ตลอดระยะเวลากว่า 3 ทศวรรษที่เราดำเนินงานด้วยความตั้งใจ ให้ความสำคัญกับทุกก้าวของการ เติบโตของธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการดูแลพัฒนาด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมผ่าน โครงการและกิจกรรมสังคมต่างๆ ด้วยความใส่ใจ เรามุ่งมั่นในการสร้างทัศนคติและวัฒนธรรมองค์กร เพื่อให้พนักงานซึ่งเสมือนครอบครัวศรีตรังของเรามีความรับผิดชอบต่อสังคมที่อยู่ร่วมกัน ปรับเปลี่ยน
กลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาธุรกิจไปสู่อุตสาหกรรมยางพาราที่ยั่งยืน
สิ่งแวดล้อม
Environment (การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม) : คือการเน้นใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่ได้รับผลกระทบจากการดำเนินธุรกิจของบริษัท
เพิ่มเติม
สังคม
Social (การจัดการด้านสังคม) : คือการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ดูแลความปลอดภัยและอาชีวอนามัยของพนักงาน รวมถึงมีสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนรอบด้าน
เพิ่มเติม
ภาพรวมธุรกิจ
Governance (การจัดการด้านธรรมาภิบาล): คือการมีนโยบายกำกับดูแลกิจการที่ดี ต่อต้านการทุจริต ดำเนินงานอย่างโปร่งใส และดูแลผลประโยชน์ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
เพิ่มเติม
วีดีโอกิจกรรม
- SRI TRANG GROUP's Chairman Dr. Viyavood Sincharoenkul on CNBC Managing Asia 2022
- กลุ่มบริษัทศรีตรัง จับมือ โรงพยาบาลพญาไท 2 ลงพื้นที่สอน CPR ในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์
- เนเปียร์ พืชพลังงานเพื่อชุมชนของกลุ่มบริษัทศรีตรัง
- ถุงมือยาง "ศรีตรังโกลฟส์" ลงพื้นที่เยี่ยมคนชรา ณ ศูนย์คามิลเลียน โซเชียล เซ็นเตอร์
กลุ่มบริษัทศรีตรัง มีความมุ่งมั่นในการดำรงไว้ซึ่งการดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ยุติธรรม และสามารถตรวจสอบได้ สอดคล้องกับหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี โดยคาดหวังให้ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มสามารถรายงานถึงเหตุการณ์ที่อาจขัดต่อหลักการดังกล่าว เพื่อให้มีการดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้องต่อไปช่องทางการร้องเรียน
โครงการเสริมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน
โครงการเสริมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืน(Establish Low Carbon Consumption and Production in Thailand: WWF-SCP) เป็นโครงการที่มีระยะเวลาในการดำเนินการ 3 ปี และได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์ธรรมชาติ การก่อสร้างและความปลอดภัยทางนิวเคลียร์ (German Federal Ministry for the Environment, Nature Conservation, Building and Nuclear Safety: BMUB) โดยโครงการฯ นี้ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ International Climate Initiative (IKI) ของรัฐบาลเยอรมัน และดำเนินงานภายใต้การดูแลของ WWF เยอรมันนี ซึ่งดำเนินการใน 3 ประเทศด้วยกัน ได้แก่ ประเทศไทย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ (SCP-TIP)
WWF ประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินโครงการฯ ที่เน้นการขับเคลื่อนในภาคการเกษตรกรรมและป่าไม้และทำงานร่วมกับภาครัฐ ภาคประชาสังคม กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิต ภาคเอกชนและผู้บริโภคในการส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนไปสู่การปฎิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และสนับสนุนภาครัฐในการพัฒนานโยบายหรือมาตรการเพื่อนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคเกษตรกรรมและป่าไม้ มีความสอดคล้องตามกรอบการดำเนินนโยบายยุทธศาสตร์ และแผนปฏิบัติการของหน่วยงานภาครัฐในด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการพัฒนาที่ยั่งยืนของชาติ
