ด้วยคราวซวยของเราทำอะไรไม่รอบคอบ
วางมือถือคว่ำ แล้วทำน้ำหยดลงไปในลำโพงมือถือค่ะ
เสียงจากเพลงใสๆกิ๊งๆ แตกยับเลยง่ะ
เราเลยสะบัดๆ น้ำไม่ออกมา ก้เลยเอาไดร์เป่าแป๊ปนึง
ตอนนี้เอาลงไปจุ่มข้าวสารเรียบร้อยแล้ว
มือถือเรายังอยู่ในประกันนะคะ
ถ้าเสียงมันไม่หายดีไปซ่อมจะเสียค่าใช้จ่ายไหมคะ
ใครมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมคะ ขอบคุณค่ะ
เนื่องจากเราได้ซื้อไอโฟน 11 มาเป็นเวลา 10วัน
วันนี้มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น..ตก ส้วม จ้าา~
เราจึงรีบหยิบขึ้นมา และล้างน้ำ
คิดในใจว่า เห้ยมันกันน้ำได้ตั้ง 2 เมตรหนิ ไม่เป็นไรหรอก
พอเปิดเพลงฟังเท่านั้นแหละ เสียงซ่าเลย
จึงหาวิธีต่างๆในgoogle ไม่ว่าจะเป็น ข้าวสาร ถุงดูดความชื้น และสุดท้ายมาจบด้วยแอพ sonic สำหรับไล่น้ำ
บ้า แอพเนี่ยนะจะไล่น้ำได้ ...
ลองดูไม่เสียหาย สักชั่วโมงไม่ดีขึ้นฝังข้าวสารเลยอะ
หน้าตาแอพค่ะ
เราลองเปิดความถี่ 165 ทิ้งไว้เป็นเวลา 10 นาที แล้วฟังอีกที เสียงซ่าๆหายไป เพลงชัดเหมือนเดิม
เลยทดลองเปิดค้างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ(ขณะที่พิมอยู่เช่นกัน) อยากบอกต่อค่ะ เผื่อมีเหตุการณ์น้ำหยดใส่ลำโพงหรือตกน้ำแบบเรา
ข้อมูลจาก
//news.pdamobiz.com/2016/12/expel-water-from-your-iphone-7/
"เขาค้นพบว่าเมื่อเล่นเสียงที่ความถี่ราว ๆ 165 Hz จะมีละอองน้ำและฟองอากาศถูกขับดันออกมาจากตะแกรงลำโพง ซึ่งผู้ใช้ก็แค่น้ำผ้ามาซับและเช็ดออก และด้วยวิธีนี้จะทำให้สามารถไล่น้ำที่ตกค้างในลำโพงออกมาได้เร็วกว่าการปล่อยให้แห้งไปเองตามธรรมชาติ"
โทรศัพท์หรือสมาร์ทวอทช์ของคุณเปียกหลังจากที่วางลงในน้ำ? ลำโพงเสียงไม่ดีและอู้อี้ หลังจากที่น้ำติดอยู่ภายใน ไม่ต้องกังวลมีวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายและรวดเร็ว
ด้วยแอป Speaker Cleaner คุณสามารถ ทำความสะอาดและขับไล่น้ำ จากลำโพง ในเวลาไม่กี่วินาที กระบวนการกำจัดน้ำออกจากลำโพงง่าย ๆ นี้ทำได้ง่ายมากและมีอัตราความสำเร็จมากกว่า 80%
แอป Speaker Cleaner ใช้เสียงคลื่นไซน์ของความถี่ที่กำหนดไว้ล่วงหน้าเพื่อกำจัดน้ำออกจากลำโพง คลื่นเสียงทำให้ลำโพงสั่นและสะบัดน้ำที่ติดอยู่ภายใน
⚙️ โหมดทำความสะอาด:
แอป Speaker Cleaner มีโหมดการทำความสะอาดในตัวเพียงไม่กี่โหมดที่จะช่วยคุณลบน้ำที่ติดอยู่ในลำโพงออกได้สำเร็จ
ทำความสะอาดอัตโนมัติ
โหมดการทำความสะอาดอัตโนมัติเป็นกระบวนการอัตโนมัติในการกำจัดน้ำออกจากลำโพง ด้วยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียวลำโพงของคุณจะได้รับการแก้ไขใน 80 วินาที นอกจากนี้ยังมีโหมดการทำความสะอาดอัตโนมัติสองโหมดดังนั้นโปรดลองทั้งสองวิธีหากไม่ได้ผล
