จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูพุทธเจ้าโดยแท้ และจะเปิดโลกนี้ให้กระจ่างสว่างไสวด้วยพระกระแสแห่งธรรมเทศนา
เป็นคุณที่น่าโสมนัสยิ่งนัก แต่เมื่ออาตมานึกถึงอายุสังขารของอาตมาซึ่งชราเช่นนี้แล้ว
คงจะอยู่ไปไม่ทันเวลาของพระกุมารจะได้ตรัสรู้เป็นพระบรมครูสั่งสอน
จึงได้วิปฏิสารโศกเศร้า เสียใจที่มีอายุไม่ทันได้สดับรับพระธรรมเทศนา อาตมาจึงได้ร้องไห้
ครั้นอสิตะดาบทถวายพระพรแล้ว ก็ทูลลากลับไปบ้านน้องสาว
นำข่าวอันนี้ไปบอกนาลกะมานพ ผู้หลานชาย
และกำชับให้พยายามออกบวชตามพระกุมารในกาลเมื่อหน้าโน้นเถิด
ครั้นถึงวันเป็นคำรบ 5 นับแต่พระกุมารประสูติมา พระเจ้าสุทโธทนะราชจึงโปรดให้ทำพระราชพิธีโสรจสรงองค์พระกุมารในสระโบกขรณี
เพื่อถวายพระนามตามขัตติยราชประเพณี โปรดให้ตกแต่งพระราชนิเวศน์
ประพรมด้วยจตุรสุคนธชาติ และได้โปรยปรายซึ่งบุบผาชาติ
มีข้าวตอกเป็นคำรพ 5 ปูลาดอาสนะอันขจิตด้วยเงินทองและแก้ว
ตกแต่งข้าวปายาสอันประณีต
ให้ประชุมกษัตริย์ พราหมณ์ คหบดี และเสนามุขอำมาต์ย ทั้งปวงพร้อมกันในพระราชนิเวศน์
รับสั่งให้เชิญพระราชโอรสอันประดับด้วยราชประสาธนาภรณ์อันวิจิตรมาสู่มหามณฑลสันนิบาต
แล้วเชิญพราหมณาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญในไตรเพท 108 คน
ให้เลือกสรรเอาพราหมณ์ 8 คน
ผู้ทรงคุณวิทยาประเสริฐกว่าพราหมณ์ทั้งหมดนั้น
ให้นั่งเหนืออาสนะอันสูง
แล้วให้เชิญพระราชโอรสไปยังที่ประชุมพราหมณ์ 8 คนนั้น
เพื่อพิจารณาพระลักษณะพยากรณ์
พราหมณ์ทำนายลักษณะ
พราหมณ์ 8 คนนั้น มีนามว่า
รามพราหมณ์
ลักษณะพราหมณ์
ยัญญพราหมณ์
ธุชพราหมณ์
โภชพราหมณ์
สุทัตตพราหมณ์
สุยามพราหมณ์
โกณทัญญพราหมณ์
ใน 7 คนข้างต้น เว้นโกณทัญญพราหมณ์เสีย
พิจารณาเห็นพระลักษณะพระกุมารบริบูรณ์
จึงยกนิ้วมือขึ้น 2 นิ้ว ทูลเป็นสัญลักษณ์ทำนายมีคติ 2 ประการว่า
พระราชกุมารนี้ ผิว่าสถิตอยู่ในฆราวาส จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ ผิว่าออกบรรพชาจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า