นอกจากนี้ โครงการเสริมสร้างสังคมคาร์บอนต่ำผ่านการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนเป็นโครงการที่มีความสอดคล้องเชื่อมโยงและตอบสนองต่อ แผนปฏิบัติการระยะ 5 ปี ตามกรอบสิบปี ว่าด้วยการผลิตและบริโภคที่ยั่งยืนที่สอดคล้องกับแผนขับเคลื่อนการผลิตและการบริโภคอย่างยั่งยืน พ.ศ. 2560 – 2579 (The 10-year framework of programmes on sustainable consumption and production (10YFP)) โดยโครงการฯ ในประเทศไทยได้เน้นประเด็นการขับเคลื่อนในระบบห่วงโซ่อุปทานข้าวโพดและการผลิตอาหารในภาคเกษตรกรรมและป่าไม้ ประเทศอินโดนีเซียได้เน้นการส่งเสริมการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนในประเด็นน้ำมันปาล์ม และในประเทศฟิลิปปินส์ที่เน้นการส่งเสริมและรณรงค์ด้านอาหารที่ถูกทิ้ง (Food Waste) ในภาคการท่องเที่ยว
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการของเราได้ที่นี่
ความสำคัญและความมุ่งมั่น
ปตท.สผ. ให้คุณค่ากับการพัฒนาสังคม อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยใช้แนวทางการมีส่วนร่วมและการสื่อสารกับผู้มีส่วนได้เสียในทุกระดับอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการประชุมกิจกรรมและจัดทำโครงการพัฒนาสังคมต่าง ๆ ในพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ปตท.สผ. ได้จัดทำแผนกลยุทธ์ระยะยาวสำหรับโครงการพัฒนาสังคมขึ้น โดยมุ่งเน้นสนับสนุนการเติบโตขององค์กร สร้างคุณค่าให้แก่สังคมและชุมชน สร้างความเชื่อมั่นและการยอมรับจากชุมชนรวมถึงผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องตามนโยบายบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์และนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ยอมรับ และสนับสนุนการดำเนินงานอันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่องค์กรและสังคมโดยรวม
เป้าหมายสำคัญ
ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน ปตท.สผ. มีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงความสมดุลขององค์ประกอบสำคัญ 3 ประการคือ ธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยได้นำเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nations Sustainable Development Goals – UN SDGs) มาเป็นแนวทางในการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
1. อนุรักษ์และใช้ประโยชน์จากมหาสมุทร และทรัพยากรทางทะเลอย่างยั่งยืน
ในปี 2563 ปตท.สผ. ได้ริเริ่มโครงการเพื่อสังคมภายใต้กลยุทธ์ทะเลเพื่อชีวิต (Ocean for Life) ที่ครอบคลุมกิจกรรมด้านการปลูกป่าชายเลน การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและขยะในทะเล การรักษาระบบนิเวศน์และเพิ่มทรัพยากรทางทะเล รวมถึงการสร้างเสริมสมรรถนะและศักยภาพในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการตลาดให้กับกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน
2. การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
3. พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้
4) การศึกษาที่เท่าเทียม
ภาพรวม ความคาดหวัง และแนวทางการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและชุมชน ปตท.สผ. ได้กำหนดกรอบการบริหารจัดการการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมสำหรับ ปตท.สผ. และบริษัทย่อยในการดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมเพื่อประโยชน์ของสังคมและชุมชนอย่างแท้จริง โดยได้กำหนดนโยบายและแนวทางการดำเนินงานต่าง ๆ เช่น นโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม นโยบายบริหารจัดการชุมชนสัมพันธ์ และแนวทางการให้เพื่อสังคม เพื่อกำกับดูแลการดำเนินงานของทุกพื้นที่ปฏิบัติการ นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความใส่ใจและสนับสนุนด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อมของชุมชนในพื้นที่ พร้อมสนับสนุนสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานโดยเน้นการมีส่วนร่วมและสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย ภายใต้นโยบายที่มุ่งเน้นการดำเนินการโครงการเพื่อพัฒนาสังคมในสัดส่วนที่มากกว่าการบริจาค โดย ปตท.สผ. ได้ดำเนินโครงการพัฒนาสังคมในเชิงกลยุทธ์แบ่งเป็นประเภทต่าง ๆ ดังนี้
