนำของแพทย์ที่หลากหลายความคิดเห็น แต่ว่าตอนนี้สาว ๆ ก็ได้รู้แล้วว่า ข้อดี ข้อเสีย ของฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) และเติมฟิลเลอร์ (FILLER) คืออะไร
สาว ๆ สามารถนำข้อมูลเหล่านี้ไปประกอบการพิจารณาดูว่า ตัวเราเหมาะสมกับการทำหัตถการไหนมากที่สุด หากสาวๆ อยากได้ผลลัพธ์ที่เป๊ะๆ ตามที่ตัวเองคิดหรือวางแผนเอาไว้ ต้องเป็นรูปทรงแบบนี้ และไม่อยากโดนดูดไขมัน ก็แนะนำว่าให้ลองเติมฟิลเลอร์(FILLER)ดูค่ะ
แต่ถ้าสาว ๆ คนไหนที่มีปัญหาไขมันสัดส่วนเกิน อยากดูดไขมันกระชับสัดส่วนและเติมเต็มใบหน้าของไปด้วย การฉีดไขมัน (FAT TRANSFER) ก็จัดว่าเป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะคะ
แล้วถ้าหากว่า ใครอยากจะทำความเข้าใจมากกว่านี้ หรืออยากที่จะปรึกษาแพทย์ให้แน่ใจว่าตัวเราควรทำหัตถการไหน สามารถแวะเข้ามาหาคุณหมอที่ชาเมอร์คลินิกได้เลยนะคะ เพียงโทรนัดหมายที่เบอร์ 085 – 919 – 2768 ได้ตลอดเลยค่ะ เรายินดีให้บริการสาว ๆ ทุกท่าน และขอให้มั่นใจได้เลยนะคะว่า ชาเมอร์คลินิกเราเป็นคลินิกที่มีมาตรฐาน ตัวยาของเราผ่าน อ.ย. ทุกตัว และเราเปิดให้บริการมากว่า 7 ปี ได้รับความไว้วางใจสูงสุดจากลูกค้าหลาย ๆ ท่าน รับรองได้เลยค่ะว่า แวะมาทำที่นี่ ต้องถูกใจมาก ๆ และปลอดภัยมาก ๆ แน่นอนค่ะ แล้วพบกันนะคะ ^^- อ่านบทความ 10 คำถามที่พบบ่อยหลังฉีดเมโสแฟต คลิก
- อ่านบทความ เช็คก่อนฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี คลิก
- อ่านบทความฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดีสุด คลิก
- อ่านบทความ โบท็อกซ์และฟิลเลอร์ แตกต่างกันอย่างไร คลิก