การทำความสะอาดด้วยตนเอง
โหมดการทำความสะอาดด้วยตนเองช่วยให้คุณสามารถเลือกความถี่เสียงที่แน่นอนซึ่งทำงานได้ดีที่สุดสำหรับลำโพงที่ต้องการ ใช้แถบเลื่อนเพื่อปรับความถี่
เลือกระหว่างลำโพงหรือลำโพงหู
ด้วยตัวเลื่อนที่เรียบง่ายคุณสามารถเลือกระหว่างการทำความสะอาดลำโพงหรือลำโพงหู
⚠️ หมายเหตุสำคัญ:
●วางตำแหน่งโทรศัพท์หรือสมาร์ตวอทช์ในลักษณะที่ลำโพงหันลง
●เพิ่มความดังให้สูงสุด
●ตัดการเชื่อมต่อหูฟังหากเชื่อมต่อ
⌚ มีให้ใช้งานสำหรับ SMARTWATCH
แอปทำความสะอาดลำโพงได้รับการปรับให้เหมาะสมกับ Android Wear smartwatches
ด้วย Sound Wave Tone Generator คุณสามารถสร้างโทนเสียงจาก 1Hz ถึง 25kHz ได้อย่างง่ายดาย และปรับความถี่ได้ง่ายด้วยการปัดนิ้วขึ้นและลง เสียงและสัญญาณรบกวนที่มีความถี่ต่างกันสามารถนำไปใช้ในฉากต่างๆ ได้ เสียงที่มีความถี่บางอย่างอาจมีเสียงดังมาก และคุณสามารถใช้เพื่อ รบกวน เพื่อนร่วมชั้นหรือเพื่อนของคุณได้
คุณสมบัติที่สำคัญ:
- เครื่องกำเนิดเสียงและเสียง
- เปลี่ยนความถี่โดยเลื่อนขึ้นและลง
- ตั้งค่าล่วงหน้า 65Hz และ 20,000 Hz
เพื่อการเข้าถึงที่รวดเร็ว
สิ่งที่คุณสามารถใช้ Sonic Tone Generator สำหรับ:
- ปรับแต่งเครื่องดนตรีของคุณ
- ทดสอบเครื่องเสียงของคุณ
- ทดสอบการได้ยินของคุณและดูว่าความถี่สูงสุดที่คุณได้ยินคืออะไร
- รบกวนเพื่อนของคุณด้วยเสียงความถี่สูง
- ฝึกสัตว์เลี้ยงของคุณด้วยเสียงนกหวีด
คำเตือน: เสียงที่สร้างโดยแอพนี้อาจมีเสียงดังหรือรุนแรง โปรดใช้ความระมัดระวังเมื่อคุณใช้เพื่อความปลอดภัย
เผลอแป๊บเดียวก็ถึงช่วงเวลาของประเพณีสงกรานต์กันอีกแล้วนะครับ หลายๆ คนคงตั้งตารอที่จะได้ไปหยุดพักผ่อน ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ในขณะที่หลายๆ คนอาจจะรอคอยการออกไปสาดน้ำคลายร้อนให้สนุกกันเต็มที่ แต่ก่อนที่จะออกไปเผชิญกับน้ำอันเย็นชื่นใจ วันนี้เราลองมาดูเทคนิคในการแก้ปัญหาเผื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ที่มักจะเกิดขึ้นในช่วงสงกรานต์กันหน่อยดีกว่าครับ ใช่แล้วครับ เหตุการณ์ที่ว่าก็คือ “โทรศัพท์เปียกน้ำ”นั่นเอง
โทรศัพท์เปียกน้ำเป็นเหตุการณ์ที่สุดสยองสำหรับทุกคน และเอาเข้าจริงๆ มันก็ไม่ได้มีวิธีแก้ที่สามารถจะรับรองได้ว่าโทรศัพท์จะกลับมาใช้งานได้เป็นปกติ 100% แต่ขั้นตอนต่อไปนี้เป็นทางออกเบื้องต้นที่”น่าจะ”พอช่วยได้บ้าง ลองมาดูกันครับ