โครงการเพื่อสังคม
ปตท.สผ. ได้ดำเนินโครงการเพื่อสังคมภายใต้ 4 แนวคิดหลัก คือ ความต้องการพื้นฐาน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม
ทั้งนี้ บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์ในการดำเนินงานเป็น 2 ระดับ คือในระดับมหภาคและในระดับจุลภาค
1. ระดับมหภาค
ปตท.สผ. วางเป้าหมายในการดำเนินงานโครงการเพื่อสังคมภายใต้กลยุทธ์ทะเลเพื่อชีวิต (Ocean for Life) ภายใต้แผนระยะยาว 10 ปี (พ.ศ. 2563 – 2573) เพื่อเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ส่งเสริมให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในท้องทะเลไทย ควบคู่ไปกับการสร้างงาน เพิ่มรายได้แก่ชุมชน ใน 17 จังหวัดรอบอ่าวไทย ซึ่งสอดคล้องกับ UN SDG 14: การอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและมหาสมุทรอย่างยั่งยืน (Life Below Water) โดยกำหนดกรอบการดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์ 3P ประกอบด้วย
โครงการเพื่อสังคม ภายใต้กลยุทธ์ทะเลเพื่อชีวิต (Ocean for Life) ตามกลยุทธ์ 3P ครอบคลุมถึงการดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเล และการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนที่อาศัยและพึ่งพาทรัพยากรจากทะเลผ่าน 6 โครงการ ดังนี้ โครงการบริหารจัดการขยะทะเล โครงการปลูกป่าชายเลน โครงการศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจ โครงการอนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล โครงการจัดทำแนวเขตอนุรักษ์ชายฝั่งทะเลและบ้านปลา และโครงการเพิ่มคุณค่าผลิตภัณฑ์อาหารทะเล
ตัวชี้วัดและผลการดำเนินงานของโครงการพัฒนาสังคมในระดับมหภาค แสดงให้เห็นดังโครงการ ตัวอย่างเช่น
โครงการศูนย์การเรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจ : โครงการสามารถเพิ่มปริมาณลูกปูคืนสู่ท้องทะเล เป็นแหล่งรายได้ของชุมชนอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับ UN SDGs เป้าหมายที่ 14 ปัจจุบัน ปตท.สผ. ได้สนับสนุนการดำเนินการศูนย์เรียนรู้เพาะฟักสัตว์น้ำเศรษฐกิจรวม 11 แห่ง และมีแผนที่จะต่อยอดขยายการสนับสนุนในพื้นที่ปฏิบัติการอื่น ๆ ต่อไปในอนาคต ปัจจุบันโครงการมีสมาชิกเครือข่าย 2,443 คน และผลจากการดำเนินงานสามารถทำให้ชาวประมงมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 80,768 บาท/ครัวเรือน/ปี จากการจับสัตว์น้ำได้มากขึ้น การวิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (SROI) ของโครงการนี้เท่ากับ 3.25 : 1
2. ระดับจุลภาค
ปตท.สผ. ดำเนินงานโครงการเพื่อสังคมในพื้นที่ปฏิบัติการภายใต้แนวคิด 4 แนวคิดหลัก คือ ความต้องการพื้นฐาน การศึกษา สิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม โดยมุ่งเน้นให้ทุกโครงการและกิจกรรมสร้างประโยชน์โดยตรงแก่ชุมชนในการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างงานและโอกาสการจ้างงานคนในท้องถิ่นเพิ่มมากขึ้น ตอบสนองความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง อันจะนำไปสู่การได้รับการสนับสนุนจากชุมชนและสังคมในทุกพื้นที่การดำเนินงานของบริษัท ซึ่งจะสนับสนุนปัจจัยขับเคลื่อนธุรกิจ "Zero Disruption to Operations" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียเชื่อถือไว้วางใจ สนับสนุนการดำเนินงานของ ปตท.สผ. และมีความผูกพันต่อองค์กรในระดับ "การสนับสนุน" และเพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างราบรื่น โดยไม่มีข้อขัดแย้ง หรือการคัดค้านต่อต้านจากชุมชน
การสร้างคุณค่าร่วม
การสร้างคุณค่าร่วมคือ รูปแบบการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ที่บริษัทดำเนินการเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ควบคู่ไปกับการพัฒนาศักยภาพของชุมชนในพื้นที่ที่บริษัทดำเนินธุรกิจอยู่ โดยใช้วิธีการทางธุรกิจในการแก้ปัญหา หรือรับมือกับความท้าทาย
ปตท.สผ. ได้ใช้แนวทางการให้ความช่วยเหลือเชิงกลยุทธ์ในลักษณะสร้างคุณค่าร่วมระหว่างธุรกิจและสังคม จึงได้คัดเลือกโครงการเพื่อสังคมที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบันและมีศักยภาพที่จะพัฒนาได้ตามแนวทางการสร้างคุณค่าร่วม โดยเน้นการประยุกต์ความถนัดความเชี่ยวชาญของ ปตท.สผ. และการใช้โครงข่ายธุรกิจ สนับสนุนการทำงานของชุมชนหรือผู้มีส่วนได้เสียที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย ผ่านโครงการพัฒนาศักยภาพแรงงาน ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาเพื่อพัฒนาแรงงานฝีมือด้านเทคนิคเข้าสู่ภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมเมียนมา และโครงการก๊าซธรรมชาติเพื่อเกษตรชุมชนและสิ่งแวดล้อม ซึ่ง ปตท.สผ. ร่วมกับกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงาน และชุมชนตำบลหนองตูม อำเภอกงไกรลาศ จังหวัดสุโขทัย โดยการนำก๊าซส่วนเกินที่ได้จากกระบวนการผลิตที่สถานีผลิตย่อยหนองตูมมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรแทนการเผาทิ้งตามกระบวนการจัดการก๊าซส่วนเกิน
วิสาหกิจเพื่อสังคม
วิสาหกิจเพื่อสังคมคือ กิจการที่มีจุดมุ่งหมายหลักในการแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยการใช้กลไกการบริหารจัดการที่ดีของภาคธุรกิจ เพื่อให้มีความยั่งยืนทางการเงินจากรายได้หลักที่มาจากสินค้าหรือบริการ โดยไม่ต้องพึ่งพาการบริจาค และนำผลกำไรที่เกิดขึ้นไปลงทุนเพื่อขยายผลในชุมชน
ในระดับนโยบาย ปตท.สผ. ร่วมกับกลุ่ม ปตท. จัดตั้ง บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด (Sarn Palung Social Enterprise Company Limited (SPSE) ซึ่งเป็นบริษัทวิสาหกิจเพื่อสังคม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อสังคมในรูปแบบ Social Enterprise (SE) ให้เป็นรูปธรรม เพื่อแก้ไขปัญหา พัฒนาชุมชน สิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในระยะยาว ภายใต้โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตและรายได้ โดยมีโรงเรียนเป็นศูนย์กลาง และโครงการวิสาหกิจเพื่อสังคม ร้านกาแฟอเมซอนเพื่อการสร้างโอกาส
การเป็นพลเมืองดีของสังคมclose | open
การเป็นพลเมืองดีของสังคมและกลยุทธ์การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนของ ปตท.สผ.
ในฐานะพลเมืองที่ดีของสังคม ปตท.สผ. ได้กำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน สำหรับพื้นที่ปฏิบัติการต่าง ๆ ทั่วโลก เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ได้พิจารณาถึงความต้องการทางสังคมของแต่ละพื้นที่เป็นสำคัญ
ปตท.สผ. ให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ปฏิบัติการผ่านการดำเนินโครงการพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเสริมสร้างความเข้าใจระหว่างชุมชนและองค์กรด้วยการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจด้านการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ถูกต้อง ควบคู่กับการมีส่วนร่วมของพนักงานในการพัฒนาสังคมและชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทได้จัดทำการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่ปฏิบัติการ เพื่อวัดระดับความผูกพันของผู้มีส่วนได้เสียที่มีต่อบริษัท และนำผลที่ได้จากการสำรวจฯ มาจัดทำแผนงานโครงการพัฒนาสังคมและชุมชนสัมพันธ์เพื่อให้เกิดการยอมรับและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของ ปตท.