1. อย่ากดปุ่มใดๆ ทั้งสิ้น! อย่าลืมว่าโทรศัพท์เรามีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ข้างในตัวเครื่อง และการกดปุ่มโดยมากมักจะเป็นการสั่งการให้วงจรภายในตัวเครื่องปล่อยกระแสไฟฟ้าไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ดังนั้นการกดปุ่มใดๆ จึงเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเครื่องมากขึ้นไปอีก
2. หากคุณมีผ้าแห้งๆ ติดตัวอยู่บ้าง ให้ซับโดยด่วน หากไม่มีจริงๆ อย่างน้อยๆ ก็ให้รีบบิดชายเสื้อของคุณให้แห้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วทำการซับน้ำบนตัวเครื่องให้แห้งที่สุด
3. เมื่อไม่เหลือหยดน้ำแล้ว ให้รีบถอดชิ้นส่วนที่ถอดได้ออกให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะแบตเตอรี่ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญที่อาจจะทำให้ไฟฟ้าช็อตแผงวงจรข้างในได้ จากนั้นเพื่อความแน่ใจ อย่าลืมถอดซิมการ์ดและการ์ดความจำ (SD Card) ออกด้วยเช่นกัน
4. อย่าใช้เครื่องเป่าผมที่ปล่อยลมร้อนมาเป่าให้ตัวเครื่องแห้ง หรือเอาเครื่องไปตากกลางแดดจ้า เพราะความร้อนอาจจะทำให้แผงวงจรเสียหายได้ ถ้าจะใช้ลมเป่าควรเป็นลมอุณหภูมิห้อง หรือใช้พัดลมเป่าทิ้งไว้เบาๆ จนกระทั่งตัวเครื่องแห้งสนิท
5. เอาตัวเครื่องและแบตเตอรี่ไปแช่ในข้าวสารแห้งหรือถุงดูดความชื้นประมาณ 2 วัน โดยข้าวสารแห้งจะเป็นตัวช่วยดูดความชื้นที่ค้างอยู่ในตัวเครื่องออกให้อย่างหมดจด
6. เมื่อตัวเครื่องและชิ้นส่วนต่างๆ แห้งสนิทแล้ว ให้ทดลองประกอบตัวเครื่องและเปิดเครื่องเพื่อตรวจสอบดูว่าสามารถทำงานได้หรือไม่ หลายๆ คนมักจะทดลองกดปุ่มต่างๆ ดูด้วยว่าการทำงานปกติดีหรือไม่ ซึ่งถ้าคุณโชคดี ตัวเครื่องก็อาจจะใช้งานต่อได้อย่างไม่มีปัญหา
7. อย่างไรก็ดี หากตัวเครื่องมีอาการบางอย่างที่ไม่สมบูรณ์ เช่น ลำโพงไม่มีเสียง บางปุ่มกดไม่ได้ ฯลฯ คุณควรนำตัวเครื่องไปส่งให้ช่างที่เชี่ยวชาญที่ศูนย์บริการช่วยตรวจสอบและซ่อมให้ ซึ่งข้อนี้ต้องย้ำกับคุณผู้อ่านว่า กรณีเครื่องมีปัญหาจากการตกน้ำหรือมีน้ำเข้าไปในตัวเครื่องนั้นไม่อยู่ภายใต้การประกัน ดังนั้นหากมีค่าใช้จ่ายในการซ่อม คุณผู้อ่านต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้เอง
หวังว่าคุณผู้อ่านจะได้แนวทางดีๆ ไว้ใช้ในกรณีเกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์นี้ขึ้นกันนะครับ อย่างไรแล้วเพื่อความปลอดภัย อย่าลืมหาซองกันน้ำมาใช้เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์โทรศัพท์เปียกก็จะดีกว่านะครับ
สุดท้ายนี้ ขอสวัสดีปีใหม่ไทยคุณผู้อ่านทุกๆ ท่าน และขอให้เล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน ปลอดภัย และมีความสุขกันทุกๆ คนครับ