สผ. โดยได้จำแนกระดับความผูกพันของผู้มีส่วนได้เสียออกเป็น 4 ระดับคือ 1. ระดับการรับรู้ 2. ระดับความเข้าใจ 3. ระดับการมีส่วนร่วม และ 4. ระดับการสนับสนุน โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับความผูกพันของผู้มีส่วนได้เสียหลักในพื้นที่ปฏิบัติการให้อยู่ในระดับ 4 เพื่อช่วยขับเคลื่อนและสนับสนุน ในการยกระดับความผูกพันของผู้มีส่วนได้เสีย ปตท.สผ. จึงดำเนินกิจกรรมที่มุ่งเน้นเพื่อการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของสังคมเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ ปตท.สผ. มีกลยุทธ์การดำเนินงานโครงการเพื่อสังคมด้วยการสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder Value Creation) โดยบริษัทยังคงมุ่งเน้นโครงการเพื่อสังคมด้านความต้องการพื้นฐานอีกทั้งยกระดับโครงการเพื่อสังคม (CSR) ที่มีศักยภาพไปสู่การสร้างคุณค่าร่วม (CSV) และยังคงดำเนินการโครงการวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
ด้วยความมุ่งหวังที่จะดำเนินการโครงการพัฒนาสังคมของบริษัทอย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินโครงการเพื่อสังคมของ ปตท.สผ. จะเกิดประโยชน์ต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างแท้จริง ปตท.สผ. วิเคราะห์ผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุน (Social Return on Investment - SROI) ของโครงการเพื่อสังคมต่าง ๆ โดยปัจจุบันได้วิเคราะห์ไปแล้วจำนวน 28 โครงการ โดย โครงการใดที่มีผลตอบแทนน้อยกว่า 2 เท่าของต้นทุนการดำเนินโครงการ บริษัทจะหาแนวทางปรับปรุงเพื่อให้มีผลตอบแทนทางสังคมจากการลงทุนให้มากขึ้น
กิจกรรมเพื่อสาธารณกุศลclose | open
ปตท.สผ. ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบ ตั้งแต่การบริจาคจนถึงการดำเนินโครงการเพื่อสังคมระยะยาว นับตั้งแต่ปี 2563 ที่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งถือเป็นวิกฤติด้านสาธารณสุขของประเทศและของโลก ปตท.สผ. ได้ปรับแผนการปฏิบัติงานและแผนการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคมให้สอดคล้องกับนโยบายด้านสาธารณสุขของประเทศที่บริษัทมีพื้นที่ปฏิบัติการ ภายใต้แนวคิด ปตท.สผ. ร่วมสู้วิกฤตไวรัสโควิด-19 โดย ปตท.สผ. ได้ผสานองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านการค้นหาพลังงานมาประยุกต์ใช้ในการสร้างนวัตกรรม ในปี 2564 ปตท.สผ. ยังคงร่วมเป็นพลังช่วยเหลือสังคมอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้กับวิกฤตเคียงข้างคนไทยและบุคลากรทางการแพทย์ ตลอดระยะเวลาเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา โดยได้สนับสนุนทั้งนวัตกรรมและงบประมาณ รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 150 ล้านบาท ให้แก่ โรงพยาบาล สถาบันการศึกษา และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้ ปตท.สผ. โดย บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด ร่วมกับพันธมิตร พัฒนานวัตกรรมเตียงเคลื่อนย้ายผู้ป่วยแรงดันลบ และกล่องทำหัตถการแรงดันลบ มอบให้กับคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช เพื่อนำไปส่งต่อให้กับโรงพยาบาล 87 แห่งทั่วประเทศ พัฒนาหุ่นยนต์ฆ่าเชื้อโรค "เอ็กซ์เตอร์ไลเซอร์" มอบแก่กรมควบคุมโรค และโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลปิยะเวทและโรงพยาบาลบางปะกอก พัฒนาชุดอุปกรณ์ระบบตรวจวัดอุณหภูมิตู้เก็บวัคซีนโควิด-19 และควบคุมห่วงโซ่ความเย็น มอบให้แก่กระทรวงสาธารณสุข พัฒนา หุ่นยนต์ "CARA" ผู้ช่วยบุคลากรทางการแพทย์ในการรับส่งเวชภัณฑ์ และอาหารในโรงพยาบาล เพื่อลดโอกาสสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อของบุคคลากรทางการแพทย์ สนับสนุนเครื่องให้อากาศผสมออกซิเจนอัตราการไหลสูง จำนวน 139 เครื่อง ให้แก่ โรงพยาบาลสนามบุษราคัม และโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพและปริมณฑล ส่งมอบ Home Isolation Kit "กล่องความห่วงใย" จำนวน 36,000 กล่อง ให้แก่ผู้ป่วยในการรักษาตัวที่บ้าน อีกทั้ง ได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ภายใต้ "โครงการลมหายใจเดียวกัน" จับมือกับภาครัฐและพันธมิตรทางการแพทย์จัดตั้งหน่วยคัดกรองและโรงพยาบาลสนามสำหรับดูแลผู้ป่วยโควิดทุกระดับความรุนแรงแบบครบวงจร และยังสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น สนับสนุนโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ในการจัดซื้อรถพยาบาลและเครื่องช่วยหายใจ สนับสนุนจัดซื้อเครื่องติดตามการทำงานของหัวใจและสัญญาณชีพ เครื่องให้ความอบอุ่นพร้อมระบบทำหัตถการสำหรับทารกแรกเกิดในภาวะวิกฤติ ให้แก่คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล จัดกิจกรรมพนักงานจิตอาสาร่วมกันบริจาคโลหิต มอบชุด PPE และหน้ากากอนามัยให้กับโรงพยาบาลและประชาชนทั่วไป เป็นต้น
ในด้านการศึกษาวิจัย ปตท.สผ. ให้การสนับสนุนโครงการพัฒนานวัตกรรมสเปรย์พ่นหน้ากากผ้าเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันฝุ่นและไวรัส แก่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สนับสนุนการผลิตชุดตรวจคัดกรองความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้น สนับสนุนสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในการพัฒนาชุดตรวจวินิจฉัยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ประสิทธิภาพสูง สนับสนุน งบประมาณ องค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อส่งเสริมการค้นคว้าวิจัย ทดลอง โครงการพัฒนาวัคซีน จุฬาฯ-ใบยา ชนิดโปรตีนซับยูนิตจากใบยาสูบ ร่วมกับ บริษัท ใบยาไฟโตฟาร์ม จำกัด และมูลนิธิซียูเอนเทอร์ไพร์ส เพื่อให้ประเทศไทยและคนไทยมีวัคซีนต้านโควิดที่มีคุณภาพทัดเทียมกับต่างประเทศ สร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งในการป้องกันเชื้อโรค รวมทั้ง ยังเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จและความสามารถของประเทศไทยในการพึ่งพาตนเองได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ ปตท.สผ. ยังสนับสนุนงบประมาณและอุปกรณ์ป้องกันต่าง ๆ ให้กับหน่วยงานในต่างประเทศที่ ปตท.สผ. มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เช่น ศูนย์กักกันในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา Relief and Recovery Fund ในประเทศมาเลเซีย และสำนักผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาของสาธารณรัฐอินโดนีเซีย เป็นต้น
ภายหลังจากที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการทางสาธารณสุข เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ปตท.สผ. ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม สิ่งแวดล้อม และการบริจาคตามแผนงาน โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยให้การสนับสนุนกิจกรรมด้านต่างๆ ดังนี้
- ด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การจัดกิจกรรมเก็บขยะชายหาดและกิจกรรมบริหารจัดการขยะทะเล การบริจาคเครื่องเลเซอร์เพื่อรักษาเต่าทะเล การสนับสนุนกิจกรรมวันทะเลโลก
- ด้านการส่งเสริมอาชีพและสร้างรายได้ เช่น โครงการการฝึกอาชีพ การฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือแรงงาน และการส่งเสริมศักยภาพวิสาหกิจขนาดเล็ก เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการฟื้นฟูเศรษฐกิจของชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาด
- ด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น สนับสนุนงบประมาณในการจัดสร้างอาคารผู้ป่วยในโรงพยาบาลลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร สนับสนุนรถรักษ์สุขภาพแก่โรงพยาบาลในพื้นที่ปฏิบัติการ จัดกิจกรรมตรวจสุขภาพให้ประชาชน นอกจากนี้ ยังได้ให้ความช่วยเหลือและมอบถุงยังชีพให้แก่ผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือผ่านกองทัพภาคที่ 3
และยังมีกิจกรรมอื่น ๆ ได้แก่ การจัดกิจกรรมการบริจาคโลหิตให้แก่พนักงานและบริษัทคู่ค้าที่สำนักงานใหญ่และพื้นที่ปฏิบัติการ